BMW ต่อยอดเพิ่มรุ่นใหม่เข้าไปในรถตระกูลที่ขายดีที่สุดอย่าง Series 3 โดยการออกรุ่น 320d EfficientDynamics ใหม่ ซึ่งจะเปิดตัวครั้งแรกในงานมอเตอร์โชว์ที่ Frankfurt ในเดือนหน้า 320d EfficientDynamics ใช้รถยนต์รุ่น 320d เป็นรถพื้นฐานและเป็นรุ่นที่ BMW อ้างว่าเป็น Series 3 ที่ประหยัดน้ำมันที่สุดและยังปล่อย CO2 เข้าสู่อากาศน้อยที่สุดในรถตระกูลนี้อีกด้วย โดยมีอัตราการใช้เชื้อเพลิงดีเซลอยู่ที่ 4.1 ลิตร/100 กิโลเมตร และมีอัตราการปล่อย CO2 อยู่ที่ 109 กรัม/กิโลเมตรในการทดสอบของ EU
[singlepic id=9484 w=490 h=360 float=center]
เพื่อให้เห็นภาพมากขึ้น ในการทดสอบของ EU รถไฮบริดอย่าง Honda Insight ที่มีขนาดเล็กกว่ามีอัตราการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเบนซินอยู่ที่ 4.4 ลิตร/100 กิโลเมตร ในขณะที่มีอัตราการปล่อย CO2 สู่อากาศที่ 101 กรัม/กิโลเมตร
[singlepic id=9478 w=490 h=360 float=center]
320d EfficientDynamics ใช้เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร พร้อมเทอร์โบชาร์จเจอร์เดียว ให้กำลัง 163 แรงม้า ที่ 3,500-4,200 รอบ/นาที โดยมีแรงบิดสูงสุดที่ 360 นิวตัน-เมตร ที่ 1,750-3,000 รอบ/นาที
[singlepic id=9480 w=490 h=360 float=center]
Series 3 รุ่นนี้สามารถทำความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตร/ชั่วโมงได้ภายใน 8.2 วินาที ในขณะที่มีอัตราเร่งโดยใช้เกียร์ 5 จาก 80 ถึง 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายในเวลา 9.6 วินาที และมีความเร็วสูงสุดที่ 220 กิโลเมตร/ชั่วโมง
[singlepic id=9481 w=490 h=360 float=center]
การเปลี่ยนแปลงที่ต่างไปจากรุ่น 320d มาตรฐาน ก็คือ เครื่องยนต์ที่ดีขึ้น อัตราการส่งกำลังเพลาหลังที่ดีขึ้น ระบบกันสะเทือนที่ถูกปรับให้ต่ำลง และการใช้ล้ออัลลอยออกแบบพิเศษตามหลักอากาศพลศาสตร์หรือ Aerodynamics ที่ใช้ยาง EnergySaver ของ Michelin
[singlepic id=9477 w=490 h=360 float=center]
นอกจากนั้นแล้ว 320d EfficientDynamics ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีคลัตช์แบบใหม่ dual mass flywheel พร้อมสปริงที่ช่วยลดการสั่นของเครื่องยนต์ที่ส่งผ่านระบบขับเคลื่อน ทำให้เกิดความนุ่มนวลในการขับขี่มากขึ้น และเหมือนกับรถยนต์ของ BMW รุ่นอื่นๆที่ใช้เทคโนโลยี EfficientDynamics ซึ่งจะมาพร้อมกับระบบ start & stop อัตโนมัติ การใช้พลังงานที่เกิดจากการเบรค และระบบพวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า ซึ่งเหล่านี้ล้วนเป็นอุปกรณ์มาตรฐานของรถยนต์รุ่นนี้
แม้ว่าจะมีการพัฒนาในหลายๆจุด แต่ราคาของ 320d EfficientDynamics รุ่นนี้เท่ากันกับราคาของ 320d รุ่นมาตรฐาน โดยการขายจะเริ่มขึ้นภายในสิ้นปีนี้ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดครับ
ที่มา: BMW
[nggallery id=604]
ความคิดเห็น