Mercedes-Benz F800 Style คือรถไฮบริดแนวคิดในสไตล์รูปลักษณ์ของ CLS เจนเนอเรชั่นใหม่จากค่าย Mercedes-Benz ที่บริษัทฯอ้างว่ามีอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ภายในเวลา 4.8 วินาที ในขณะที่ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง สิ่งที่สะดุดตาก็ต้องยกให้รูปทรงที่ปราดเปรียว ล้ำสมัย และดูมีพลวัต ที่กำลังจะกลายเป็นธีมหลักของการออกแบบรถยนต์จากค่ายดาวสามแฉกนี้ในอนาคต
[singlepic id=17820 w=490 h=360 float=center]
ระบบขับเคลื่อนของ F800 Style ประกอบด้วยเครื่องยนต์ V6 ให้กำลัง 272 แรงม้า และมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 109 แรงม้า ที่มีการเชื่อมโยงไปยังชุดแบตเตอรี่ลิเธี่ยมอิออนที่สามารถทำการชาร์จได้ทั้งจากที่บ้านหรือสถานีเติมไฟตามที่สาธารณะในต่างประเทศ โดยระยะทางทำการที่ใช้ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวคือ 30 กิโลเมตร และกินน้ำมันเพียง 2.9 ลิตร/100 กิโลเมตร โดยมีอัตราการปล่อย CO2 สู่อากาศเพียง 69 กรัม/กิโลเมตรเท่านั้น ซึ่งในโหมดไฟฟ้า ความเร็วสูงสุดจะทำได้ที่ 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง โดยระบบขับเคลื่อนนี้จะมีใช้ในรุ่น S-Class เจนเนอเรชั่นต่อไปอีกด้วย
[singlepic id=17821 w=490 h=360 float=center]
เทคโนโลยีที่โดดเด่นสำหรับรถรุ่นนี้ก็คือ ฟังค์ชั่นการทำงานที่เรียกว่า "Range on Map" ซึ่งเป็นระบบนำทางที่แสดงข้อมูลให้คุณทราบว่าคุณสามารถเดินทางได้ไกลแค่ไหนในการขับรถเที่ยวนั้น ส่วนจะนำข้อมูลไปประยุกต์แบบไหนก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่อย่างน้อยก็บอกได้ว่า คุณจะสามารถ/ไม่สามารถเดินทางให้ถึงที่หมายโดยไม่เติมน้ำมัน(ไฟฟ้า)ได้หรือไม่ เหมาะสำหรับรถไฮบริดในปัจจุบันที่ระยะทำการไม่มากนัก เพราะถ้าเผลอน้ำมันหมด ไฟหมดก็อาจจะจอดว้าเหว่กลางถนนได้
[singlepic id=17822 w=490 h=360 float=center]
นอกจากนั้นแล้งยังมีเทคโนโลยี DISTRONIC PLUS Traffic Jam Assist ที่ช่วยลดระดับความเครียดและผ่อนแรงในการขับขี่ ซึ่งค่ายดาวสามแฉกเป็นรายแรกที่นำระบบนี้มาใช้ หลักการทำงานก็คือ ระบบจะสามารถควบคุมพวงมาลัยให้รถแล่นตามหลังรถคันข้างหน้าได้โดยระบบจะทำหน้าที่ควบคุมพวงมาลัยเอง ความสุดยอดอยู่ตรงที่ระบบไม่ได้แล่นตามแบบไม่ดูตาม้าตาเรือ เช่น รถคันหน้าเลี้ยวออกนอกทาง รถเราก็จะไม่เลี้ยวตามไปด้วย ซึ่งระบบจะทำงานในระดับความเร็วที่ต่ำกว่า 40 กิโลเมตร/ชั่วโมง แต่เมื่อความเร็วเกินที่กำหนดไว้ระบบจะเริ่มหยุดการทำงานอย่างช้าๆและไม่ทำให้ผู้ขับขี่รู้สีกว่าถูกฝืนในการควบคุมพวงมาลัย ซึ่งการที่ระบบนี้มีความฉลาดในการควบคุมพวงมาลัยก็เนื่องมาจากมีการส่งข้อมูลที่ได้จากระบบเซนเซอร์ด้วยเรด้าร์รวมถึงข้อมูลจากกล้องแบบสเตริโอมาประมวลผลในการสั่งการนั่นเอง
[singlepic id=17823 w=490 h=360 float=center]
เทคโนโลยีใหม่อีกอย่างสำหรับรถรุ่นนี้ก็คือ ระบบ PRE-SAFE 360 องศา ที่พัฒนามาจากระบบป้องกันผู้โดยสารล่วงหน้า PRE-SAFE โดยเป็นระบบที่คอยเฝ้าระวังการชนจากด้านหลังรถในขณะที่รถจอดหยุดนิ่งติดไฟแดงโดยระบบจะทำการเบรคหยุดรถให้นิ่งอัตโนมัติล่วงหน้าเป็นเวลา 600 มิลลิวินาทีก่อนที่จะมีการชนด้านหลังเกิดขึ้น ประโยชน์ก็คือ ถ้าคุณถูกชนจากด้านหลังตอนที่กำลังจอดติดไฟแดง ระบบจะทำการเบรคอัตโนมัติไม่ให้รถพุ่งไปข้างหน้าซึ่งในขณะนั้นอาจจะมีคนกำลังเดินข้ามทางม้าลาย หรือมีรถอยู่ด้านหน้า แต่ด้วยชื่อที่มีคำว่า "360 องศา" ระบบก็น่าจะทำงานอัตโนมัติเมื่อมีการชนจากทุกทิศทาง เพียงแต่ว่าการชนจากด้านหลังในขณะรถหยุดนิ่งน่าจะมีโอกาสเกิดมากที่สุด
[singlepic id=17817 w=490 h=360 float=center]
โดยรวมถือว่ารถรุ่นนี้ครบเครื่องทั้งเรื่องรูปโฉมและเทคโนโลยีที่ทันสมัยครับ
[singlepic id=17813 w=490 h=360 float=center]
[singlepic id=17804 w=490 h=360 float=center]
[smooth=id:1155;]
[nggallery id=1155]
ที่มา: Mercedes-Benz
ความคิดเห็น