Lexus เลือกงาน Pebble Beach Concours d'Elegance ในการเปิดตัวรถที่มีผู้คนรอคอยกันมานาน มันคือ All-New Lexus GS โฉมใหม่ รุ่นปี 2013 ที่ได้รับการออกแบบให้มีความร่วมสมัยด้วยดีไซน์ในแนวสปอร์ตคล้ายกับ LF-Gh Concept ด้วยกระจังหน้าดีไซน์ใหม่ ไฟหน้าที่ติดตั้งไฟวิ่ง LED อยู่ด้วย ดิฟฟิวเซอร์ท้าย และชุดท่อไอเสียคู่ สำหรับภายในหรูหราด้วยเบาะนั่งหุ้มหนัง ไฟแอมเบียนท์ และนาฬิกาแบบอนาล็อคที่คงความคลาสสิคไว้ นอกจากนั้นยังมีระบบ infotainment ที่มาพร้อมจอแสดงผลขนาด 8 นิ้ว (แต่จะเป็นจอขนาด 12.3 นิ้วสำหรับรุ่นที่มีระบบนำทาง) ระบบปรับอากาศแบบประหยัดพลังงานซึ่งใช้เทคโนโลยีการตรวจจับผู้โดยสารภายใน โดยมีชุดเครื่องเสียง Mark Levinson พร้อมลำโพง 17 จุด เป็นอ็อปชั่น
ซีดานขนาดกลางรุ่นนี้ยังมีระยะห่างระหว่างล้อคู่หน้าและคู่หลังมากขึ้นอีก 40 และ 50 มิลลิเมตร ตามลำดับ มาพร้อมโช้คอัพชุดใหม่ที่ตอบสนองการขับขี่ได้เร็วขึ้น ส่วนระบบเบรคเป็นดิสก์เบรคเจาะรูระบายอากาศโดยมีคาลิปเปอร์ขนาด 4 ลูกสูบสำหรับล้อคู่หน้า
.
ในยุโรป Lexus มี GS 250 เป็นรุ่น Base ที่ไม่มีการเปิดเผยในเรื่องขุมพลังแต่คาดว่าจะเป็นเครื่อง V6 2.5 ลิตร ส่วนรุ่นไฮบริดจะเป็น GS 450h แบบ Full Hybrid โดยในสหรัฐอเมริกาจะมีรุ่น GS 350 เพิ่มเข้ามาโดยมีระบบขับเคลื่อนเป็นเครื่องยนต์ V6 2.5 ลิตร 306 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 376 นิวตันเมตร ทำให้อัตราเร่งจาก 0-96 กิโลเมตร/ชั่วโมง (60 ไมล์/ชั่วโมง) ทำได้ภายในเวลา 5.7 วินาที โดยมีความเร็วสูงสุดที่ 228 กิโลเมตร/ชั่วโมง ส่วนอัตราเร่งจาก 30-50 ไมล์/ชั่วโมง (48-80 กิโลเมตร/ชั่วโมง) ทำได้ภายใน 3.0 วินาที ขับเคลื่อนผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ Sequential Shift 6 สปีด ที่มาพร้อม Paddle Shifter และฟังค์ชั่นการขับแบบสปอร์ต ซึ่งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน สำหรับรุ่น GS 350 จะมีทั้งระบบขับเคลื่อนแบบล้อหลังและ All-Wheel Drive (AWD) ซึ่งระบบ AWD สามารถเปลี่ยนสมดุลย์อัตราแรงบิดหน้า/หลัง ได้ตั้งแต่ 50/50 ไปจนถึง 30/70 ตามสภาพการขับขี่
และถึงแม้ว่ามิติตัวถังจะใกล้เคียงกับรุ่นก่อน แต่ Lexus GS โฉมใหม่กลับมีพื้นที่ภายในห้องโดยสารที่กว้างขวางขึ้น โดยพื้นที่/ปริมาตรจุสัมภาระท้ายรถเพิ่มขึ้นถึง 25% การเข้า-ออกจากรถก็ทำได้ง่ายขึ้นด้วยช่องประตูที่กว้างขึ้น โครงเบาะและแกนพวงมาลัยซึ่งได้รับการออกแบบใหม่ทำให้ทัศนวิสัยของผู้ขับขี่ดีขึ้นและเพิ่มความสะดวกสบายมากขึ้น
สำหรับแดชบอร์ดของ GS รุ่นนี้จะแตกต่างจากรุ่นก่อนโดยสิ้นเชิง ด้วยดีไซน์ที่ได้มาจากซุปเปอร์คาร์ราคาแพงระยับของ Lexus อย่าง LF-A โดยมีเส้นสายการออกแบบที่ดูสะอาดตา ไฮไลท์สำคัญอยู่ที่หน้าจอแสดงผลระบบสัมผัสขนาดใหญ่(สูงสุด 12.3 นิ้ว) และปุ่มควบคุมในตำแหน่งใหม่สำหรับชุดเครื่องเสียง (Mark Levinson พร้อมลำโพง 17 ตัว ถ้าคุณเลือกซื้อเพิ่มเติม) และระบบปรับอากาศภายในรถที่จใช้เทคโนโลยีประหยัดพลังงานที่เรียกว่า S-Flow ซึ่งมาพร้อมระบบตรวจจับผู้โดยสารอัจฉริยะที่จะส่งอากาศไปยังบริเวณที่มีผู้โดยสารนั่งอยู่จริงๆเท่านั้น
สำหรับระบบคุมควบมัลติมีเดียแบบ All-In-One ถือว่าขาดไม่ได้สำหรับรถในระดับนี้ Lexus ก็มีระบบ Remote Touch ที่มาพร้อมปุ่มยืนยันแบบ One-Push เจนเนอเรชั่นใหม่ล่าสุด ที่เป็นอุปกรณ์มาตรฐานซึ่งจะทำการควบคุมอากาศภายใน รวมถึงการควบคุมระบบเครื่องเสียง ระบบโทรศัพท์ และระบบนำทาง
ในด้านความปลอดภัย GS มาพร้อมระบบความปลอดภัยทั้งแบบ Active และ Passive ที่มีถุงลมนิรภัยถึง 10 จุดด้วยกัน ซึ่งรวมถึงบริเวณเข่าของผู้ขับและผู้โดยสารด้านหน้า และด้านข้างสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง GS โฉมใหม่ยังมาพร้อมระบบป้องกันการชนที่ใช้ระบบ Cruise Control ซึ่งได้รับการติดตั้งระบบเรดาห์ที่จะทำการตรวจจับสิ่งกีดขวางต่างๆที่อาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุรวมถึงกล้องอินฟราเรดที่จะตรวจทำการทำงานของสายตาผู้ขับขี่ ซึ่งถ้าผู้ขับไม่ได้มองตรงไปข้างหน้าในขณะที่ระบบคำนวณพบว่ามีความเป็นไปได้ในการเกิดอุบัติเหตุสูง ระบบจะทำการแจ้งเตือนด้วยเสียง ซึ่งถ้าไม่มีการตอบสนองใดๆจากผู้ขับ ระบบจะทำการเบรคอัตโนมัติเพื่อความปลอดภัย
นอกจากนั้น Lexus ยังมีชุดแต่ง F-Sport สำหรับการประทินโฉมและอัพเกรดแชสซีส์ โดยการผลิต GS จะเริ่มขึ้นในเดือนธันวาคมปีนี้ และจะสามารถส่งมอบรถให้กับโชว์รูมต่างๆได้ในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า
ความคิดเห็น