Fiat Panda มีอายุอานามร่วม 31 ปีมาแล้ว นับตั้งแต่เจนเนอเรชั่นแรกที่ถูกแนะนำสู่ตลาดในปี 1980 และเริ่มมีรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลในปี 1986 ตามด้วยการใช้ระบบขับเคลื่อนแบบ 4-Wheel Drive ในปี 1983 โดยมีรุ่นย่อยที่ชื่อว่า Elettra ซึ่งเป็นรถพลังงานไฟฟ้ายุคแรกๆในปี 1990 จนกระทั่งปี 2003 จึงมีการเปิดตัว Panda เจนเนอเรชั่นที่ 2 ขึ้นมา และมีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องจนกลายเป็นรถพื้นฐานในการสร้างรุ่น 500 ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดรุ่นหนึ่งของ Fiat ในปัจจุบัน
ล่าสุด Fiat คิดว่าถึงเวลาของการเปิดตัว Panda เจนเนอเรชั่นที่ 3 แล้ว และงาน Frankfurt Motor Show ปีนี้ก็เป็นจังหวะที่เหมาะสมที่สุดในการอวดโฉมรถรุ่นนี้ต่อสายตาชาวโลก ซึ่ง Panda โฉมใหม่มาพร้อมคำว่า Nuova ภาษาอิตาเลี่ยนที่แปลว่า "ใหม่" กลายเป็น Nuova Panda ที่มีมิติตังถังใหญ่ขึ้นกว่าเดิมด้วยความยาว 3,538 มิลลิเมตร กว้าง 1,640 มิลลิเมตร และสูง 1,550 มิลลิเมตร โดยจะมีเพียงเวอร์ชั่น 5 ประตูเพียงแบบเดียวเท่านั้น
รูปลักษณ์ภายนอกของ Nuova Panda ดูทันสมัยและมีความโค้งมนมากกว่าเจนเนอเรชั่นที่ 2 และยังให้ความรู้สึกถึงความเป็นรุ่น 500 ในที โดยยังคงความเป็นเอกลักษณ์ของรุ่นไว้เช่นเดิมด้วยการใช้พื้นที่กระจกขนาดใหญ่และไฟท้ายแนวตั้ง สำหรับภายในของ Nuova Panda ก็ยังคงความเป็น Panda ไว้ในแบบเดิมๆด้วยเลย์เอ้าท์ของคอนโซลและคันเกียร์ที่ถูกติดตั้งในตำแหน่งที่สูงขึ้นกว่าที่พบในรถทั่วไป เบาะที่นั่งด้านหลังสามารถเลื่อนแบบสไลด์ได้ ส่วนระบบความปลอดภัยประกอบด้วยถุงลมนิรภัย 4 จุดพร้อมเบรค ABS ซึ่งเป็นอปกรณ์มาตรฐาน
ช่วงล่างของ Nuova Panda ยังคงแบบเดิมไว้คือ McPherson strut สำหรับด้านหน้าและ torsion beam สำหรับด้านหลัง แต่สำหรับเรื่องของขุมพลังแล้วมีการเปลี่ยนแปลงมากทีเดียว โดย Fiat ตั้งใจที่จะเปิดตัวด้วยจำนวนเครื่องยนต์ที่ไม่ต่ำกว่า 6 รุ่น โดยเครื่องยนต์เบนซินมีทั้งเครื่องยนต์ TwinAir 0.9 ลิตร 2 สูบ จำนวน 2 รุ่นที่มีทั้งแบบระบายความร้อนด้วยอากาศและแบบเทอร์โบ ขนาด 65 และ 85 แรงม้า ตามลำดับ ตามด้วยเครื่องยนต์ 4 สูบ 1.2 ลิตร 69 แรงม้า โดยยังมีเครื่องยนต์ดีเซล Multijet 1.3 ลิตร ที่่มาพร้อมระบบ Start-Stop นอกจากนั้นยังมีเครื่องยนต์เทอร์โบเบนซิน/มีเธนอีก 2 รุ่นที่มีขนาดความจุกระบอกสูบ 0.9 ลิตร และเครื่องยนต์เบนซิน/LPG ขนาด 1.2 ลิตร ให้เลือกอีกด้วย
ทุกรุ่นเครื่องยนต์จะมาพร้อมเกียร์ธรรมดา 5 สปีดในช่วงแรกของการทำตลาด โดยจะมีอ็อปชั่นให้เลือกในภายหลังเป็นเกียร์กึ่งอัตโนมัติ Dualogic โดยในปี 2012 จะมีระบบตรวจจับสิ่งกีดขวางที่ทำงานในระดับความเร็วรถต่ำกว่า 30 กิโลเมตร/ชั่วโมงที่จะสั่งการระบบเบรคโดยอัตโนมัติหากพบความเสี่ยงที่จะมีการชนเกิดขึ้นแต่ผู้ขับขี่ไม่มีการตอบสนอง เป็นอุปกรณ์อีกชนิดหนึ่งให้เลือก
Fiat Nuova Panda จะมี 3 รุ่นย่อย 10 สีให้เลือก พร้อมภายในห้องโดยสารในอีก 4 สไตล์ โดยการผลิตจะเริ่มขึ้นในเดือนพฤศจิกายนนี้ที่โรงงานของเฟียตในประเทศอิตาลี
ความคิดเห็น