เปรียบเทียบ Chevrolet Sonic vs. Mazda2 สองรถซับคอมแพคท์ที่ขับสนุกที่สุด Share this

เปรียบเทียบ Chevrolet Sonic vs. Mazda2 สองรถซับคอมแพคท์ที่ขับสนุกที่สุด

Admin
โดย Admin
โพสต์เมื่อ 30 July 2555

หลังจากการเปิดตัวของ Chevrolet Sonic อย่างเป็นทางการไปแล้วในสุดสัปดาห์นี้ที่ลานพาร์คพารากอน เรามาลองดูว่า เมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งอย่าง Mazda2 ที่ทำการทดสอบโดย Insideline ในประเทศสหรัฐอเมริกา ผลที่ออกมาจะเป็นอย่างไร


Chevrolet Sonic vs. Mazda2

Chevrolet Sonic รุ่นปี 2012: ยากที่จะเชื่อว่านี่คือรถเชฟโรเลต ไม่ว่าจะเป็นการขับบนถนนคับแคบหรือโลดแล่นไปบนถนนใหญ่ไฮเวย์ Sonic เป็นรถซับคอมแพกต์ที่ให้ความความสนุกในการขับขี่มากที่สุดในเซกเมนท์นี้

Mazda 2 รุ่นปี 2011: Mazda 2 ให้แฮนดลิ่งที่ค่อนข้างดี แต่เราอดคิดถึงแรงบิดของ Sonic ที่ส่งตัวรถออกจากโค้งได้อย่างมั่นใจไม่ได้ ถึงแม้ค่าตัวของ Mazda2 จะถูกกว่า แต่ก็ต้องแลกกับเสียงรบกวนที่เล็ดลอดเข้ามาในห้องโดยสารค่อนข้างดัง

รถขนาดซับคอมแพกต์ที่มีบุคลิกขับสนุกเป็นเหมือนสัตว์ป่าหายากที่มักถูกคุกคามอยู่เสมอถ้าไม่ถูกทำให้สูญพันธุ์ไปเสียก่อน (อย่าง Honda CRX) ก็มักจะมีราคาแพงเกินไปและอยู่ไกลเกินเอื้อมสำหรับคนที่ต้องการใช้งานรถราคาย่อมเยา

นั่นเป็นเหตุผลให้คุณต้องหาโอกาสสัมผัสกับ Chevrolet Sonic และ Mazda 2 ดูสักครั้ง ด้วยความโดดเด่นที่มีอยู่รอบตัว ไม่ว่าจะเป็นสมรรถนะการขับขี่ที่เร้าใจสมตัวและความสะดวกสบายเพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน

Mazda และ Chevrolet ส่งรถทั้งสองรุ่นออกมาย้ำเตือนลูกค้าว่าด้วยราคาระดับนี้ (20,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือราว 600,000 บาท) ไม่จำเป็นจะต้องคบหากับรถที่น่าเบื่อเสมอไป แต่สามารถจับจองรถราคาย่อมเยาและมีการขับขี่ที่ดีได้ด้วย โดยจะต้องพิถีพิถันในการเลือกสักหน่อย

Chevrolet Sonic vs. Mazda2

สองทางเลือกใหม่

Chevrolet Sonic และ Mazda 2 อาจไม่อยู่ในลิสต์รถคู่ใจของหลายคน ไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะ Sonic เป็นตัวแทนของรถที่แทบจะถูกโลกลืมอย่าง Aveo ขณะที่ Mazda2 นั้นมาพร้อมกับหน้าตาดาดๆที่ไม่ฉายแววเท่ากับแฝดคนละฝาอย่าง Ford Fiesta แต่เรากำลังจะพิสูจน์ให้คุณเห็นว่ารถทั้งสองรุ่นนั้นไม่ใช่มวยรองในตลาดรถแฮทช์แบ็ก บีเซกเมนท์ แต่อย่างใด

เราไม่ได้ใช้ราคาเป็นตัวกำหนดในการทดสอบเปรียบเทียบกันในครั้งนี้ แต่จะเน้นที่สมรรถนะการขับขี่มากกว่า จึงเลือกรุ่นท็อปของทั้งสองโมเดล กลยุทธ์นี้ทำให้เราชี้เป้าไปที่รุ่นท็อปไลน์ Sonic LTZ ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ 4 สูบ 1.4 ลิตรเทอร์โบชาร์จ มีพละกำลัง 138 แรงม้า แรงบิด 148 ฟุตปอนด์มาที่รอบต่ำ 2,500 รอบ/นาที

ถึงแม้เราจะมีทางเลือกอื่นอย่างรุ่น LT ซึ่งใช้ขุมพลัง 1.4 ลิตรเทอร์โบเหมือนกันและมีค่าตัวถูกกว่า 1,000 เหรียญฯ แต่รุ่น LTZ น่าประทับใจกว่าด้วยล้อขนาดใหญ่และยางแก้มเตี้ย 205/50R17 พร้อมกับการตกแต่งที่หรูหรา รวมถึงพวงมาลัยหุ้มหนังที่ให้ความรู้สึกกระชับมือ ขณะเดียวกัน ยังมีระบบเชื่อมต่อบลูทูธ และพอร์ท USB สนนค่าตัวอยู่ที่ 18,695 เหรียญฯสำหรับรุ่นแฮทช์แบ็ก แต่หากเลือกรุ่นซีดาน LTZ ซึ่งมีอ็อปชั่นเหมือนกันทุกประการจะมีราคาถูกกว่าเล็กน้อยอยู่ที่ 17,995 เหรียญฯ

หากตัดสินใจคบหากับ Chevy Sonic เครื่องยนต์ 1.4 ลิตร ก็ต้องยอมรับกับระบบส่งกำลังที่มีเฉพาะเกียร์ธรรมดา 6 สปีดเท่านั้น ขณะที่เกียร์อัตโนมัติจะติดตั้งอยู่ในรุ่นเครื่องยนต์บล็อกอื่น

ขณะเดียวกัน Mazda2 มีให้เลือกทั้งเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีดและเกียร์ธรรมดา 5 สปีดซึ่งเป็นสิ่งที่เราเลือกมาทดสอบ นอกจากเราจะชอบการเหยียบคลัตช์ยัดเกียร์แล้ว เกียร์อัตโนมัติของ 2 ถูกเซ็ทด้วยอัตราทดที่ค่อนข้างสูงและมีเกียร์โอเวอร์ไดรฟ์ที่เน้นความประหยัดน้ำมันทำให้มีบุคลิกการขับขี่ที่ค่อนข้างน่าเบื่อไปสักหน่อย ต้องไม่ลืมว่า 2 นั้นขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร 100 แรงม้า แรงบิด 98 ฟุตปอนด์และไม่มีระบบอัดอากาศ ดังนั้นเกียร์ธรรมดาจึงเป็นทางเลือกที่ดีถ้าต้องการทดสอบสมรรถนะ

IMG_9169_resize

เราเลือกรุ่นท็อป Touring ที่มีการตกแต่งด้วยวัสดุคุณภาพดีทั่วทั้งคัน พวงมาลัยหุ้มหนัง พอร์ท AUX แต่ไม่มีบลูทูธและช่อง USB ขณะที่ล้ออัลลอยไซส์ค่อนข้างเล็กเพียง 15 นิ้ว หุ้มยางขนาด 185/55R15 อย่างไรก็ตาม ราคาจำหน่ายของ Mazda2 อยู่ที่ 17,690 เหรียญฯ ต่ำกว่า Sonic อยู่ราว 1,000 เหรียญฯ

ความแตกต่างที่ 1,000 เหรียญฯ นับว่ามากพอสมควรในตลาดรถระดับนี้ แต่มูลค่าของจำนวนเงินนั้นมลายหายไปทันทีที่เราได้กดคันเร่งของ Sonic LTZ เพราะมันไปได้เร็วมาก เร็วเพียงพอที่จะกระชากตัวถังขนาดเล็กจนคนข้างๆคุณอาจจะร้องขอให้ขับช้าลงสักหน่อย ให้ฟีลลิ่งที่ใกล้เคียงกับความเป็น Sonic SS รหัสสปอร์ตของ Chevrolet เลยทีเดียว

ไม่จำเป็นจะต้องกะระยะมากนักในการขับขี่ เพราะขุมพลังเทอร์โบของ Sonic มีพละกำลังมากเพียงพอที่จะพาคุณแล่นไปบนถนนด้วยความคล่องตัว เป็นความรู้สึกที่เราไม่เคยได้สัมผัสในรุ่นพี่อย่าง Cruze ที่ใช้ขุมพลัง 1.4 ลิตรเทอร์โบเหมือนกันสาเหตุอาจเป็นเพราะ Cruze มีน้ำหนักตัวมากกว่า Sonic ถึงราว 215 กก. เสียงเครื่องยนต์อาจไม่เพราะเสนาะหูเท่าใดนัก แต่อัตราเร่งที่มาอย่างต่อเนื่องกระตุ้นให้คุณอยากจะกดคันเร่งมิดทุกครั้งไป

ระบบเกียร์ธรรมดา 6 สปีดที่ถ่ายกำลังสู่ระบบขับเคลื่อนล้อหน้าก็ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ คลัตช์มีระยะที่สูงไปสักหน่อย แต่ก็สามารถจับพละกำลังได้ดีและทำงานคู่กับเกียร์ที่มีช่วงค่อนข้างสั้น ทำให้การสับเกียร์ขึ้นลงทำได้อย่างง่ายดาย

เราไม่สามารถหักห้ามใจตนเองในการกดคันเร่งและเล่นเกียร์ได้เลยเมื่อนั่งอยู่หลังพวงมาลัย จึงอาจเป็นเรื่องยากสักหน่อยที่จะทำตัวเลขอัตราความประหยัดได้ในระดับ 12.3 กม./ลิตร และ 17 กม./ลิตรสำหรับการขับขี่ในเมืองและนอกเมืองอย่างที่ Chevrolet ได้เคลมไว้

สามารถพูดได้เต็มปากว่า ไม่มีเกียร์ธรรมดาลูกใดในตลาดรถระดับนี้ที่จะมีประสิทธิภาพดีกว่า Sonic อีกแล้ว เพราะนอกจากความสนุกเร้าใจ ยังมาพร้อมกับความประหยัดที่เหนือกว่า Mazda 2 (12.3 กม./ลิตรในเมืองและ 14.8 กม./ลิตรนอกเมือง) หรือกระทั่ง Sonic รุ่นเริ่มต้น (11 กม./ลิตรในเมืองและ 14.8 กม./ลิตรนอกเมือง) ตามตัวเลขที่ทั้งสองบริษัทฯเคลมไว้ด้วยซ้ำไป

อย่างไรก็ดี จากการทดสอบบนถนนหลากหลายรูปแบบระยะทางมากกว่า 700 กม. พบว่า Sonic มีอัตราบริโภคน้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ 12.4 กม./ลิตรขณะที่ Mazda2 มีตัวเลขอยู่ที่ 13.0 กม./ลิตร

Chevy สมรรถนะเร้าใจ แต่ไม่เหมาะกับการทดสอบในสนามแข่ง

เราไม่สามารถวัดอัตราเร่งของ Chevrolet Sonic ด้วยเครื่องมือของเราได้อย่างเที่ยงตรงเท่าใดนัก เพราะดูเหมือนว่าซับคอมแพกต์อเมริกันคันนี้ได้รับการติดตั้งระบบฮาร์ดแวร์ที่ป้องกันการออกตัวกระชากด้วยความแรง และไม่ให้ลากรอบไปจนถึงเรดไลน์

แน่นอนว่าระบบดังกล่าวช่วยปกป้องไม่ให้เครื่องยนต์เกิดความเสียหาย แต่ในทางกลับกันเราก็จะไม่มีวันได้อัตราเร่ง 0-96 กม./ชม.ที่เร็วไปกว่า 8.8 วินาที (หรือราว 8.5 วินาทีหากนับรวมระยะ rollout 1 ฟุตในการวัดบนสนามแข่งทางตรง) ระยะควอเตอร์ไมล์ทำได้ที่ 16.5 วินาทีที่ความเร็วปลายเส้น 135 กม./ชม. ถือว่าเร็วที่สุดในเซกเมนท์นี้ (เว้นแต่ว่าคุณจะทดสอบแกมโกงด้วยการนับรวม MINI Cooper S เข้าไปด้วย)

ขณะที่ Mazda2 มีเวลาควอเตอร์ไมล์อยู่ที่ 17.2 วินาทีที่ความเร็ว 128 กม./ชม. อัตราเร่ง 0-96 กม./ชม. ทำได้ที่ 9.9 วินาที เครื่องยนต์ 1.5 ลิตรของ Mazda2 ตอบสนองได้ทันใจยิ่งขึ้นเมื่อรอบเครื่องยนต์เกินกว่า 4,000 รอบ/นาทีไปแล้ว ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนควรทราบไว้หากต้องการเร่งแซงรถสิบล้อด้านหน้า ขณะที่ระบบเกียร์ก็ทำงานเข้ากับขุมพลังได้ดี เว้นแต่น้ำหนักและการจับแรงของคลัตช์นั้นค่อนข้างลึก อาจออกตัวดับหรือกระตุกได้ถ้าไม่คุ้นชิน

ซอกแซกไปบนถนนคับแคบได้ดีเยี่ยม

รถซับคอมแพกต์ส่วนใหญ่ไม่ได้ถูกเซ็ทอัพมาเพื่อรองรับการจิกเข้าโค้งหนักๆ แต่ไม่ใช่กับสองรุ่นนี้ เพราะทีมวิศวกรของทั้ง GM และ Mazda ต่างมุ่งเน้นในเรื่องสมรรถนะการขับขี่ในการพัฒนา Sonic และ Mazda2 ดังนั้นหากได้นั่งหลังพวงมาลัยของทั้งสองคันนี้แล้วคุณก็ไม่ต้องกังวลในเรื่องการควบคุมรถแม้แต่น้อย

Sonic และ Mazda2 ต่างถูกพัฒนาในแบบที่แตกต่างไปจากรถราคาย่อมเยาทั่วไป ทั้งสองรุ่นมีความโดดเด่นอย่างที่ Ford Fiesta และ Honda Jazz/Fit ไม่มี นั่นคือการควบคุมที่แม่นยำ ทั้งสองคันหักเลี้ยวได้อย่างรวดเร็วโดยที่ตัวรถออกอาการโยนเพียงเล็กน้อย น้ำหนักและประสิทธิภาพการทนความร้อนของเบรกมีมากพอที่จะทนทานต่อการกระแทกแป้นเบรกหนักๆหลายครั้ง (Sonic ที่มีเลขไมล์น้อยกว่า มีระยะทางเบรกจาก 96-0 กม./ชม. อยู่ที่ 123 ฟุต สั้นกว่า 2 ซึ่งอยู่ที่ 132 ฟุต)

หากจะต้องเลือกคันใดคันหนึ่ง Sonic เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกว่าสำหรับผู้ที่ต้องการสมรรถนะขับขี่ แม้จะมีน้ำหนักมากกว่าราว 230 กก.ก็ตาม ไม่เพียงการมีอัตราเร่งที่สามารถไหลออกจากโค้งได้อย่างเร้าใจซึ่งเป็นเสน่ห์ของ Chevy เท่านั้น หากยังมีพวงมาลัยที่เฉียบคมไร้ที่ติอีกด้วย

ขณะทดสอบเราปลดระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวออก ให้เหลือแต่การควบคุมของคนขับที่มีต่อตัวรถล้วนๆ และ Sonic ทำได้ดีมาก นอกจากพวงมาลัยที่ตอบสนองทันท่วงทีแล้ว ความรู้สึกที่สัมผัสได้ผ่านเบาะที่นั่งคนขับยังช่วยให้เรารับรู้ถึงการเคลื่อนที่ของตัวรถ แทนที่จะจดจ้องอยู่กับไลน์ในการเข้าโค้ง แต่คุณสามารถขับได้ไหลลื่นราวกับจังหวะดนตรี และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของการขับขี่ที่ยอดเยี่ยม

DSC_0724_resize

แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่าเราจะปฏิเสธพวงมาลัยไฟฟ้าของ Mazda2 เพราะมันยังให้ความรู้สึกที่ดีและแม่นยำเช่นกัน เพียงแต่ยังไม่ดีเท่าพวงมาลัยของ Sonic โดยเฉพาะความนิ่งบนทางตรง

สิ่งที่เรามองข้ามไปไม่ได้คือน้ำหนักรถเปล่าของ Mazda ซึ่งเบาที่สุดในรถระดับเดียวกัน (เบากว่ารถขนาดเล็กอย่าง Fiat 500 ราว 68 กก.) จึงให้ความรู้สึกสะดวกสบายขณะเลี้ยวอย่างมาก เพียงแค่เลี้ยงรอบเครื่องยนต์ให้สูงเข้าไว้คุณก็สามารถโลดแล่นผ่านโค้งแล้วโค้งเล่าได้อย่างสนุกสนาน อย่างไรก็ดี คุณก็ยังแอบคิดไม่ได้ว่าตัวรถน่าจะมีความพยศมากกว่านี้

IMG_9154_resize

ทั้งสองรุ่นใช้ระบบกันสะเทือนหลังแบบคานแข็งกึ่งอิสระ semi-independent twist-beam เหมือนกัน โดย Mazda2 เหนือกว่าเล็กน้อยในการทดสอบแบบสลาลมของเรา รู้สึกง่ายกว่าในการควบคุมตัวรถระหว่างกรวย ทำให้ Mazda2 สามารถทำความเร็วได้ 108 กม./ชม.ในการทดสอบ เร็วกว่ารถทุกรุ่นในระดับนี้ ถ้าไม่นับรวม MINI

ขณะที่ Sonic ที่ทำได้ดีในการทดสอบบนถนนจริง กลับไม่ถูกโฉลกกับการทดสอบแบบสลาลอมในสนามแข่ง “ท้ายรถของ Sonic เริ่มกวาดออกเหมือนกับตู้รถไฟที่ใกล้จะตกราง” หนึ่งในนักทดสอบขับกล่าว พร้อมระบุว่า ตัวรถสูญเสียการควบคุมเมื่อผ่านกรวยที่ 3 โดย Sonic สามารถทำความเร็วได้ที่ 106.3 กม./ชม. พร้อมกับมีแรงเหวี่ยงหนีศูนย์กลางอยู่ที่ 0.84 จี

คืนความสนุกสู่การขับขี่ในชีวิตประจำวัน

การทดสอบความเร็วแบบสลาลอมนั้นเชื่อถือได้ แต่ในการทดสอบเปรียบเทียบในครั้งนี้เรามุ่งเน้นที่ความรู้สึกการขับขี่บนถนนจริงมากกว่า ซึ่ง Sonic เครื่องเทอร์โบชาร์จนั้นไม่เพียงจะขับสนุกบนถนนสองเลนที่ต้องเร่งแซงกันเท่านั้น หากยังให้ความเพลิดเพลินในชีวิตประจำวันด้วยเช่นกัน

รถซับคอมแพกต์ทั้งสองรุ่นมีการปรับเซ็ทช่วงล่างที่ดีเยี่ยมอย่างน่าแปลกใจ แต่ Sonic ให้สมรรถนะการขับขี่ที่เหนือกว่าและน้ำหนักตัวที่มากกว่าช่วยเสริมความแน่นหนึบมั่นคงได้มาก นอกจากนี้ การเก็บเสียงเครื่องยนต์ไม่ให้เล็ดลอดเข้ามาในห้องโดยสารของรถสัญชาติอเมริกันยังทำได้ดีกว่าเล็กน้อยด้วย นั่นเป็นเพราะเกียร์โอเวอร์ไดรฟ์ของ Sonic ช่วยให้รอบเครื่องยนต์อยู่ที่เพียง 2,000 รอบ/นาทีที่ความเร็ว 112 กม./ชม. เทียบกับ Mazda 2ซึ่งมีรอบเครื่องอยู่ที่ 3,000 รอบ/นาทีในความเร็วเท่ากัน

ปฏิเสธไม่ได้ด้วยว่า ห้องโดยสารของ Sonic มีการออกแบบที่รองรับการใช้งานได้มากกว่า ด้วยตัวถังที่ยาวกว่าและกว้างกว่า ทำให้มีพื้นที่ช่วงขาและสะโพก รวมถึงการรองรับผู้โดยสารที่เบาะแถวหลังทำได้สะดวกง่ายดายกว่าด้วย ขณะเดียวกัน ยังมีทัศนวิสัยบนตำแหน่งที่นั่งคนขับที่ดีกว่า Mazda2

แน่นอนว่าไม่มีรถรุ่นใดที่จะมีเนื้อที่บรรทุกสัมภาระกว้างขวางเทียบเท่ากับ Jazz/Fit แต่หากคุณไม่คิดจะเลือก Honda ตั้งแต่แรก รถซับคอมแพกต์ของ Chevrolet ก็เป็นทางเลือกที่ดีในรถคลาสนี้ เบาะหลังของ Sonic พับให้แบนราบได้ ช่วยเพิ่มเนื้อที่บรรทุกสัมภาระ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราได้แต่หวังว่า Mazda2 จะมีบ้าง

ผู้อ่านหลายคนอาจจะไม่เห็นด้วยกับการทดสอบเปรียบเทียบในครั้งนี้ เพราะมีลูกค้าน้อยคนนักที่จะเลือกซื้อรถซับคอมแพกต์จากการพิจารณาสมรรถนะการขับขี่เป็นอันดับแรก เราไม่ปฏิเสธในประเด็นนี้ แต่ในทางกลับกัน หากรถไม่มีเสน่ห์ด้านการขับขี่ใดๆเลย เราก็ไม่สมควรจะซื้อตั้งแต่แรกใช่หรือไม่

ปัจจุบัน รถซับคอมแพกต์ไม่ใช่เซกเมนท์ที่เน้นความประหยัดอีกต่อไป โดยเฉพาะ Chevrolet Sonic 2012 และ Mazda2 2011 นั้นเป็นรถสำหรับคนที่รู้ดีว่าตนเองนั้นต้องการอะไรและไม่ต้องการสิ่งใด ซึ่งสิ่งที่เราต้องการเสมอมานั้นคือความเร้าใจในการขับขี่และความสนุกในการใช้งานในชีวิตประจำวัน หากคุณคาดหวังถึงสิ่งที่คล้ายกับเรานั้น รถทั้งสองรุ่นนี้ตอบโจทย์ได้อย่างแน่นอน

แต่หากเปรียบเทียบระหว่างสองรุ่นนี้แล้ว เครื่องยนต์เทอร์โบ 1.4 ลิตรของ Sonic มอบความสนุกได้เหนือกว่า คุ้มค่าในการควักกระเป๋าจ่ายค่าตัวมากกว่า Mazda 2

กระทั่งน่าใช้มากกว่า MINI Cooper ที่มีราคาแพงกว่ามากด้วยซ้ำไป

ข้อมูลทางเทคนิคและสมรรถนะการขับขี่ Chevrolet Sonic ที่ใช้ทดสอบ

DSC_0702_resize

รุ่น 2012 Chevrolet Sonic LTZ แฮทช์แบ็ก (4 สูบ 1.4 ลิตร)

ประเภทรถ ขับเคลื่อนล้อหน้า 4 ประตู 5 ที่นั่ง

ราคาจำหน่ายเริ่มต้น 17,995 เหรียญฯ

อ็อปชั่นเสริม

Ecotec Turbo 4 สูบ 1.4 ลิตร ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์ธรรมดา 6 สปีด พร้อมเฟืองท้าย 3.65 (เพิ่มอีก 700 เหรียญฯ)

ราคาจำหน่ายรุ่นที่ทดสอบ 18,695 เหรียญฯ

โรงงานประกอบ

โรงงาน Orion Township มิชิแกน

ระบบขับเคลื่อน

รูปแบบเครื่องยนต์ เครื่องยนต์วางขวางด้านหน้า ขับเคลื่อนล้อหน้า

ประเภทเครื่องยนต์ เบนซิน 4 สูบ หัวฉีด เทอร์โบชาร์จ

ความจุกระบอกสูบ 1,364 ซีซี

เสื้อสูบ/ฝาสูบ เหล็กหล่อ/อลูมิเนียม

ระบบวาล์ว DOHC 4 วาล์วต่อสูบ วาล์วแปรผัน

อัตราส่วนกำลังอัด 9.5

รอบเครื่องสูงสุด 6,500 รอบ/นาที

พละกำลังสูงสุด 138 แรงม้าที่ 4,900 รอบ/นาที

แรงบิดสูงสุด 148 ฟุตปอนด์ที่ 2,500 รอบ/นาที

เชื้อเพลิง แนะนำออกเทน 87

ระบบส่งกำลัง เกียร์ธรรมดา 6 สปีด

อัตราทดเกียร์ I = 3.82, II = 2.05, III = 1.30, IV = 0.96, V = 0.74, VI = 0.61, เกียร์ถอยหลัง = 3.54

เฟืองท้าย 3.65

แชสซีส์

ช่วงล่างด้านหน้า อิสระ แมคเฟอร์สันสตรัท คอยล์สปริง ช็อกอัพสองชั้น และเหล็กกันโคลง

ช่วงล่างด้านหลัง คานแข็งกึ่งอิสระ คอยล์สปริง ช็อกอัพสองชั้น และเหล็กกันโคลง

ระบบบังคับเลี้ยว แร็กแอนด์พีเนียนไฟฟ้า ปรับความหนืดตามความเร็ว

อัตราทดพวงมาลัย 14.0

ระยะเลี้ยว 36.1 ฟุต

ยาง Hankook Optimo H428

ประเภทยาง ใช้ได้ทุกสภาพถนน

ขนาดยาง P205/50R17 88H

ขนาดล้อ 17 นิ้ว หน้ากว้าง 6.5 นิ้ว ทั้งล้อหน้าและล้อหลัง

วัสดุล้อ อลูมิเนียมอัลลอย

เบรกหน้า ดิสก์เบรกพร้อมร่องระบายความร้อนขนาด 10.8 นิ้ว คาลิปเปอร์แบบสูบเดียว

เบรกหลัง ดรัมเบรกขนาด 9 นิ้ว

ผลการทดสอบสมรรถนะ

0-48 กม./ชม. 3.0 วินาที

0-72 กม./ชม. 5.7 วินาที

0-96 กม./ชม. 8.8 วินาที

0-96 กม./ชม. นับรวมระยะ rollout 1 ฟุต 8.5 วินาที

0-120 กม./ชม. 13.4 วินาที

ระยะควอเตอร์ไมล์ 16.5 วินาที ที่ความเร็ว 135 กม./ชม.

0-48 กม./ชม. เปิดระบบป้องกันการลื่นไถล 3.2 วินาที

0-72 กม./ชม. เปิดระบบป้องกันการลื่นไถล 5.9 วินาที

0-96 กม./ชม. เปิดระบบป้องกันการลื่นไถล 8.9 วินาที

0-96 กม./ชม. นับรวมระยะ rollout 1 ฟุต เปิดระบบป้องกันการลื่นไถล 8.6 วินาที

0-120 กม./ชม.เปิดระบบป้องกันการลื่นไถล 14.0 วินาที

ระยะควอเตอร์ไมล์ เปิดระบบป้องกันการลื่นไถล 16.8 วินาที

ที่ความเร็ว 83.9 กม./ชม.

ระยะเบรก 48-0 กม./ชม. 31 ฟุต

ระยะเบรก 96-0 กม./ชม. 123 ฟุต

สลาลอม 6 กรวย ระยะ 100 ฟุต 106 กม./ชม.

สลาลอม 6 กรวย ระยะ 100 ฟุต เปิดระบบป้องกันการลื่นไถล 101 กม./ชม.

ทดสอบแรงเหวี่ยงหนีศูนย์กลางบน skid pad ระยะ 200 ฟุต 0.84 จี

ทดสอบแรงเหวี่ยงหนีศูนย์กลางบน skid pad ระยะ 200 ฟุต เปิดระบบป้องกันการลื่นไถล 0.80 จี

ระดับเสียงรอบเดินเบา 44.0 เดซิเบล

ระดับเสียงเหยียบคันเร่งสุด 75.9 เดซิเบล

ระดับเสียงขณะขับด้วยความเร็ว 112 กม./ชม. 67.5 เดซิเบล

รอบเครื่องยนต์ที่ความเร็ว 112 กม./ชม. 2,050 รอบ/นาที

ความเห็นเพิ่มเติม

อัตราเร่ง

น่าผิดหวังที่ Sonic ถูกระบบควบคุมไม่ให้ใช้แรงบิดเกินขนาดในการออกตัว ทีมงานพยายามออกตัว (โดยการปิดระบบป้องกันการลื่นไถล) ที่รอบเครื่องยนต์ 3,500 รอบ/นาที แต่ระบบอิเลกทรอนิคส์กลับตัดพละกำลังของเครื่องยนต์ลงอัตโนมัติ ไม่ว่าจะพยายามมากเพียงใด ทั้งการกดคันเร่งและปล่อยคลัตช์รวดเร็ว ดับเบิ้ลคลัตช์หรือวิธีการใดก็ตามแรงบิดก็ยังถูกตัดตอน ซึ่งส่งผลถึงการเปลี่ยนเกียร์ด้วย เพราะบุคลิกของ Sonic รองรับกับการปรับเปลี่ยนเกียร์อย่างนุ่มนวล มากกว่าการเดินคันเร่งพร้อมกับยัดเกียร์ นั่นทำให้มีช่วงดีเลย์อยู่พอสมควร สิ่งเรานี้เป็นข้อจำกัดที่น่าผิดหวังของ Sonic ที่เราพบจากการทดสอบในสนามแข่ง

ระบบเบรก

ระบบเบรกอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานทั่วไป มีประสิทธิภาพการเบรกเพียงพอโดยไม่มีอาการเบรกลื่นหรือเฟดให้เห็น เช่นเดียวกับ Mazda 2 ที่เบรกได้หน้าทิ่มดีมาก

การทดสอบบน Skid pad ยังคงให้การเกาะถนนค่อนข้างค่อนข้างดีตี่มีแรง engine brake ค่อนข้างมากทำให้พวงมาลัยตอบสนองน้อยเกินไปเมื่อลองกดคันเร่งเพิ่ม โดยมีอาการหน้าดื้อโค้งเล็กน้อยเมื่อเดินคันเร่งและสุดท้ายเครื่องยนต์ก็ตัดการทำงานเสียก่อน

การควบคุม

ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัง ESC ทำงานดีเยี่ยม พวงมาลัยมีน้ำหนักพอเหมาะ แต่ช่วงล่างถูกปรับจูนให้รองรับการเข้าโค้งหนักๆเพียงครั้งเดียว ไม่เหมาะกับการเข้าโค้งสลับไปมา โดยการทดสอบแบบสลาลอมทั้งหมด 6 กรวย ท้ายรถของ Sonic ทำท่าจะกวาดออกเมื่อถึงกรวยที่ 3-4 แต่สรุปแล้วพวงมาลัยก็ยังถือเป็นจุดเด่นของ Sonic

รายละเอียดการทดสอบ

วันที่ทดสอบ 10 พฤศจิกายน 2554

สนามทดสอบ California Speedway

ความสูงจากน้ำทะเล 1,121 ฟุต

อุณหภูมิ 27 เซลเซียส

ความชื้นสัมพัทธ์ 24.1%

ความดันบรรยากาศ (in. Hg) 28.77

ความแรงและทิศทางลม ลมสวน 4.66 กม./ชม.

เลขไมล์ 3,426 กม.

เชื้อเพลิงทีใช้ เบนซินออกเทน 91

ความดันลมยาง หน้าและหลัง 35 ปอนด์

อัตราบริโภคน้ำมัน

อัตราบริโภคน้ำมันเฉลี่ยโดย EPA 12.3 กม./ลิตรในเมือง 17.0 กม./ลิตรนอกเมือง

อัตราบริโภคน้ำมันจากการทดสอบ 12.4 กม./ลิตร

ความจุถังน้ำมัน 46 ลิตร

ระยะทางทดสอบ 687 กม.

อุปกรณ์และเทคโนโลยีอำนวยความสะดวก

เครื่องเสียง AM/FM/CD stereo พร้อมลำโพง 6 ตัว

พอร์ทรองรับ iPod/digital media ช่อง auxiliary และพอร์ท USB

วิทยุผ่านดาวเทียม Standard XM (ฟรีค่าบริการ 3 เดือน)

เชื่อมต่อบลูทูธ Standard ได้ทั้งโทรศัพท์และเครื่องเสียง

ระบบนำทางเนวิเกเตอร์ ไม่มี

ระบบ Telematics (OnStar) Standard (ฟรีค่าบริการ 6 เดือน)

ระบบเปิดประตูโดยไม่ใช้กุญแจ ไม่มี

มิติตัวถังและความจุ

น้ำหนักรถเปล่า (ตัวเลขจากโรงงาน) 1,245 กก.

น้ำหนักรถเปล่าในวันทดสอบ 1,258 กก.

การกระจายน้ำหนัก หน้า 62.9%

หลัง 37.1%

ความยาว 159.0 นิ้ว

ความกว้าง 68.3 นิ้ว

ความสูง 59.7 นิ้ว

ความยาวฐานล้อ 99.4 นิ้ว

ฐานล้อคู่หน้า 59.4 นิ้ว

ฐานล้อคู่หลัง 59.4 นิ้ว

พื้นที่ช่วงขาด้านหน้า 41.8 นิ้ว

พื้นที่ช่วงขาด้านหลัง 34.6 นิ้ว

พื้นที่ศีรษะด้านหน้า 38.7 นิ้ว

พื้นที่ศีรษะด้านหลัง 38.1 นิ้ว

พื้นที่ช่วงไหลด้านหน้า 53.4 นิ้ว

พื้นที่ช่วงไหลด้านหลัง 53.0 นิ้ว

รองรับผู้โดยสาร 5 ที่นั่ง

ความจุสูงสุดหลังเบาะแถวหน้า 870 ลิตร

ความจุสูงสุดหลังเบาะแถวที่สอง 538 ลิตร

น้ำหนักบรรทุกสูงสุด 1,653 กก.

การรับประกัน

ทั่วไป 3 ปี/36,000 ไมล์

เครื่องยนต์ 5 ปี/100,000 ไมล์

สนิม 6 ปี/100,000 ไมล์

ช่วยเหลือฉุกเฉิน 5 ปี/100,000 ไมล์

ข้อมูลทางเทคนิคและสมรรถนะการขับขี่ Mazda 2 ที่ใช้ทดสอบ

IMG_9143_resize

รุ่น 2011 Mazda 2 Touring แฮท์แบ็ก (4 สูบ 1.5 ลิตร)

ประเภทรถ ขับเคลื่อนล้อหน้า 4 ประตู 5 ที่นั่ง

ราคาจำหน่ายเริ่มต้น 16,185 เหรียญฯ

อ็อปชั่นเสริม

สีขาว Crystal White Pearl Paint (เพิ่มอีก 200 เหรียญฯ)

ราคาจำหน่ายรุ่นที่ทดสอบ 16,385 เหรียญฯ (รุ่นทดสอบปี 2011) 17,690 เหรียญฯ (รุ่นปี 2012)

โรงงานประกอบ

ฮิโรชิม่า ประเทศญี่ปุ่น

ระบบขับเคลื่อน

รูปแบบเครื่องยนต์ เครื่องยนต์วางขวางด้านหน้า ขับเคลื่อนล้อหน้า

ประเภทเครื่องยนต์ เบนซิน 4 สูบ หัวฉีด เทอร์โบชาร์จ

ความจุกระบอกสูบ 1,498 ซีซี

ระบบวาล์ว DOHC 4 วาล์วต่อสูบ วาล์วแปรผัน

อัตราส่วนกำลังอัด 10.0

พละกำลังสูงสุด 100 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที

แรงบิดสูงสุด 98 ฟุตปอนด์ที่ 2,500 รอบ/นาที

เชื้อเพลิง ไร้สารทั่วไป

ระบบส่งกำลัง เกียร์ธรรมดา 5 สปีด

อัตราทดเกียร์ I = 3.42, II = 1.84, III = 1.29, IV = 0.97, V = 0.77, เกียร์ถอยหลัง = 3.21

เฟืองท้าย 3.85

แชสซีส์

ช่วงล่างด้านหน้า อิสระ แมคเฟอร์สันสตรัท คอยล์สปริง ช็อกอัพสองชั้น และเหล็กกันโคลง

ช่วงล่างด้านหลัง คานแข็งกึ่งอิสระ คอยล์สปริง ช็อกอัพชั้นเดียว และเหล็กกันโคลง

ระบบบังคับเลี้ยว แร็กแอนด์พีเนียนไฟฟ้า ปรับความหนืดตามความเร็ว

อัตราทดพวงมาลัย 15.0

ระยะเลี้ยว 32.2 ฟุต

ยาง Yokohama Avid S34

ประเภทยาง ใช้ได้ทุกสภาพถนน

ขนาดยาง P185/55R15 82V

ขนาดล้อ 15 นิ้ว หน้ากว้าง 6 นิ้ว ทั้งล้อหน้าและล้อหลัง

วัสดุล้อ อลูมิเนียมอัลลอย

เบรกหน้า ดิสก์เบรกพร้อมร่องระบายความร้อนขนาด 10.5 นิ้ว คาลิปเปอร์แบบสูบเดียว

เบรกหลัง ดรัมเบรกขนาด 8 นิ้ว

ผลการทดสอบสมรรถนะ

0-48 กม./ชม. 3.2 วินาที

0-72 กม./ชม. 6.2 วินาที

0-96 กม./ชม. 9.9 วินาที

0-96 กม./ชม. นับรวมระยะ rollout 1 ฟุต 9.6 วินาที

0-120 กม./ชม. 15.2 วินาที

ระยะควอเตอร์ไมล์ 17.2 วินาที ที่ความเร็ว 128 กม./ชม.

0-48 กม./ชม. เปิดระบบป้องกันการลื่นไถล 3.7 วินาที

0-72 กม./ชม. เปิดระบบป้องกันการลื่นไถล 6.7 วินาที

0-96 กม./ชม. เปิดระบบป้องกันการลื่นไถล 9.9 วินาที

0-96 กม./ชม. นับรวมระยะ rollout 1 ฟุต เปิดระบบป้องกันการลื่นไถล 9.6 วินาที

0-120 กม./ชม.เปิดระบบป้องกันการลื่นไถล 15.2 วินาที

ระยะควอเตอร์ไมล์ เปิดระบบป้องกันการลื่นไถล 17.6 วินาที ที่ความเร็ว 127 กม./ชม.

ระยะเบรก 48-0 กม./ชม. 33 ฟุต

ระยะเบรก 96-0 กม./ชม. 132 ฟุต

สลาลอม 6 กรวย ระยะ 100 ฟุต 67.4 กม./ชม.

สลาลอม 6 กรวย ระยะ 100 ฟุต เปิดระบบป้องกันการลื่นไถล 65.8 กม./ชม.

ทดสอบแรงเหวี่ยงหนีศูนย์กลางบน skid pad ระยะ 200 ฟุต 0.84 จี

ทดสอบแรงเหวี่ยงหนีศูนย์กลางบน skid pad ระยะ 200 ฟุต เปิดระบบป้องกันการลื่นไถล 0.83 จี

ระดับเสียงรอบเดินเบา 43.9 เดซิเบล

ระดับเสียงเหยียบคันเร่งสุด 75.2 เดซิเบล

ระดับเสียงขณะขับด้วยความเร็ว 112 กม./ชม. 68.1 เดซิเบล

รอบเครื่องยนต์ที่ความเร็ว 112 กม./ชม. 3,000 รอบ/นาที

ความเห็นเพิ่มเติม

อัตราเร่ง

บุคลิกการขับขี่เป็นไปตามสไตล์เครื่องยนต์แรงบิดต่ำขับเคลื่อนล้อหน้าทั่วไป ต้องใช้รอบเครื่องสูงเพื่อเรียกอัตราเร่ง เกียร์ 1-2 มีเสียงบดกันซึ่งคงเป็นเพราะเลขไมล์ของรถทดสอบที่ค่อนข้างสูง โดยความเร็ว 0-96 กม./ชม. เราเกือบจะได้ใช้เพียงแค่เกียร์สองเท่านั้น แต่ก็ต้องสับเปลี่ยนขึ้นเป็นเกียร์สามในช่วงความเร็วใกล้หลักร้อย

ระบบเบรก

ประสิทธิภาพการเบรกอยู่ในระดับมาตรฐาน โดยมีอาการเบรกลื่นหรือเฟดเล็กน้อยเมื่อกระแทกเบรกอย่างแรงราว 4 ครั้งและเมื่อต้องเบรกหลังผ่านเส้นควอเตอร์ไมล์ ที่น่าสนใจคือช่วงล่างหลังแบบคานแข็งยกโด่งขึ้นเมื่อเบรกอย่างแรงและค้างไว้ชั่วขณะแม้จะปล่อยเบรกแล้วก็ตาม

การควบคุม

การทดสอบบน Skid pad มีอาการหน้าดื้อหรืออันเดอร์สเตียร์เล็กน้อยตามปกติ การควบคุมพวงมาลัยจึงผสานไปกับคันเร่งได้ดี พวงมาลัยมีน้ำหนักพอเหมาะ ไม่เบาจนเกินไป ระบบ ESC เข้ามาควบคุมอย่างนุ่มนวลในช่วงที่หน้ารถเริ่มไถลออก ถือว่าทำได้ดีทีเดียว

การทดสอบแบบสลาลอมค่อนข้างดี การเลี้ยวเข้าและหักออกผ่านกรวยเป็นไปอย่างรวดเร็ว พวงมาลัยเฉียบคม ท้ายรถเอาอยู่ ควบคุมง่ายด้วยการยกคันเร่งพร้อมกดเพิ่ม ระบบ ESC ถูกปรับมาให้ลดอาการหน้าดื้ออันเดอร์สเตียร์ แต่ก็ยังเปิดช่องให้คนขับได้ควบคุมรถด้วย น่าประทับใจ

รายละเอียดการทดสอบ

วันที่ทดสอบ 10 พฤศจิกายน 2554

สนามทดสอบ California Speedway

ความสูงจากน้ำทะเล 1,121 ฟุต

อุณหภูมิ 27 เซลเซียส

ความชื้นสัมพัทธ์ 24.1%

ความดันบรรยากาศ (in. Hg) 28.77

ความแรงและทิศทางลม ลมสวน 4.66 กม./ชม.

เลขไมล์ 23,905 กม.

เชื้อเพลิงทีใช้ เบนซินออกเทน 91

ความดันลมยาง หน้า 32 ปอนด์ หลัง 30 ปอนด์

อัตราบริโภคน้ำมัน

อัตราบริโภคน้ำมันเฉลี่ยโดย EPA 12.3 กม./ลิตรในเมือง 14.8 กม./ลิตรนอกเมือง

อัตราบริโภคน้ำมันจากการทดสอบ 13.0 กม./ลิตร

ความจุถังน้ำมัน 43 ลิตร

ระยะทางทดสอบ 636 กม.

อุปกรณ์และเทคโนโลยีอำนวยความสะดวก

เครื่องเสียง AM/FM/CD/MP3 stereo พร้อมลำโพง 6 ตัว

พอร์ทรองรับ iPod/digital media ช่อง auxiliary

วิทยุผ่านดาวเทียม ไม่มี

ฮาร์ดไดรฟ์เก็บข้อมูล ไม่มี

เชื่อมต่อบลูทูธ ไม่มี

ระบบนำทางเนวิเกเตอร์ ไม่มี

ระบบ Telematics (OnStar) ไม่มี

ระบบเปิดประตูโดยไม่ใช้กุญแจ ไม่มี

มิติตัวถังและความจุ

น้ำหนักรถเปล่า (ตัวเลขจากโรงงาน) 1,045 กก.

น้ำหนักรถเปล่าในวันทดสอบ 1,032 กก.

การกระจายน้ำหนัก หน้า 61.9% หลัง 38.1%

ความยาว 155.5 นิ้ว

ความกว้าง 66.7 นิ้ว

ความสูง 58.1 นิ้ว

ความยาวฐานล้อ 98.0 นิ้ว

ฐานล้อคู่หน้า 58.1 นิ้ว

ฐานล้อคู่หลัง 57.7 นิ้ว

พื้นที่ช่วงขาด้านหน้า 42.6 นิ้ว

พื้นที่ช่วงขาด้านหลัง 33.0 นิ้ว

พื้นที่ศีรษะด้านหน้า 39.1 นิ้ว

พื้นที่ศีรษะด้านหลัง 37.0 นิ้ว

พื้นที่ช่วงไหลด้านหน้า 52.8 นิ้ว

พื้นที่ช่วงไหลด้านหลัง 51.2 นิ้ว

รองรับผู้โดยสาร 5 ที่นั่ง

ความจุสูงสุดหลังเบาะแถวหน้า 787 ลิตร

ความจุสูงสุดหลังเบาะแถวที่สอง 376 ลิตร

น้ำหนักบรรทุกสูงสุด 1,480 กก.

ความสูงจากพื้น 5.1 นิ้ว

การรับประกัน

ทั่วไป 3 ปี/36,000 ไมล์

เครื่องยนต์ 5 ปี/60,000 ไมล์

สนิม 6 ปี/ไม่จำกัด

ช่วยเหลือฉุกเฉิน 5 ปี/36,000 ไมล์

ติดตามข่าวรถยนต์ ราคารถยนต์ รีวิวรถยนต์ และจักรยานยนต์ทุกยี่ห้อ กับเรา Autospinn
แชร์ความคิดเห็นบนเว็บบอร์ด Autospinn คลิกเลย webboard.autospinn.com  
เช็คโปรโมชั่นรถใหม่ เช็คราคารถใหม่ ได้ที่นี่ 
ราคารถมือสอง ซื้อรถมือสอง ขายรถมือสอง เชิญได้เลยที่ one2car


ความคิดเห็น


เรียกดูข่าวตามประเภทยานพาหนะ

ค้นหาข่าวโดยยี่ห้อ