GM ประกาศเดินหน้ายุทธศาสตร์การพัฒนารถพลังงานไฟฟ้าและรถปลั๊กอินเต็มตัว โดยไม่เน้นที่ระบบไฮบริดมากนักโดยให้เหตุผลทำนองว่ารถไฮบริด “ประสิทธิภาพด้อยกว่าในระยะยาว”
แม้ที่ผ่านมา General Motors จะทำตลาดรถไฮบริดหลายรุ่น แต่เกือบทั้งหมดเป็นเทคโนโลยีแบบ Mild Hybrid และ Two-Mode Hybrid เพราะยักษ์ใหญ่จากดีทรอยท์พยายามหลีกเลี่ยงการใช้ระบบ Full Hybrid เหมือนกับคู่แข่งสำคัญอย่าง Toyota และ Ford
GM ตระหนักดีว่าเทคโนโลยีระบบไฮบริดนั้นครองใจลูกค้าทั่วโลกได้ง่ายดาย แต่ก็เชื่อว่าควรจะทุ่มเททรัพยากรไปที่การพัฒนารถพลังงานไฟฟ้าและปลั๊กอินมากกว่า จากคำยืนยันของ Mary Barra ผู้อำนวยการฝ่ายผลิตภัณฑ์ของ GM ระดับโกลเบิล
“เป้าหมายใหญ่ของยุทธศาสตร์พลังงานไฟฟ้าของเรามุ่งเน้นไปที่ปลั๊กอิน” Barra ให้สัมภาษณ์เวบไซต์ Automotive News พร้อมกับเสริมว่า รถพลังงานไฟฟ้านั้นจะเสริมสร้างโอกาสในการเปลี่ยนรูปแบบการเดินทางของผู้คนได้มากที่สุด
ยุทธศาสตร์ของ GM ก่อนหน้านี้โฟกัสที่การพัฒนานวัตกรรมเครื่องยนต์หลากหลายรูปแบบ ซึ่งรวมถึงระบบไฮบริดด้วย แต่เมื่อเวลาผ่านไปก็ได้พิสูจน์ให้ค่ายรถอเมริกันได้ตระหนักแล้วว่า การเดินหลายทิศทางนั้นมีราคาแพงเกินไปและไร้ประสิทธิภาพ
“เราจำเป็นจะต้องเน้นที่เทคโนโลยีที่ดีที่สุด เทคโนโลยีที่มีโอกาสมากที่สุดในการสร้างคุณค่าให้แก่ลูกค้าของเราและบริษัทของเรา” Barra กล่าว
อย่างไรก็ตาม ระบบขับเคลื่อน Mild Hybrid ของ GM หรือในชื่อ eAssist นั้นจะยังคงออกทำตลาดต่อไป ถึงแม้จะไม่ให้ความประหยัดมากนักเมื่อเทียบกับระบบ Full Hybrid แต่ก็ช่วยลดอัตราการบริโภคน้ำมันลงได้ 25% เมื่อเทียบกับเครื่องยนต์สันดาปภายในและยังมีต้นทุนน้อยกว่าอีกด้วย โดย GM คาดการณ์ว่ายอดขายของรถ Mild Hybrid ทั่วโลกจะเติบโตถึง 500,000 คันภายในปี 2017 สำหรับในปีนี้ ยอดขายรถ Mild Hybrid อยู่ที่ประมาณ 31,000 คัน
ความคิดเห็น