ฮอนด้า สร้างสถิติยอดจำหน่ายรถยนต์นั่งอันดับหนึ่ง ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 บริโอ้ อเมซ ได้กระแสตอบรับดีเกินคาด ด้วยยอดจองกว่า 10,000 คัน
• ยอดขายเดือนพฤศจิกายนสูงถึง 23,036 คัน สร้างสถิติครองอันดับหนึ่งในตลาดรถยนต์นั่ง
ส่วนบุคคล ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2
• บริโอ้ อเมซ อีโคคาร์ซีดาน ใหม่ล่าสุด สร้างปรากฏการณ์สุดอเมซ ด้วยยอดจองกว่า 10,000 คัน ภายใน 3 สัปดาห์ หลังเปิดตัว
กรุงเทพฯ วันที่ 12 ธันวาคม 2555 – บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยยอดจำหน่ายรถยนต์นั่งส่วนบุคคลของฮอนด้าในเดือนพฤศจิกายน 2555 มีจำนวน 23,036 คัน (นับรวมฮอนด้าซีอาร์-วี ที่เสียภาษีในอัตราเดียวกับรถยนต์นั่งส่วนบุคคล) นับเป็นการครองอันดับหนึ่งในตลาดรถยนต์นั่งส่วนบุคคลต่อเนื่องติดต่อกันเป็นเดือนที่สองของปีนี้ และมียอดขายสะสมรวมตั้งแต่เดือนมกราคมถึงพฤศจิกายนสูงสุดถึง 150,745 คัน แม้เริ่มกลับมาเดินสายการผลิตอย่างเต็มกำลังเพียง 8 เดือนเท่านั้น นับเป็นการสร้างสถิติยอดขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้งของบริษัท
ทั้งนี้การเติบโตของยอดขายอย่างต่อเนื่องดังกล่าว เป็นผลมาจากการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ออกสู่ตลาดรวมทั้งสิ้น 10 รุ่น ภายในเวลาเพียง 8 เดือน และรุ่นล่าสุด คือ ฮอนด้า บริโอ้ อเมซ ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ก็ได้รับกระแสการตอบรับที่ดีเยี่ยมจากลูกค้าทั่วประเทศ จากความโดดเด่นของการออกแบบรูปลักษณ์ภายนอกที่ปราดเปรียวคล่องตัว แต่มีห้องโดยสารที่กว้างขวางสะดวกสบาย พร้อมเครื่องยนต์ SOHC i-VTEC 1.2 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว 90 แรงม้า ขับสนุกแต่ให้การประหยัดน้ำมันสูงสุดถึง 20 กิโลเมตร/ลิตร พร้อมด้วยอุปกรณ์ความปลอดภัยครบครัน ล่าสุด ฮอนด้า บริโอ้ อเมซ ได้สร้างปรากฏการณ์สุดอเมซขึ้นภายในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 29 ที่ผ่านมา โดยเป็นรถยนต์รุ่นที่ดึงดูดให้มีผู้สนใจเข้าเยี่ยมชมบูธฮอนด้าอย่างล้นหลาม ส่งผลให้ บริโอ้ อเมซ มียอดจองรวมทั่วประเทศแล้วกว่าหมื่นคัน ภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว
นายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร รองประธานอาวุโส บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า "การกลับมาอย่างแข็งแกร่งของฮอนด้าในครั้งนี้ เป็นผลมาจากความพยายามในการทยอยเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา 8 เดือนที่ผ่านมา เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่มและทุกไลฟ์สไตล์ รวมทั้งความสำเร็จของบริโอ้ อเมซ ก็เป็นผลมาจากความทุ่มเทอย่างเต็มกำลังของบริษัท เพื่อเร่งการเปิดตัวให้ทันตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ต้องการใช้สิทธิรับเงินคืนภาษีจากโครงการรถยนต์คันแรกของรัฐบาลภายในสิ้นปีนี้ จากยอดขายที่เติบโตอย่างต่อเนื่องเช่นนี้ ทำให้เรามั่นใจว่าจะสามารถทำยอดขายทั้งปีได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้อย่างแน่นอน”
ความคิดเห็น