กรุงเทพฯ. บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย สร้างสถิติใหม่อีกครั้งด้วยยอดขายสูงสุดสำหรับ บีเอ็มดับเบิลยู, มินิ และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ยังสร้างสถิติยอดขายเพิ่มขึ้นสูงสุดเมื่อเทียบกับบีเอ็มดับเบิลยูในประเทศอื่นๆทั่วโลก
ในปี 2555 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ประสบความสำเร็จกับสถิติยอดขายที่เติบโตขึ้นถึง +44% โดยมียอดขายบีเอ็มดับเบิลยูและมินิอยู่ที่ 6,114 คัน นอกจากนี้แล้ว ทั้ง 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์ของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ยังได้สร้างสถิติยอดขายสูงสุดครั้งใหม่ ด้วยยอดขายบีเอ็มดับเบิลยูที่ 5,613 คัน (เพิ่มขึ้น +45% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า) มินิ 501 คัน (เพิ่มขึ้น +30% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า) และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด 290 คัน (เพิ่มขึ้น +37% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า)
มร. แมทธิอัส พฟาลซ์ ประธาน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า “บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ได้จารึกประวัติศาสตร์ใหม่อีกครั้ง ด้วยการทำสถิติยอดขายเพิ่มขึ้นสูงสุดถึง +44% สำหรับรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูและมินิ โดยมียอดขายรวมอยู่ที่ 6,114 คัน นับเป็นความสำเร็จอย่างสูงสุดถึงสองปีติดต่อกัน และยังเป็นสถิติยอดขายที่เพิ่มขึ้นสูงสุดเมื่อเทียบกับบีเอ็มดับเบิลยูในประเทศอื่นๆทั่วโลก
“ความสำเร็จของเราในประเทศไทย เป็นความสำเร็จที่สอดคล้องกับสถิติใหม่ที่บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ทั่วโลก ทำได้กว่า 1.8 ล้าน คัน ภายใต้แบรนด์ บีเอ็มดับเบิลยู, มินิ และโรลส์-รอยซ์ ซึ่งเพิ่มขึ้น +10.6% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า”
“สำหรับบีเอ็มดับเบิลยูโดยเฉพาะแล้ว ยอดขายที่เพิ่มขึ้น 45% โดยมียอดรวมทั้งสิ้น 5,613 คัน เป็นเครื่องบ่งบอกการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องสำหรับบีเอ็มดับเบิลยูในแต่ละรุ่น ทั้งนี้เราได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีเยี่ยม ทั้งในด้านเทคโนโลยีที่ประหยัดพลังงานและรักษาต้นทุนค่าใช้จ่ายสำหรับการเป็นเจ้าของที่คุ้มค่า ด้วยเทคโนโลยี BMW EfficientDynamics และ BMW Service Inclusive ทั้ง 2 ปัจจัยนี้เป็นคำตอบที่ดีเยี่ยมสำหรับลูกค้าของเรา เพื่อให้มั่นใจถึงสมรรถนะในด้านความประหยัดและในด้านความสบายใจสำหรับการบำรุงรักษารถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูตลอดระยะเวลา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร”
“สำหรับมินิแล้ว การสร้างสถิติยอดขายสูงสุดครั้งใหม่ที่ 501 คัน ถือเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมเช่นกัน ทั้งนี้ มินิคันทรี่แมน มีส่วนเป็นอย่างมากในการสร้างความสำเร็จในครั้งนี้ ควบคู่ไปกับโปรแกรม MINI Service Inclusive ที่คุ้มครองการบำรุงรักษารถยนต์มินิตลอดระยะเวลา 3 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร นอกจากนี้แล้วลูกค้ามินิยังสามารถเลือกที่จะขยายระยะเวลาการคุ้มครองนี้ต่อไปได้ถึง 6 ปี หรือ 60,000 กิโลเมตร และด้วยศูนย์บริการมินิสาขาใหม่ล่าสุดที่มิลเลนเนียมออโต้ พระราม 3 เราสามารถที่จะรองรับการเจริญเติบโตของลูกค้ามินิได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
“บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราดได้สร้างสถิติยอดขายสูงสุดเช่นกัน ด้วยยอดขายทั้งสิ้น 290 คันและอัตราการเติบโตที่เพิ่มขึ้นถึง 37% ในปีที่แล้ว ความสำเร็จของบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราดในประเทศไทยนี้ เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับความสำเร็จของบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราดทั่วโลกที่มียอดขายทั้งสิ้น 106,000 คัน นับเป็นสถิติที่ดีที่สุดในเกือบ 90 ปีแห่งประวัติศาสตร์ของบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด”
2556 : ปีแห่งนวัตกรรมทางเทคโนโลยีและบีเอ็มดับเบิลยูรุ่นใหม่ๆที่ตอบรับกับโลกแห่งอนาคต
มร. แมทธิอัส พฟาลซ์ ประธาน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า “ในปี 2556 นี้ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ได้วางแผนที่จะนำเสนอนวัตกรรมทางยานยนต์ใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการในการใช้รถยนต์ที่เปี่ยมด้วยประสิทธิภาพและเทคโนโลยี โดยยังคงไว้ซึ่งความประหยัดน้ำมันเป็นเยี่ยมและรักษาต้นทุนค่าใช้จ่ายสำหรับการเป็นเจ้าของที่คุ้มค่า นอกจากนี้แล้ว ปี 2556 ยังนับเป็นปีแห่งการเริ่มต้นนวัตกรรมทางเทคโนดลยีใหม่ๆสำหรับบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ด้วยรถยนต์ทีขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า BMW i3 ที่จะได้รับการเปิดตัวอย่างเต็มรูปแบบภายในปลายปีนี้ สำหรับประเทศไทยนั้น เราพร้อมแล้วที่จะนำเสนอรถยนต์รุ่นใหม่ๆซึ่งพร้อมตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าชาวไทยได้เป็นอย่างดี”
“บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทยยังคงมุ่งมั่นตามแผนแม่บทของเราเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาความพึงพอใจของลูกค้าและเพื่อเพิ่มศักยภาพในด้านราคาขายต่อรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูให้ดียิ่งขึ้นไป ด้วยการตอบรับจากลูกค้าของบีเอ็มดับเบิลยู มินิและบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราดอย่างสูงสุดเป็นปีที่สองติดต่อกันนี้ เรายังคงมุ่งมั่นเพื่อทำให้ได้มากกว่าคาดหมายของลูกค้าของเราต่อไป”
บีเอ็มดับเบิลยูไฟแนนเชี่ยล เซอร์วิสเซสสร้างสถิติใหม่อีกครั้งในปี 2555 เพื่อเฉลิมฉลองวาระครบ 10 ปี นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมาเช่นเดียวกัน
มร. คริสเตียน วิดมานน์ กรรมการผู้จัดการ บีเอ็มดับเบิลยูไฟแนนเชียล เซอร์วิสเซส ประเทศไทย กล่าวว่า “บีเอ็มดับเบิลยูไฟแนนเชียล เซอร์วิสเซส ได้เฉลิมฉลองวาระครบรอบ 10 ปี นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา ด้วยการสร้างสถิติยอดสัญญาเช่าซื้อในปี 2555 ที่เติบโตขึ้นอย่างมั่นคงถึง 25% สำหรับกลุ่มลูกค้าบีเอ็มดับเบิลยูและมินิ ความสำเร็จดังกล่าวนี้ เป็นผลมาจากผลิตภัณฑ์ที่สามารถปรับให้เหมาะสมกับลูกค้าได้สูงสุด การให้บริการที่ดีเยี่ยม และการมุ่งมั่นเพื่อตอบสนองความต้องการของทั้งลูกค้าและผู้จำหน่ายบีเอ็มดับเบิลยูและมินิ ทั้งในด้านการเสาะหาลูกค้าใหม่ๆพร้อมๆกับการรักษาฐานลูกค้าปัจจุบันของเราอย่างดีที่สุด”
กลยุทธ์ผลิตภัณฑ์เชิงรุก เทคโนโลยี BMW ActiveHybrid ที่มีให้เลือกถึง 8 รุ่น :
- BMW ActiveHybrid 3, BMW ActiveHybrid 3 M Sport, BMW ActiveHybrid 3 M Sport with 19” alloy wheel and adaptive M suspension
- BMW ActiveHybrid 5, BMW ActiveHybrid 5 M Sport
- BMW ActiveHybrid 7 L, BMW ActiveHybrid 7 L M Sport, BMW ActiveHybrid 7 L High Line
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย รักษาความเป็นผู้นำ ในเชิงผลิตภัณฑ์ และเทคโนโลยีอีกครั้ง สำหรับปี 2556 นี้ BMW ActiveHybrid 3/5/7L จะมีให้เลือกมากถึง 8 รุ่นด้วยกัน ซึ่งทุกรุ่นมาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบ ที่ได้รับรางวัล “Engine of the year” ถึง 2 ปีซ้อน
BMW ActiveHybrid 3 (ราคา 4,199,000 บาท)
BMW ActiveHybrid 3 M Sport (ราคา 4,399,000 บาท)
BMW ActiveHybrid 3 M Sport (ราคา 4,499,000 บาท) พร้อมล้ออัลลอยขนาด 19” และ ช่วงล่าง M แบบปรับตั้งได้
- จัดเป็น full hybrid รุ่นแรกของโลกในกลุ่มของรถสปอร์ตคอมแพ็คซีดานระดับหรู
- เทคโนโลยี hybrid อัจฉริยะ พร้อมประสิทธิภาพแห่งการประหยัด แต่คงไว้ซึ่งขุมกำลังอันเต็มเปี่ยม ที่ประกอบไปด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า, เครื่องยนต์เบนซิน BMW TwinPower Turbo 6 สูบ, และแบตเตอร์รี่ลิเทียมไอออน ประสิทธิภาพสูง
- พละกำลังแห่งการขับเคลื่อนถึง 340 แรงม้าโดยรวมทั้งหมดและมีอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ภายใน 5.3 วินาที
- สามารถขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าได้ไกลถึง 4 กิโลเมตร ด้วยความเร็วที่ต่ำกว่า 60 กิโลเมตร/ชั่วโมง
- พื้นที่เก็บสัมภาระด้วยท้ายถูกออกแบบมาเพื่อเก็บแบตเตอรรี่ลิเทียมไอออนไว้อย่างมิดชิด
BMW ActiveHybrid 5 (ราคา 5,399,000 บาท)
BMW ActiveHybrid 5 M Sport (ราคา 5,599,000 บาท)
- เปี่ยมด้วยความสมดุลย์ของขุมกำลังที่ 340 แรงม้า และระดับการปล่อย CO2 เพียง 149 กรัม/กม.
- สามารถขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าได้ไกลถึง 4 กิโลเมตร ด้วยความเร็วที่ต่ำกว่า 60 กิโลเมตร/ชั่วโมง
- Coasting mode ตัดการทำงานของเครื่องยนต์อัตโนมัติ ได้จนถึงขีดความเร็วสูงสุด 160 กม./ชม.
- ระบบบริหารการใช้พลังงานอย่างชาญฉลาด intelligent energy management
- E-boost function ช่วยเพิ่มอัตราการเร่งได้อย่างคล่องตัว
BMW ActiveHybrid 7 L (ราคา 8,299,000 บาท)
BMW ActiveHybrid 7 L M Sport (ราคา 8,899,000 บาท)
BMW ActiveHybrid 7 L Highline (ราคา 8,999,000 บาท)
บีเอ็มดับเบิลยู ActiveHybrid 7 L สามารถขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าได้ไกลถึง 4 กิโลเมตร ด้วยความเร็วที่ต่ำกว่า 60 กิโลเมตร/ชั่วโมง
มอเตอร์ไฟฟ้าสั่งงานฟังก์ชั่น Boost เมื่อต้องการพลังงานสำหรับการออกตัว หรือเมื่อต้องการเร่งแซง ซึ่งสามารถให้อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน 5.7 วินาที
ระบบชาร์จไฟแบตเตอรี่แบบอัตโนมัติ (Brake Energy Regeneration), ระบบ Hybrid Start/Stop และโหมดการขับขี่แบบ ECO PRO ช่วยลดอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง
อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยที่ 14.7 กิโลเมตร/ลิตร (ระดับการปล่อย CO2 เพียง 158 กรัม/กิโลเมตร)
BMW 7 Series LCI
BMW 730Li (THB 7,299,000)
BMW 730Ld (THB 7,599,000)
- ไฟหน้าแบบ LED แบบปรับอัตโนมัติ ช่วยเพิ่มวิสัยทัศน์ในการขับขี่ยามค่ำคืนโดยไม่รบกวนสายตาของผู้ขับขี่รถยนต์คันอื่น
- ระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ช่วยลดอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงได้อย่างดีเยี่ยม
- หน้าจอแสดงผลขนาด 10.25 นิ้ว เพื่อแสดงผลในการขับขี่ด้วยโหมดต่างๆที่เลือกได้ รวมทั้ง ECO PRO
ประกาศเพิ่มเติม
BMW 320d Touring M Sport ประกาศราคาขายอย่างเป็นทางการที่ 4,099,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
BMW Motorrad
BMW HP4 – น้ำหนักเบาที่สุดแต่ให้พละกำลังสูงสุดถึง 193 แรงม้า
BMW HP4 จัดเป็นมอเตอร์ไซด์ 4 สูบ ในกลุ่มซุปเปอร์สปอร์ต 1,000 ซีซี ที่เบาที่สุด ให้พละกำลังสูงสุด 193 แรงม้า และมีน้ำหนักเพียง 199 กิโลกรัม หากคำนวณโดยรวม Race ABS และ ถังน้ำมันที่เติมเต็ม 90 เปอร์เซ็นต์ (169 กิโลกรัม คำนวณที่ถังเปล่ารวม Race ABS)
บีเอ็มดับเบิลยู HP4 มาพร้อมกับเครื่องยนต์แบบ 4 สูบ เช่นเดียวกับ S 1000 RR ให้กำลังขับเคลื่อนสูงสุด193 แรงม้าที่ 13,000 รอบ และมีรอบเครื่องยนต์สูงสุด 14,200 รอบ
สำหรับผู้ที่ต้องการการขับขี่อย่างเร้าใจสูงสุด BMW HP4 พร้อมชุดแต่ง Competition Package มาพร้อมกับชิ้นส่วนคาร์บอน เช่น สปอยเลอร์, ที่พักเท้า, มือจับเบรกและคลัช, ล้อสี Racing blue metallic.
BMW F700 GS & F800 GS – พร้อมระบบ ABS ทั้ง 2 รุ่น
BMW F 800 GS รวมการใช้งานทั้งในแบบทั่วไป และในแบบ Touring ด้วยสมรรถนะ ของมอเตอร์ไซด์ออฟโรด ในขณะที่ BMW F 700 GS ถูกออกแบบมาเพื่อผู้ขับขี่ที่ไม่ต้องการ ใช้งานในลักษณะออฟโรด มากนัก แต่เน้นจุดแข็งในเรื่องของระดับที่นั่งต่ำ และความสะดวกสบายสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน
BMW F 800 GS BMW F 700 GS
63 กิโลวัตต์ /85 แรงม้า 55 กิโลวัตต์ /75 แรงม้า
USD telescopic fork conventional telescopic fork
Progressive damping spring strut Gas pressure spring strut
ล้อแบบซีลวด ล้อแบบอลูมิเนียมหล่อ
ล้อหน้าขนาด 21 นิ้ว ล้อหน้าขนาด 19 นิ้ว
แฮนเดิ้ลบาร์อลูมิเนียม แฮนเดิ้ลบาร์เหล็ก
ความสูงเบาะที่นั่ง 880/850 mm ความสูงเบาะที่นั่ง 820/790 mm
น้ำหนัก 214 กก. น้ำหนัก 209 กก.
ข้อมูลเพิ่มเติม
ลูกค้าสบายใจได้เสมอกับโปรแกรมบำรุงรักษารถยนต์ BMW Services Inclusive (BSI) และ MINI Service Inclusive (MSI)
หัวใจสำคัญในการสร้างความพึงพอใจสูงสุด คือ ความสบายใจของลูกค้า ดังนั้นรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูและมินิจึงมาพร้อมกับโปรแกรมบริการหลังการขาย BSI BMW Services Inclusive ซึ่งเป็นการดูแลบำรุงรักษาตลอดระยะเวลา 5 ปี/ 100,000 กิโลเมตร นอกจากนี้แล้ว ลูกค้าบีเอ็มดับเบิลยูยังสามารถเลือกที่จะขยายระยะเวลาโปรแกรมบำรุงรักษารถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูดังกล่าวนี้เพิ่มเติมได้อีก 1 ปี หรือ 20,000 กิโลเมตร เพื่อการคุ้มครองสูงสุดรวม 6 ปี หรือ 120,000 กิโลเมตร สำหรับลูกค้ามินิ โปรแกรม MINI Service Inclusive คุ้มครองการบำรุงรักษารถยนต์มินิตลอดระยะเวลา 3 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร นอกจากนี้แล้วลูกค้ามินิยังสามารถเลือกที่จะขยายระยะเวลาการคุ้มครองนี้ต่อไปได้โดยรวมถึง 6 ปี หรือ 60,000 กิโลเมตร
โปรแกรม BSI และ MSI นี้ นอกจากจะเป็นการสร้างความสบายใจแล้ว ยังเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายในการเป็นเจ้าของ (Low Cost of Ownership) และช่วยเพิ่มมูลค่าการขายต่ออีกด้วย
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป เป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์และรถมอเตอร์ไซค์ที่ประสบความสำเร็จที่สุดในโลก เราผลิตและจำหน่ายรถยนต์ภายใต้แบรนด์บีเอ็มดับเบิลยู, มินิ และโรลส์-รอยซ์ และรถมอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยู เรามีเครือข่ายการผลิต 29 แห่งใน 14 ประเทศทั่วโลก อีกทั้งยังมีเครือข่ายผู้จำหน่ายและบริการมากกว่า 140 ประเทศทั่วโลก ในปีค.ศ. 2012 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ปมียอดขายรถยนต์ 1.85 ล้านคันและรถมอเตอร์ไซค์กว่า 117,000 คันทั่วโลก และ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2011 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ปมีพนักงานประมาณ 100,000 คนทั่วโลก
ความสำเร็จของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ปได้รับการขับเคลื่อนจากพลังแห่งวิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยี สร้างผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยม และให้บริการกับลูกค้าอย่างดีที่สุด นอกจากนั้นเรายังให้ความสำคัญกับการสร้างอนาคตที่ยั่งยืน โดยการคำนึงถึงการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ในทุกผลิตภัณฑ์และในทุกขั้นตอนการผลิต และจากความมุ่งมั่นและความพยายามอย่างไม่ลดละ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ปจึงได้รับการจัดอันดับให้เป็น The World’s Most Sustainable Car Manufacturer โดยสถาบัน Dow Jones ใน 8 ปีที่ผ่านมา
ความคิดเห็น