ขับทดสอบ Suzuki Ertiga รถ Mini MPV แบบฉบับพ่อบ้านที่โดดเด่นเรื่องช่วงล่าง ก่อนเปิดตัววันที่ 19 นี้ Share this
รถเปิดตัวใหม่
โหมดการอ่าน

ขับทดสอบ Suzuki Ertiga รถ Mini MPV แบบฉบับพ่อบ้านที่โดดเด่นเรื่องช่วงล่าง ก่อนเปิดตัววันที่ 19 นี้

Admin
โดย Admin
โพสต์เมื่อ 08 March 2556

หลังจากสิ้นสุด โปรโมชั่นยอดขายส่วนลดของภาครัฐ ในรถยนต์คันแรกปีที่แล้วไปเป็นที่เรียบร้อย และได้มีการคาดคะเนกันว่ายอดขายรถยนต์ปีนี้น่าจะลดลง แต่ทว่า ค่ายรถยนต์ทั้งหลายยังกระหน่ำ เปิดตัวรถยนต์ใหม่ของค่ายตัวเองกันอุตลุด โดยเริ่มกันตั้งแต่ต้นปี โดยเฉพาะในเดือนนี้ ที่จะมีงานมหกรรมยานยนต์ Bangkok International Motor Show ครั้งที่ 34 ซึ่งจะจัดขึ้นวันที่ 27 มี.ค. – 7 เม.ย. นี้ ที่อาคารแชลเลนเจอร์ 1-3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ซึ่งแน่นอนว่าทางทีมงาน Autospinn เราจะรีบเก็บภาพและข่าวมาฝากแฟนๆ โดยเร็ว สำหรับวันนี้ ทางเราได้มีโอกาสเข้าร่วมขับทดสอบรถยนต์ Mini MPV จากค่าย Suzuki รุ่นใหม่นี้ ที่มีชื่อว่า Ertiga ก่อนที่จะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 19 มี.ค. นี้ สำหรับคนรักครอบครัวทั้งหลาย ที่สนใจจะออกรถ Mini Van เชิญอ่านกันได้เลย

ในการขับทดสอบรถยนต์ Suzuki Ertiga ใหม่ ครั้งนี้ ต้องขอขอบคุณ Suzuki Motors (ประเทศไทย) ที่ได้เชิญทางเราเข้าไปร่วมทดสอบกลุ่มย่อยในครั้งนี้ โดยเส้นทาง ได้วิ่งจากสำนักงานใหญ่ Suzuki ที่อ่อนนุช มุ่งหน้าเข้ายังเส้นที่คุ้นเคย มอเตอร์เวย์ เพื่อไปยัง The Glass House พัทยา ก่อนที่จะวิ่งกลับทางเดิม เช่นเดิม โดยในการทดสอบครั้งนี้ ทางผมได้ขับในช่วงขากลับเป็นมือที่ 2 โดยมีระยะทางในการวิ่ง ราว 140 กม. โดยในครั้งนี้ทางเราได้รถ Suzuki Ertiga หมายเลข 4 รุ่น GL ซึ่งเป็นรุ่นรองท๊อป สีฟ้า มาใช้ในการทดสอบครั้งนี้

รูปลักษณ์ภายนอก สำหรับ Platform นั้น ได้ถือเอาแบบฟอร์มมาจาก Suzuki Swift โดยตรง และจับยืดขยายขนาดตัวถัง จุดที่ดูเด่นบริเวณไฟหน้าได้ DNA มาอย่างเห็นได้ชัด มองแล้วต่างกันแค่มุมด้านบนที่ Swift จะโค้งแต่เจ้าหนู Ertiga จะตัดเป็นมุมเหลี่ยม ในส่วนไฟท้ายเมื่อมองเฉียงจากด้านหลัง 45 องศา รู้สึกเหมือนไฟท้าย Honda Jazz ยังไงชอบกล ล้ออัลลอยติดรถขอบ 15 พร้อมยาง 185/65/R15 ดูๆ ไป ขับไปไหน ยังไม่ดูหล่อโดดเด่น แบบคนหันเหลียวนัก เพราะสไตล์จะออกรถบ้านครอบครัว ขับใช้งานทั่วๆไป ในส่วนของออปชั่นรถที่จะนำจำหน่ายจริงอาจจะ มีออปชั่นที่เปลี่ยนไปจากคันทดสอบในหลายอย่าง เนื่องจากตามสเป็กโบรชัวร์ที่เราได้ กับคันที่เราได้ขับ กลับมีออปชั่นที่ไม่เหมือนกัน ในส่วนนี้ไว้คงต้องรออัพเดทจริงอีกทีในวันเปิดตัววันที 19 นี้กันอีกที

ห้องโดยสารภายใน เป็นสีเบจดูสบายตา และเบาะผ้าลายไม้ ดูลวดลายแปลกตา แต่ก็ดูเข้ากันกับโทนสีภายใน คันที่ทางเราได้ขับเป็นรุ่น GL ซึ่งจะเป็นรุ่นกลาง ระหว่าง GA และ GX ซึ่งออปชั่นที่โดนตัดทอนแบบเห็นได้ชัดจากรคันของเพื่อนๆ ที่ไปด้วยกัน จะไม่มี Multifunction, ทวีตเตอร์ ในส่วนของเบาะตำแหน่งการนั่งสูงนั่งสบาย ตามสไตล์รถครอบครัว และได้มีโอกาสไปนั่งที่เบาะหลังดู พบว่าก็นั่งสบายอยู่พื้นที่ Leg Room ไม่ได้อึดอัดจนเกินไป คนสูงสัก 180ซม. ยังนั่งได้ไม่ติดเข่า พอมีพื้นที่ให้ยืดหยุ่นกันบ้าง ช่องแอร์ตอนสอง มีมากถึง 4 ช่อง สามารถปรับแบ่งไปให้ผู้โดยสารตอน 3 ได้อย่างเพียงพอ สำหรับเสียงรบกวนที่ได้ลองนั่งฟังดู ที่ความเร็วปลายๆ เสียงดังเข้าเป็นปกติ ตามประสา แต่ที่ความเร็วประมาณ 100กม./ชม. ถือว่าทำได้ดีเลยล่ะ ไสำหรับอีกจุดขายหนึ่งที่ขายความสบายอเนกประสงค์ นั่นก็คือ One touch walk-in เพียงการสัมผัสแค่ครั้งเดียว โดยดันคันโยกขึ้น พนักเก้าอี้จะเอนตัวลง และเลื่อนมายังด้านหน้าโดยง่ายดาย สามารถเข้าถึงที่นั่งแถว 3 ได้อย่างสะดวก สำหรับในส่วนภายในนั้นถือว่าดูดีพอตัว วัสดุภายในที่ดูดีกว่าคู่แข่งในหลายเจ้า แต่มีจุดหนึ่งที่ไม่ชอบนั่นคือ One Touch Up ของกระจกไฟฟ้ากลับไม่มีให้ มีแต่ขาลงเท่านั้น อย่างที่บอก ว่าต้องรอราคาเปิดตัวกันว่าจะเป็นเท่าไร กับสิ่งที่ได้จากเจ้าหนู Ertiga นี้

และขอพูดเพิ่มเกี่ยวกับทัศนะวิสัยสักเล็กน้อย เท่าที่นั่งและปรับเบาะต่ำสุด พบว่า การมองมุมมองด้านหน้ารถ โปร่งดูสบายตามสไตล์ MPV กระจกมองข้างดูจะตัดเฉียงลงออกข้างลำตัวไปหน่อย เมื่อมานั่งอยู่ที่ตำแหน่งเบาะสูง และดู ขอบกระจกด้านนอก มุมจะอับไปหน่อย เมื่อจะมีรถแซงเราขึ้น อาจต้องมองดีๆ ก่อนทำการเปลี่ยนเลน เสา A ก็ยังบังในจังหวะเลี้ยวกลับรถอยู่พอสมควร และเสา D ก็ดูหนาเหมือนกันเป็นอุปสรรคในจังหวะกลับรถ อยู่เช่นกัน

เครื่องยนต์ จัดขุมพลังบล๊อกไม่ใหญ่นักขนาด 1.4 ลิตร รหัส K14B ที่มาพร้อมระบบวาล์วแปรผันที่ฝั่งไอดีเพียงด้านเดียว (VVT) เช่นเดียวกับใน Suzuki Swift ให้กำลัง 95 แรงม้า@6000rpm แรงบิดสูงสุด 130 Nm@3000rpm ซึ่งดูกันตามตรง มันก็เครื่องเดียวกับ K12B ของ Swift นั่นล่ะ แต่นำมาขยายความจุ ก็เท่าที่ลองขับก็ตามคาด คือ อืดพอตัว ด้วยการใช้เครื่องบล๊อกเล็กแบกน้ำหนักตัวค่อนข้างใหญ่ แถมรู้สึกว่า คันเร่งจะดูตอบสนองช้าไปหน่อย กด Kick Down ไปแล้วกว่ารอบจะตวัด ต้องรอหน่อย แต่พอ รอบมาแล้ว ก็ถือว่า Ok อยู่ไม่อืดมากแล้ว รอบจัดใช้ได้ ลากไป เกียร์ตัดขึ้นที่บริเวณ Red Line พอดี ในช่วงความเร็วต้นๆ กลางๆ ก็พอไปได้อยู่ถ้า ขับแบกกระแทกคันเร่งหน่อย ให้รอบกวาดขึ้น ใช้รอบปลายไต่ Speed เอา แต่เมื่อความเร็ว สัก 140-150 กม./ชม. ขึ้นไป ความเร็วดูจะไหลช้าแล้วคราวนี้ ซึ่งในทริปนี้ รถคันที่ผมขับทำได้สูงสุดที่ 170กม./ชม. แช่เข็มไม่กระดิกต่อแล้ว ซึ่งก็ถือว่า เพียงพอแล้วล่ะ กับรถ Mini Van ครอบครัวแบบกระทัดรัด

ระบบส่งกำลัง เป็นเกียร์อัตโนมัติ 4 Speed เรื่องเกียร์อาจจะต้องบอกได้ว่าเป็นจุดเดียวที่เสียดายที่สุดในรถคันนี้ (มากกว่าเครื่องยนต์) เพราะเดี๋ยวนี้รถหลากหลายค่าย แม้แต่ Suzuki เองก็ยังปรับเปลี่ยนมาใช้เป็นเกียร์ CVT น่าจะทำให้ช่วยในเรื่องการขับขี่ที่นุ่มนวล ต่อเนื่อง และเรื่องของความประหยัดที่ดียิ่งกว่า แต่สำหรับเกียร์ลูกนี้ มีช่วงอัตราทดที่ค่อนข้างกว้าง ถ้าพูดในช่วงที่เร่งแซง และลากรอบกันไป เครื่องยนต์จัดตัดที่ประมาณ 6000rpm ไปนิดๆ ก่อนเข้า Redline ซึ่งการทดเกียร์ที่ค่อนข้างกว้าง ยังพอช่วยในเรื่องของการถ่ายทอดกำลังได้สูงกว่า ในจังหวะลากรอบแซง และยังมีปุ่ม Overdrive มาให้ใช้อีกด้วย แต่จากการใช้ พบว่า จังหวะที่กด Overdrive หลังจาก Kick down เกียร์ลงไปหนึ่งจังหวะแล้ว การกดปุ่มนี้จะไม่ได้ช่วยใดๆ ทั้งสิ้น แต่เมื่อกระแทกคันเร่งมิด รอบตวัดไป กว่า 4000rpm กด Overdrive เกียร์ ค่อยลดลงมา เหมือนว่าถ้าอยากใช้จะต้องเค้นก่อนสักหน่อย

ความสัมพันธ์ความเร็วต่อรอบเครื่องยนต์ได้ลองวัดที่ 3 ค่า 80กม./ชม.= 2000rpm , 100กม./ชม.=2500rpm , 120กม./ชม.=3100rpm ก็ยังถือว่าออกมาไม่แย่นักกับเกียร์ เพียง 4 Speed และตัวเลขรอบเครื่องที่ความเร็ว ทั้ง 3 ค่านี้ใกล้เคียงกับ Power Shift 6 Speed ของ Ford Focus อีกด้วย

ระบบเบรกแบบดิสก์ ล้อคู่หน้า และดรัมเบรกคู่หลัง ให้ความหนึบได้อย่างมั่นใจ กว่ารถ B-Car หลายค่าย เบรกไม่แข็งไม่ตื้น เหมาะกับน้ำหนักเท้าแบบพ่อบ้าน แม่บ้าน และคนที่เบรกแบบค่อยๆ เน้นความนุ่มนวล โดยรวมก็ออกจะเหมือน Swift เลยล่ะ และเมื่อขับมาด้วยความเร็ว เมื่อการจราจรข้างหน้าค่อนข้างหนาแน่นคับคั่ง การเบรกชะลอความเร็ว ก็ยังทำหน้าที่ได้ดี ถึงแม้ว่า จะไม่มี ABS และ EBD ในรุ่นที่ผมขับนี้ก็ตาม เพียงแต่ การเบรกกระทันหัน ก็ต้องระวังกันสักหน่อย และ ถ้าเป็นไปได้ เมื่อซัดมาเร็ว ควรยกคันเร่งเผื่อแต่เนิ่นๆ หรือเผื่อระยะการเบรกเอาไว้ จะดีที่สุด

Handling พวงมาลัย เป็นพวงมาลัย EPS ที่ดูให้น้ำหนักที่ค่อนข้างดีใกล้เคียงกับพี่ Swift น้ำหนักในช่วงความเร็วต่ำและออกตัวไม่ได้เบาอย่างพวงมาลัยไฟฟ้าหลายๆคัน ดูมีน้ำหนักดีออกธรรมชาติ ในความเร็วช่วงกลางขึ้นไปก็ทำได้ดีอยู่ และมีความนิ่งเสถียรดีมากที่ความเร็วสูง ขนาดขับที่ความเร็วระดับ 150กม./ชม.ในเลนช่องขวา บนเส้นมอเตอร์เวย์ลองปล่อยทั้งสองมือยังทำได้ดี ไม่มีส่ายให้ไม่น่ากลัวแต่อย่างใด แต่เมื่อขับที่ความเร็วสูงตามที่บอกแล้ว ในจังหวะ Lane Change พวงมาลัยกลับให้ความรู้สึกที่ไวไปนิด ในการประคองมือ เตรียมดึงพวงมาลัยไปทางด้านใดด้านหนึ่ง ยังรู้สึกว่าช่วงพื้นที่ Free พวงมาลัย ค่อนข้างดึงไวไปหน่อย กับรถครอบครัวเช่นนี้ น่าจะเซ็ตออกมาให้หน่วงกว่านี้อีกสักนิดกำลังดี

ช่วงล่าง ด้านหน้าเป็นแม็คเฟอร์สัน สตรัท และด้านหลังทอร์ชั่นบีม แบบเดียวกับรุ่นพี่อย่าง Suzuki Swift แต่ทำการยืดระยะฐานล้อให้ยาวขึ้น อีกราว 40ซม. โดยรวมสำหรับการขับขี่ใช้งานนั้น ทำหน้าที่ได้ดีเลยล่ะ ไม่แพ้ตัวพี่มันเลย นุ่มหนึบเกาะถนนเอาอยู่ในการใช้งานทั่วไปได้สบาย รวมถึงนั่งโดยสารได้สบายไม่อึดอัด จากการที่ได้มีโอกาสลองไปนั่งที่ตอนหลังพบว่า เมื่อเจอช่วงรอยต่อถนน หรือลอนถนนทีเป็นคลื่น ช่วงล่างนั้น ยังทำออกมาได้ดี ไม่เด้งจนเกินไป และไม่ถึงกับท้องไส้ปั่นป่วน เหมือนรถยนต์ในกลุ่ม Compact หลายรุ่น ด้วยตัวรถนั้นค่อนข้างสูงตามสไตล์รถครอบครัว ทำให้เมื่อขับขี่ที่ความเร็งสูง หรือ การเดินโค้งด้วยความเร็วจะทำให้ ตัวรถคลอนมาก ซึ่งมีได้หวาดเสียวกันเล่นเล็กน้อย แต่สำหรับรถครอบครัวไซส์เล็ก เช่นนี้ ก็ไม่ค่อยจะเหมาะแก่การไปวาดโค้งเล่นด้วยความเร็ว หรือขับที่ความเร็วสูงนักอยู่แล้ว

สรุป Suzuki Ertiga ใหม่รถครอบครัว Mini MPV ขนาดย่อม สำหรับพ่อบ้าน แม่บ้าน ที่ขับแบบเน้นความอเนกประสงค์ในราคาไม่แพง ความดีงามด้านสมรรถนะช่วงล่าง เอาไปเลยเต็มๆ ได้เปรียบคู่แข่งแบบเด่นชัด แต่เครื่องยนต์กับเกียร์ อาจจะต้องรับภาระหนัก หากมีผู้โดยสารมากกว่า 4 คน เนื่องจากเครื่องเล็ก และแบกน้ำหนักตัวเปล่าที่ หนักเอาการอยู่ แต่ถ้าขับใช้งานในตัวเมือง แบบเรื่อยๆ สบายๆ ก็ไม่ต้องคิดกันมาก วัสดุภายในก็ดูดีกับเพื่อนๆ ในระดับเดียวกัน ต้องมารอดูราคาและ สเป็กของแต่ละรุ่นแบบตัวเต็มกันอีกทีล่ะ ว่าจะยังไง โดยส่วนตัวเดาว่า ถ้าตัว GA ที่เป็นเกียร์ MT เปิดมา สัก 6 ปลายถึง 7, GL 7 ต้น-กลาง GX อยู่ 7 ปลาย สัก 7.8-7.9 ถ้าทำได้ราคานี้ผมถือว่า เป็นรถที่น่าสนใจในแบบฉบับครอบครัวที่ให้ความคุ้มค่าด้านสมรรถนะ และคนรักครอบครัวพอใจที่จะจับต้องกันได้ น่านจะเป็นรถที่ขายดีขึ้นมา รองๆ จากรุ่นพี่อย่าง Swift เลยล่ะ

เขียนโดย ภณ เพียรทนงกิจ (พล autospinn)

ชมภาพเพิ่มเติมคลิก http://photos.autospinn.com/2013-suzuki-ertiga-grouptest/page/2/


ความคิดเห็น


เรียกดูข่าวตามประเภทยานพาหนะ

ค้นหาข่าวโดยยี่ห้อ