ก่อนหน้านี้ เราได้เคยไปทดสอบ รถยนต์อเนกประสงค์ Suzuki Ertiga แบบ กรุ๊ปเทส สื่อมวลชนกันไปแล้ว ซึ่งจัดขึ้นเมื่อช่วงต้น เดือน มีนาคม ก่อนงานเปิดตัว ตอนกลางเดือน ที่เปิดราคามาแบบ ตีตลาด รถคันแรกอย่างจัง เพราะตั้งใจบุกเบิกรถใน Segment นี้ แบบราคาจับต้องได้ เคาะราคา เริ่มที่ 5.54 แสน เท่านั้น ซึ่งเล่นเอา Admin หน้าแตกเพราะเดาราคาเปิดตัวผิดไปเป็นแสน สำหรับรถยนต์ 7 ที่นั่ง แบบ B-MPV คันนี้ แบรนด์ Suzuki ซึ่งนั่น ดูน่าสนใจไม่น้อยเลย กับรถที่ทำตลาดหลักที่ประเทศอินโดนีเซีย และจัดการนำเข้ามาประกอบไทย เพื่อทำราคาให้ได้น่าเล่นขนาดนี้ และคราวนี้เราได้มีโอกาสมาขับทดสอบ เก็บตกกันอีกสักครั้งกับ รถครอบครัว แบบ 1st car family ว่ามันจะดีคุ้มค่าหรือไม่ เมื่ออาจเจอกับคู่แข่งแบรนด์อเมริกา ที่นำเข้าจากอินโดนีเซียมาทั้งคัน
ในการขับทดสอบรถ 2013 Suzuki Ertiga นี้ ต้องขอขอบคุณ Suzuki Motors (ประเทศไทย) ที่ได้ให้รถทดสอบ Suzuki Ertiga รุ่น GX ตัวท๊อป สีฟ้า Serene Blue Metallic ราคา 689,000 บาท มาให้ทำการทดสอบกันในครั้งนี้
รูปโฉมภายนอก ตามที่ได้กล่าวไปแล้วว่า Suzuki Ertiga เป็นรถแบบ Minivan ที่พื้นฐานโครงสร้างตัวถังด้านหน้ามาจาก Suzuki Swift จึงทำให้ เส้นสายของไฟหน้า ไฟตัดหมอก รูปลักษณ์โดยรวม ได้อิทธิพลมาจาก Swift โดยตรง ต่างกันตรงแนวเส้นสายของไฟเพียงเล็กน้อยเท่านั้น อุปกรณ์พื้นฐาน ที่มีมาให้ในรุ่นท๊อปนี้ กระจกมองข้าง พร้อมไฟเลี้ยวในตัว ไฟตัดหมอกหน้า และใบปัดน้ำฝนหลัง และล้ออัลลอย พร้อมยางขนาด 185/65/15
ด้านมิติตัวรถ มีความยาว 4,265 มม. กว้าง 1,695 มม. สูง 1,685 มม. น้ำหนักตัวเพียง 1,265 กก. ซึ่งถือว่าเจ้ารถหนูรถกล่องคันนี้ ดูค่อนข้างมีความกระทัดรัด ไม่เทอะทะ เกินไปนัก กับรถในระดับ Mini Van ไซส์นี้
ห้องโดยสารรถครอบครัว 7 ที่นั่ง ภายในเน้นโทนสีเบจ ใช้วัสดุหุ้มเบาะ เป็นผ้า ซึ่งดูค่อนข้างจะเลอะได้ง่าย และมีโทนสีที่อ่อน จึงทำให้ดูสกปรก ยิ่งกับรถทดสอบคันนี้ อุปกรณ์พื้นฐาน มีมาให้แบบรถยนต์ใช้งานทั่วไปตามยุคสมัยนี้ ซึ่งเป็นแบบเดียวกับที่พบใน Suzuki Swift เครื่องเล่น CD, MP3, USB พวงมาลัย Multifunction พร้อมสวิทช์ควบคุมเครื่องเสียง ที่ด้านหน้ามีลำโพง ทวีตเตอร์ให้ มีเครื่องปรับอากาศตอนกลาง ที่มี 4 ช่อง ช่วยแพร่ความเย็นไปถึงตอนหลังที่หน้าจอมาตรวัด เป็นแบบ 4 มาตรวัด ซึ่งจะมีบอกวัดอุณหภูมิภายนอกสำหรับตัวท๊อป GX คันนี้
มุมมอง ทัศนะวิสัยการขับขี่ ดูสูงโปร่งตาดี มองเห็นชัดเจน เมื่อปรับเบาะลงต่ำสุด ยังรู้สึกว่าสูงเกินไป (สำหรับคนสูง 174 ซม. เช่นผู้ขับ) น่าจะปรับให้ลงต่ำได้มากกว่านี้เสียหน่อย ด้านกระจกมองข้าง ที่เป็นแบบ Swift นั่นทำให้มุมมอง ใกล้เคียงกัน ในขณะกลับรถ เสา A ที่บังอยู่เล็กน้อย แต่ยังดีที่มีช่องหน้าต่างด้านข้างที่ติดกับเสา A อยู่จึงทำให้ไม่โดนบังจากมุมอับนัก แต่ บริเวณด้านหลังเสา D ที่หนาตัน คอยบังมุมอยู่ จึงต้องระวังให้ดี
จุดเด่นของคันนี้อยู่ที่การปรับเบาะได้อย่างหลากหลาย โดยเบาะตอน 2 สามารถ ปรับระยะเลื่อนเข้า-ออกได้ ถึง 240 มม. เบาะปรับโยกแบบ One-touch walk in เพียงยกคันโยกขึ้น พนักเก้าอี้จะเอนตัวลง และเลื่อนมายังด้านหน้าโดยง่ายดาย สามารถเข้าถึงที่นั่งแถว 3 ได้อย่างสะดวก และนอกจากนั้น ยังมีจุดขายอยู่ที่การปรับพับเบาะได้อย่างหลากหลาย
เครื่องยนต์ เบนซินขนาด 1,373cc 4 สูบ 16 วาล์ว พร้อมระบบวาล์วแปรผัน VVT รหัส K14B (K12B เครื่องยนต์ Suzuki Swift) ปรับจูนให้รองรับน้ำมัน E20 95 แรงม้า ที่ 6,000rpm แรงบิด 130 Nm ที่ 4,000rpm
ว่าตามจริงเครื่องยนต์บล๊อกนี้ ได้ถูกนำมาจาก K12B ใน Swift แล้วมาขยายความจุเพิ่มต่อยอด เพื่อให้ได้สมรรถนะที่ดีขึ้นอีกนิดหนึ่ง ด้านการตอบสนองของคันเร่ง เมื่อเหยียบแป้นคันเร่ง พบว่าค่อนข้างแข็งมากทีเดียว คันเร่งตอบสนองไม่ไว ซึ่งเป็นนิสัยตามแบบฉบับของผู้ใหญ่ อาจะดูไม่ทันใจใครหลายคนในจังหวะ ออกตัว หรือต้องการเร่งแซงนัก เมื่อเหยียบคันเร่งมิด ลากรอบเครื่องจนไปตัดเกียร์ขึ้นที่ Redline ราว 6,500rpm ซึ่งถือว่าใช้เร่งแซงในบางจังหวะ ที่ไม่หวือหวา พอได้อยู่ รวมถึงการเดินทางไกลไปเที่ยวในวันหยุดพักผ่อนก็ยังทำได้ไม่น่าเกลียดแต่อย่างใด ซึ่งผมไม่ได้หวังอะไรมากกับรถยนต์ครอบครัว ที่ไม่เน้นสมรรถนะอะไรมากมายคันนี้ในด้านกำลังเครื่องนัก เพราะมันเหมาะกับผู้เน้นใช้งานแบบประหยัด เดินพอได้แบบสบายๆมากกว่า แต่ที่น่าเป็นห่วง หากมีการบรรทุกผู้โดยสาร ไปด้วยจำนวนมาก หรือ สัมภาระ นั่นคงเป็นสิ่งที่ต้องทำใจกันยิ่งสำหรับการเดินทาง ที่ไม่ควรจะซิ่งทำเวลาแต่อย่างใด
ลองวัดอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. 14.94 วินาที ¼ ไมล์ ภายในเวลา 20.08 วินาที แต่ Top Speed ที่ทำได้ในคันนี้ กลับได้น้อยกว่า ตอนไป Group Test อยู่ 10 กม./ชม. ได้เพียง 160 กม./ชม. เท่านั้น ทั้งที่ก่อนหน้านี้ใน Group Test ทำได้ถึง 170 กม./ชม. และตัวเลข 0-100 กม./ชม. ก็ดูค่อนข้างจะช้ากว่าที่คิดไว้พอสมควร จึงมีความเป็นไปได้สูงว่าในวันที่ทำการทดสอบ อาจมีปัจจัยด้านกระแสลม เข้ามาเกี่ยวข้อง เนื่องจากวันที่ทำการทดสอบนั้นเป็นช่วงที่ฝนทำทีท่าจะตก แต่สุดท้ายกลับไม่ตก
ระบบส่งกำลัง ใช้เกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด ซึ่งว่ากันตามจริงมันถือว่าค่อนข้างจะโบราณกว่าชาวบ้านเขาหน่อย น่าเสียดายที่ไม่ได้ใช้ระบบส่งกำลังแบบเกียร์ CVT อย่างที่พบใน Swift ซึ่งน่าจะช่วยด้านความนุ่มนวล ที่ดีขึ้น รวมถึงอัตราสิ้นเปลืองที่น่าจะดีขึ้นอีกหน่อย สำหรับการตอบสนองของระบบเกียร์ ถ้ากระแทกมิดแบบ Kickdown เกียร์จะลดลงมาให้หนึ่งเกียร์ คาดว่าอาจเป็นผลจากการประมวลผลของเกียร์ที่ป้องกันความเสียหายหากลดเกียร์ลงมาเยอะ แล้วรอเครื่องตกอยู่ในช่วงรอบที่สูง แถมยังตอบสนองแบบหน่วงๆ เหมือนเกียร์มีจังหวะสะอึกอยู่หน่อย ซึ่งเมื่อเทียบกับในบางครั้งที่ต้องการเร่งแซงแบบเต็มสมรรถนะ ของเครื่องยนต์เพียงแค่ 1.4 ลิตร กลับพบว่า กำลังไม่พอ หรือแม้แต่กดปุ่ม Overdrive ที่ติดตั้งให้บริเวณหัวเกียร์แล้วก็ตาม ดังนั้นการที่ดันคันเกียร์ลงมาที่ตำแหน่ง 2 น่าจะเป็นหนทางที่ดีกว่า ในการเรียกกำลังได้อย่างเต็มเปี่ยม
ลองวัดความเร็วต่อรอบเครื่องยนต์ 3 ค่าได้ดังนี้
80 กม./ชม. = 2,100rpm
100 กม./ชม. =2,600rpm
120 กม./ชม. =3,100rpm
ด้านระบบบังคับเลี้ยว พวงมาลัยเป็นแบบเพาเวอร์ไฟฟ้า วงเลี้ยวแคบสุด 5.2 เมตร ซึ่งถือว่าคล่องตัวใช้ได้เลยกับรถ Mini Van ไม่ถึงกับเทอะทะจนทำให้เวลาเลี้ยวตีวง กลับรถรำคาญใจนัก พวงมาลัยน้ำหนักเบาว๋องเรียกได้ว่าแทบจะไร้น้ำหนักในช่วงสาวจอด แต่ยังพอมีความหนืด ซึ่งดูไม่หนักแน่นนัก ดูจะถูกใจกับสาวๆ และแม่บ้านทั้งหลาย ระยะฟรีพวงมาลัยมีพอสมควร ไม่น้อยจนเกินไป เมื่อใช้ความเร็วสูงระดับ 140กม./ชม. ขึ้นไป พวงมาลัยจะเบาไปอย่างชัดเจน การประคองพวงมาลัยในโค้งก็ดูจะเบาไร้น้ำหนักไปซะหน่อย แต่การขับวนขึ้นลานจอด 10 ชั้น สามารถทำได้อย่างยอดเยี่ยมไม่มีอาการให้รู้สึกเมื่อยมือ และพวงมาลัยมีความคล่องตัวสูง ซึ่งการที่พวงมาลัย ไวคล่องตัว นั้น ที่การขับขี่หักเลี้ยวรถเร็วๆ นั่นต้องระวัง ให้ดีในการหักเลี้ยว ที่ช่วงความเร็วต่ำ และความเร็วสูง ซึ่งในความเร็วปานกลาง ถือว่ามีน้ำหนักอยู่ในเกณฑ์ที่ดีอยู่
ระบบห้ามล้อเบรก คู่หน้าเป็นแบบดิสก์พร้อมรูระบายความร้อน ด้านหลังยังใช้ดรัม พร้อมระบบ ABS (ป้องกันล้อล๊อก) และ EBD (กระจายแรงเบรก) การตอบสนองของแป้นเบรก ยอดเยี่ยม อยู่หมัด หนึบแน่น เบรกตอบสนองได้ฉับไว ทันใจ แต่แป้นเบรกก็ไม่ถึงกับตื้นจนเกินไป ทั้งในการขับขี่แบบคลานๆ ในเมือง หรือ ขับด้วยความเร็ว ก็ยังทำได้ดี เช่นกัน ไว้ใจหายห่วง ดีในแบบที่ Swift เป็น มิหนำซ้ำการลดความเร็วถ้าแตะเบรกด้วยน้ำหนักปกติ ไม่ได้แรงมากนักเบรกยังถือว่านุ่มนวลใช้ได้ แต่ในรุ่น GA และ GL ที่ไม่มี ABS และ EBD มาให้ อาจต้องระวัง อย่าเผลอ กระทืบเบรก ที่ความเร็วสูง เพราะ การตอบสนองแป้นเบรก มาแบบฉับไว ถ้าเผลอลงน้ำหนักเยอะ อาจทำให้ล้อล๊อก เสียการควบคุมได้ง่ายๆ
ระบบกันสะเทือนช่วงล่าง ด้านหน้าเป็นแม็คเฟอร์สัน สตรัท พร้อมคอยล์สปริง และด้านหลังทอร์ชั่นบีม ด้วยการนำพื้นฐานช่วงล่าง ครึ่งคันหน้ามาจาก Suzuki Swift แต่ทำการยืดระยะฐานล้อให้ยาวขึ้น อีกราว 40ซม. จึงทำให้อาการความรู้สึกออกมาใกล้เคียงกัน ไม่ต่างจาก Swift นัก คือมีความนุ่มนวลดี ในการโดยสาร นุ่มหนึบพอตัว แต่ช่วงล่างไม่ได้แน่นเฟิร์มมากนัก ซึ่งเมื่อขับขี่ที่ความเร็วระดับกลางขึ้นไป จะเริ่มรู้สึกว่าตัวบอดี้รถ ต้านลมมาก ทำให้การยึดเกาะเทียบแล้ว จะดูแย่กว่า Swift อยู่หน่อย ช่วงล่างจะโยนๆ มากกว่าเมื่อเวลาเข้าโค้ง รวมถึง การผ่านพวกพื้นถนนที่เป็นลอน หรือลูกระนาด ดูจะสะเทือนพอตัว หากไม่ชะลอก่อนลุยฝ่าทางเหล่านั้น แต่เมื่อเทียบกับความเร็วปลายที่รถคันนี้ทำได้ ก็ต้องบอกว่า ในการขับขี่ ทางตรง ที่ความเร็วสูง ยังถือว่าทำได้ดีไม่น่ากลัวแต่อย่างใด ถึงแม้ตัวรถจะดูท้าทายลมที่มาปะทะ ไปสักหน่อย การวาดโค้งยาวๆ ยังคงพบว่า หนึบพอตัว เหมือนที่เคยโยนเล่นกับ Swift แม้ตัวรถจะเริ่มโยนโคลง ออกมาให้เห็น ที่ความเร็วสูงเกินปกติ ก็ยังถือว่า ดีพอใช้ เมื่อเทียบกับรถ ในระดับเดียวกัน
สรุป 2013 Suzuki Ertiga รถ 1st car Family man ที่คุ้มค่าราคา กับการใช้งานแบบ บ้านๆ แบบคนรักครอบครัว ถือว่าเป็นรถครอบครัวที่ไม่แพง ดูจะคุ้มค่าเงินที่เสียไปได้ดีกว่าการไปซื้อรถใน Sub-Compact หลายรุ่น ถึงแม้หน้าตาจะดูไม่เฉี่ยวนัก ซึ่งรูปลักษณ์ที่ได้รับอิทธิพล มาจาก Suzuki Swift สมรรถนะการขับขี่โดยรวมแบบรถบ้านทั่วไป อืดพอประมาณ อยู่ในเกณฑ์รับได้ ช่วงล่างนิ่มนั่งสบาย และเบรกที่ทำหน้าที่ได้อย่างน่าประทับใจ
ประเด็น สำคัญ คือ ผู้ที่ต้องการซื้อรถแบบใช้งานได้ ครอบคลุม อย่างแท้จริง กับราคาในระดับรถ Sub-Compact แต่ให้การใช้งานกว้างขวาง ตอยโจทย์แทบทุกรูปแบบ เพียงแต่มันจะอืดไปหน่อยเท่านั้น ถ้าบรรทุกผู้โดยสาร หรือสัมภาระเต็มคันรถ และหากไปเทียบกับคู่แข่งที่นำเข้ามาจากอินโดทั้งคัน ซึ่งแน่นอนว่า ราคาเจ้า Ertiga นี้ น่าเล่นกว่าแน่นอน แต่สมรรถนะในบางอย่างก็ ต้องยอมรับกันว่า มีข้อดีและข้อเสีย แตกต่างกันไป
เอาเป็นว่าผู้ที่ต้องการที่จะเริ่มวางแผนมีครอบครัว และอยากได้รถที่ค่อนข้างครอบคลุมใช้งาน อเนกประสงค์ คุ้มราคา ในงบที่ไม่แพง ควรลองพิจารณา “All New Suzuki Ertiga ทุกเส้นทางอนาคต อยู่ที่คุณนำทาง
ภณ เพียรทนงกิจ Test Driver
ชมภาพเพิ่มเติมคลิ๊ก http://photos.autospinn.com/2013-Suzuki-Ertiga-Testdrive/
ความคิดเห็น