สำหรับช่วง Motor Drive ในสัปดาห์นี้เราได้นำภาพการทดสอบยานยนต์ในแบบ Sport Hybrid จากค่าย Honda อย่างเจ้า CR-Z มาให้ได้ชมกัน ดูซิว่านอกจากตาที่หล่อเหลาฉีกแนวจากรถไฮบริดทั่วๆไปแล้ว สมรรถนะและอัตราสิ้นเปลืองนั้นจะเป็นอย่างไร เรามีคำตอบมาให้แล้วในวันนี้
Test Drive Honda CR-Z
ช่วง Motor Drive ในครั้งนี้เราจะพาทุกท่านไปสัมผัสกับยานยนต์ลูกผสมในรูปแบบ Sport Hybrid คันแรกของเมืองไทยอย่าง Honda CR-Z ที่เปิดตัวไปตั้งแต่ปี 2010 ในตลาดโลกรวมถึงบ้านเราที่มีเพียงกลุ่มของตลาด Grey Market เท่านั้นที่นำเข้ามาตอบสนองความต้องการลูกค้าที่รับได้กับราคาที่บวกภาษีแล้วเบ็ดเสร็จ 2 ล้านกลางๆ ซึ่งจะแตกกันเล็กน้อยตามรุ่นและออฟชั่น
จากนั้น 2 ปีผ่านไปใครที่ซื้อไปแล้วคงต้องเศร้ากับมาตรการลดภาษีให้กับรถในกลุ่มพลังงานทดแทนที่มียานยนต์ในแบบ Hybrid รวมอยู่ด้วย ซึ่งทำให้เจ้า Honda CR-Z และรวมในกลุ่มนี้มีค่าตัวที่ถูกลงจนพอรับได้ และทำให้ทาง บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ตัดสินใจนำเข้ามาจำหน่ายเองซะทีด้วยราคาค่าตัวเพียง 1.97 ล้านบาท และเป็นที่มาของรถที่เรานำมาทดสอบในวันนี้ซึ่งได้รับการอนุเคราะห์จาก ฮอนด้า ประเทศไทยนั่นเอง
สำหรับ Honda CR-Z นั้นได้เริ่มต้นโปรเจกต์ที่ฉีกกฎแห่งยานยนต์ไฮบริดนี้ตั้งแต่ปี 2006 ภายใต้แนวคิด “Conpact Renaissance Zero” โดยใช้ตัวย่อว่า CR-Z เป็นชื่อรุ่น พร้อมสรุปลายเส้นออกมาในสไตล์รถอวกาศ ซึ่งทางผู้ผลิตเองได้เกริ่นไว้ว่าเจ้า Honda CR-Z คันนี้จะเป็นรถสปอร์ตคอมแพ็คที่ขับเคลื่อนด้วยพลังไฮบริดที่จะสร้างกระแสใหม่ให้กับรถประหยัดพลังงานในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ก่อนจะส่งตัวคอนเซ็ปต์ขั้นปฐมภูมิออกโชว์ในงาน Tokyo Motor Show ปี 2009 และดีเดย์ผลิตเพื่อจำหน่ายอย่างจริงจังทั่วโลกในปี 2010
Design&Interior
เมื่อพูดถึงรถสปอร์ตไฮบริดแล้ว Honda นับเป็นเจ้าแรกๆ ที่กล้าดึงเอากระแสประหยัดพลังงานประมาณว่ารักษ์โลก มาผสมผสานกับคาแรคเตอร์ในแบบสปอร์ตจนออกหน้า และทำให้หลายๆค่ายพยายามพัฒนารถไฮบริดของตัวเองให้กลายสปอร์ตรักษ์โลกกันมากมายอย่างที่เห็นกันในปััจุบัน..ซึ่งสำหรับ Honda แล้ววิศวกรผู้ออกแบบคงต้องเหนื่อยหน่อยเพราะเป็นเจ้าแรก กว่าจะดีไซน์ออกมาเป็น Honda CR-Z ในรหัส DAA-ZF1 อย่างที่เห็น ซึ่งโดยรวมมันสามารถสะท้อนความล้ำสมัยผ่านเส้นสายและสิ่งละอันพันละน้อยที่ประดับหน้าตาจนทำให้ฮอนด้ามั่นใจว่านี่แหละต้นแบบรถไฮบริดในศตวรรษที่ 21 ที่พิถีพิถันตั้งแต่โครงสร้างตัวถังแบบ Global Plat-from ซึ่งถ่ายทอดโครโมโซมมาจาก Jazz และ Insight ที่ผ่านการขัดเกลาหน้าตาซะใหม่ โดยหน่วยงาน ACETM (Advanced Compatibility Engineering TM) ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบงานนี้โดยตรง
ผลงานความหล่อของ CR-Z นั้นต้องยอมรับเลยว่ามันสะดุดตาตั้งแต่เบื้องหน้าด้วยโคมไฟหน้าแบบ Projector ซึ่งมีดีไซน์ที่เท่ที่สุดในตอนนั้น พร้อมระบบส่องสว่างแบบ HID ที่แต่งเติมแสงไฟแบบ LED day-light ที่สวยเก๋อินเทรนด์เข้ากันกับไฟหน้าได้อย่างลงตัว ตามด้วยกระจังหน้าแบบขึ้นรูปเป็นชิ้นเดียวกับกันชนที่ดีไซน์ให้มีช่องลมขนาดใหญ่ชิ้นเดียว เพื่อสร้างอารามณ์สปอร์ตที่แตกต่างสู่แนวด้านข้างที่ยกแนวขอบกระจกหลังให้เชิดสูงขึ้นสู่เสา C รับกับแนวหลังคาที่ลาดต่ำจนสปอร์ตได้ใจ ส่วนล้อกระทะกับฝาครอบที่เคยเป็นของคู่กันกับรถไฮบริดค่ายนี้แทบทุกรุ่นนั้นถูกแทนที่ด้วยล้ออัลลอยสวยๆลาย 5 ก้าน ขนาด 16 นิ้วโชว์ให้เห็นเบรกหน้าและหลังแบบดิสก์ทั้ง 4 ล้อ พร้อมยาง Sport Bridgestone Potenza RE050 แบบ Run Flat ขนาด 195/55R16 ส่วนบั้นท้ายนั้นยังคงละม้ายคล้ายกับ Insight ซึ่งเสนห์ยังตกเป็นของไฟท้ายทรงสามเหลี่ยมแบบ LED กับกระจกมองหลังบานใหญ่แบบ 2 ชิ้น ที่ให้ทัศนวิสัยด้านหลังที่ไม่ดีนัก แต่ถ้าใครที่เคยขับรถไฮบริดก็จะร้ว่ามันจะมาในสไตล์นี้แทบจะทุกรุ่น พร้อมเสริมช่องจัดระเบียบกระแสลม (Diffuser) ที่ชายกันชนล่าง เท่านี้น่าจะทำให้คู่แข่งอีกหลายๆ ค่ายต้องกลับไปสะกิดทีม R&D ให้ดูซิว่า Hybrid ก็หล่อได้อย่างที่เห็น
ห้องโดยสารมาในสไตล์อวกาศที่สะท้อนผ่านเส้นสายกับแสงไฟรวมถึงวัสดุที่เลือกใช้สร้างขึ้นเป็นห้องโดยสารของ Honda CR-Z นั้นบ่งบอกถึงความเชี่ยวชาญของดีไซเนอร์สติเฟื่องของฮอนด้าที่เนรมิตจนออกมาในแนวหนัง Si-Fi ซึ่งเมื่อประทับร่างลงบนเบาะทรงบัคเกตซีตครั้งแรกก็นึกในใจว่านี่มันคือยานสตาร์เกรทซะอีก พร้อมด้วยพวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชั่นทรง 3 ก้านแบบพิมพ์นิยมของฮอนด้าที่ใช้งานง่ายไม่ว่าจะปรับเครื่องเสียง หรือจะใช้ล็อกความเร็วอัตโนมัติ (Cruise control system) รวมถึงปุ่มควบคุมหน้าจอ MID ที่รับกับคอนโซลหน้าที่ดีไซน์พร้อมเครื่องเสียงแบบหน้าจอ Touch Screen ขนาด 7 นิ้ว ที่มีระบบนำทางเนวิเกเตอร์และกล้องมองหลังขณะถอยมาให้ และเพิ่มสีสันแห่งอนาคตเข้าไปด้วยมาตรวัดดีไซน์ใหม่แบบ 3 มิติ (3D Speed-meter) ซึ่งโชว์ความไฮเทคด้วยลำแสงที่จะเปลี่ยนสีไปตามโหมดการขับขี่ที่คุณเลือกจากสวิทซ์ที่คอนโซลฝั่งขวา อย่างถ้าเลือก Normal Mode แสงที่หน้าปัดก็จะเป็นสีน้ำเงิน หรือถ้าเป็นช่วงที่คุณกำลังขับประหยัดรักษ์โลกใน Econ Mode แสงก็จะเปลี่ยนเป็นสีเขียว แต่ถ้าอยากลองซัดมันแบบเต็มพลังใน Sport Mode ความร้อนแรงจะส่องแสงสีแดงผ่านมาตรวัดเพื่อส่งสัญญาณว่าพร้อมซิ่งแล้ว
และอีกหนึ่งส่วนที่สำคัญสำหรับรถไฮบริดที่ขาดไม่ได้คือ On-Board แสดงผลการทำงานของระบบไฮบริดที่ขนาบข้างสปีดมิเตอร์อยู่นั้น ใน CR-Z ยังคงแสดงผลสเตปเดียวกันกับ Insight ทั้งปริมาณกระแสไฟที่สำรองอยู่หรือจอแสดงสถานะการทำงานของเครื่องยนต์กับตัวช่วยในการขับเคลื่อนที่ฝั่งซ้าย ส่วนทางขวาก็จะเป็นเกจน้ำมัน ขอแสดงผลอัตราสิ้นเปลืองตามด้วยปริมาณไอเสียขณะขับขี่จริง ซึ่งถ้าใครที่คุ้นกับเจ้า Insight ก็จะเห็นว่าคล้ายกันมาก จะเพิ่มมาก็แค่ปุ่มเปลี่ยนโหมดการขับขี่ที่มี Sport เข้ามาเท่านั้น
ซึ่งนอกจากไฮไลท์ในเรื่องของแสงสีและดีไซน์แล้ว CR-Z ยังออกแบบให้มีที่นั่งด้านหลังที่นั่งได้จริง ถึงแม้จะแคบไปหน่อยก็ตามแต่ก็ถือว่าไม่ได้มีไว้ประดับบารมีเหมือนสปอร์ตพันธุ์แท้ทั่วๆไป แถมยังปรับพับจนราบเรียบเพื่อเก็บของได้พอสมควร แต่ที่ขาดหายไปเห็นจะเป็นออฟชั่นบางอย่าง เช่น ระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ กับปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ซึ่งไม่ได้พ่วงมาให้กับกุญแจ Smart Entry สำหรับ CR-Z คันนี้
Engine&Performance
พื้นฐานเครื่องยนต์ของ Honda CR-Z หยิบยืมเทคโนโลยีมาจากรุ่นพี่ Insight ที่มีการพัฒนาต่อยอดเพื่อให้ได้พละกำลังสมกับที่อยู่ใต้กระโปรงของรถสปอร์ตไฮบริด โดยมีต้นพลังในการขับเคลื่อนที่แบ่งออกเป็น 2 ส่วนเช่นเดิมซึ่งประกอบด้วยเครื่องยนต์แบบ 4 สูบ i-VTEC ความจุ 1,497 ซี.ซี. รหัส LEA 14 บล็อกเดียวกับ Jazz ที่ให้กำลังสูงสุด 111 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที พร้อมแรงบิด 144 นิวตันเมตร ที่ 4,800 รอบ/นาที กับ Electric Motor แบบ (IMA) หรือ Intergrated Motor Assist เวอร์ชั่น MF6 ที่ให้กำลังเสริมด้วยกระแสไฟฟ้าที่แปลงเป็นหน่วยแรงม้าแล้วอีก 14 ตัว ที่มีมาตั้งแต่รอบต่ำเพียง 1,500 รอบ/นาที กับแรงบิดอีก 92 นิวตันเมตรที่ 500 รอบ/นาที ซึ่งเมื่อพลังงาน 2 ขั้วรวมกันแล้ว CR-Z จะสามารถเค้นพลังได้สูงสุด 124 แรงม้า 174 นิวตันเมตร และให้ไอเสียที่ต่ำเพียง 17 กรัม/กม. เลยทีเดียว ส่วนเกียร์นั้นเลือกใช้แบบ CVT เพื่อความประหยัดสูงสุดเมื่อทำงานประสานกันทั้งเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าก่อนส่งถ่ายกำลังลงสู่ล้อคู่หน้านอกจากนี้ยังมีจุดเด่นที่แตกต่างจาก Insight นั่นคือโหมดการขับขี่แบบ Sport ที่เพิ่มเข้ามานอกเหนือจากโหมด Normal และ Econ ที่ใช้สำหรับขับปกติ กับแบบประหยัดมลพิษต่ำ เพื่อให้ CR-Z สามารถเรียกอารมณ์สปอร์ตสมกับดีกรีความเป็นสปอร์ตไฮบริดตัวจริง
และจากการที่ได้ทดสอบอัตราเร่งทั้งในโหมด Normol และโหมด Sport ผลที่ได้คือ CR-Z ทำอัตราเร่ง 0 - 100 กม./ชม. ด้วยเวลา 15.8 วินาที ในโหมด Normal และทำได้ดีขึ้นเป็น 14.7 วินาทีในโหมด Sport ซึ่งจะแสดงพลังตั้งแต่กดสวิทซ์ด้วยรอบเครื่องยนต์ที่เพิ่มขึ้นมาให้ราว 1,000 รอบ เพื่อความกระฉับกระเฉงในสไตล์สปอร์ต ซึ่งทั้ง 2 โหมดเราสามารถควบคุมการเปลี่ยนเกียร์เองได้ผ่าน Paddle Shift ที่หลังพวงมาลัยเพื่อเพิ่มอรรถรสในการขับขี่ให้สนุกเร้าใจมากขึ้น ส่วนตัวเลข Top Speed นั้น CR-Z สามารถไต่ความเร็วขึ้นมาได้เลื่อยแบบไม่รีบร้อน โดยเฉพาะในช่วง Speed ปลายจนไปจบที่ 195 กม./ชม. ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่แรงไม่ใช่เล่นเลยสำหรับรถในตระกูลไฮบริด
ซึ่งถ้าคุณคิดจะซื้อ CR-Z ไปแล้วคิดจะขับแค่โหมด Econ กับ Normal เพื่อหวังจะประหยัดพลังงานเพียงอย่างเดียว บอกได้เลยว่ามันอาจทำให้คุณพลาดสิ่งสำคัญที่หาลองไม่ได้ง่ายๆในรถไฮบริดทั่วไป แค่ลองหันมากดปุ่ม Sport ดูแล้วจะเห็นถึงความแตกต่างทันทีถึงความแรงที่เพิ่มขึ้น ซึ่งทางฮอนด้าตั้งใจจัดมาเพื่อให้สอดคล้องกับบุคลิกของ CR-Z ได้อย่างลงตัว คราวนี้คุณอาจตกเป็นเป้าสายตาของพวกรณรงค์ประหยัดพลังงานทั้งหลายที่คิดว่าเรากำลังใช้รถผิดประเภทอยู่หรือเปล่า แต่มันไม่เป็นเช่นนั้นแน่เพราะจากที่ได้ลองขับ CR-Z โดยเฉพาะในโหมดที่ว่าเซฟสุดอย่าง Econ โหมด ซึ่งระบบจะทำการปรับสภาวะการทำงานของเครื่องยนต์ให้ตอบสนองช้าลงพร้อมลดการทำงานระบบปรับอากาศ นอกจากนี้ยังมีระบบ Auto Stop ที่จะดับเครื่องยนต์เมื่อเหยียบเบรกจนรถหยุดนิ่งรถหยุดนิ่งเพื่อช่วยเซฟน้ำมันให้ได้มากที่สุด ประกอบกับรอบเครื่องยนต์ที่ถือว่าอยู่ในระดับต่ำสมกับเป็นยานยนต์ประหยัดพลังงาน ซึ่งที่ความเร็ว 100 กม./ชม. รอบจะอยู่ที่ 1950 รอบ และที่ความเร็ว 120 กม./ชม. รอบจะเพิ่มมาเป็น 2,350 รอบ/นาที เท่านั้น ซึ่งจากการวิ่งทดสอบด้วยความเร็วเฉลี่ยรวมทั้งนอกเมืองและในเมืองประมาณ 70 กม./ชม. เจ้า CR-Z คันนี้ใช้น้ำมัน 1 ลิตรสามารถวิ่งได้ไกลถึง 19.4 กม./ลิตร ซึ่งอาจเป็นตัวเลขที่ไม่หวือหวานักแต่มันก็พิสูจน์ให้เห็นว่า CR-Z นั้นนอกจากจะขับสนุกแล้วยังประหยัดได้พอตัวเลยทีเดียว
Handling&RIde&Brake
หลังจากที่ได้ทดลองขับเจ้า Honda CR-Z ครบทั้ง 3 โหมด นอกจากอัตราเร่งที่จัดจ้านกว่าไฮบริดทั่วไปในโหมดสปอร์ตแล้ว พวงมาลัยแบบแร็ค แอนด์ พีเนียน พร้อมเพาเวอร์ผ่อนแรงแบบไฟฟ้า (EPS) และช่วงล่างที่ถูกปรับให้สามารถยึดเกาะถนนได้ดีขึ้นชัดเจนและตอบสนองได้เฉียบคมกับน้ำหนักพวงมาลัยที่เพิ่มความมั่นคงเข้ามาจนรู้สึกต่าง ภายใต้พื้นฐานช่วงล่างแบบเดียวกับรถซิตี้คาร์ ที่ด้านหน้าเป็นแบบ อิสระแม็กเฟอร์สันสตรัทพร้อมเหล็กกันโคลง ส่วนด้านหลังเป็นคานบิดแบบทอร์ชั่นบีม H shape ที่มีการปรับปรุงเพิ่มเติมในบางส่วนอย่างเช่นปีกนกหรือแขนยึดต่างๆ ที่หันมาใช้วัสดุอะลูมินัมฟอร์จ ที่ส่งผลให้ยึดเกาะถนนได้ดีขึ้นและมีน้ำหนักที่น้อยลง บวกกับแทร็กชั่นที่เพิ่มขึ้นจากหน้าสัมผัสของยางและเพดานความสูงที่ต่ำเตี้ยสไตล์สปอร์ ตบท้ายด้วยชุดกระจายแรงลมตามหลักอากาศพลศาสตร์ทั้งหมด ซึ่งส่งผลให้ CR-Z สามารถสร้างบุคลิกใหม่ในการขับขี่รถไฮบริดให้สามารถตอบสนองผู้ขับด้วยความสนุกสนานในแบบสปอร์ตได้แตกต่างจากไฮบริดทั่วไป
ซึ่ง CR-Z นั้นให้อารมณ์สปอร์ตผ่านช่วงล่างที่มีการยุบตัวค่อนข้างน้อย บวกกับพวงมาลัยที่จับถนัดมือสไตล์รถซิ่ง ที่ถึงแม้จะเบาไปหน่อยที่ความเร็วสูงแต่มันก็ไม่แสดงอาการใดๆจนเสียสมดุล และปล่อยให้ระบบควบคุมเสถียรภาพ VSA ต้องว่างงานไปตามระเบียบ ส่วนการทดสอบแฮนลิ่งโดยการขับแบบ Slalom นั้น CR-Z ผ่านฉลุยแบบไม่ดื้อด้านกับช่วงหักเลี้ยวสั้นๆที่ควบคุมง่าย นี่ถ้า Honda จัดชุดช่วงล่างแบบอิสระทั้ง 4 ล้อ มาให้แทนคานบิดด้านหลังล่ะก็รับรองว่าขับสนุกขึ้นอีกเป็นกอง แต่โดยรวมแล้วถือว่า CR-Z ทำได้ค่อนข้างดีไม่ว่าจะเป็นความกระด้างในแบบสปอร์ตที่มีให้รู้สึกนิดหน่อยพอได้ฟิวส์ แถมยังให้ความนุ่มนวลขับขี่สบายสไตล์รถบ้านไปพร้อมๆกันด้วย
ส่วนระบบเบรกแบบดิสก์ทั้ง 4 ล้อที่มีมาให้นั้น ใช้งานได้ค่อนข้างดีไม่ต้องออกแรงเหยียบมากนักก็พอหยุดเจ้า CR-Z นี้ได้สบายๆ นอกจากนี้ทาง Honda ยังได้เสริมความปลอดภัยมาให้เพิ่มเติมไม่ว่าจะเป็น ABS หรือระบบควบคุมเสถียรภาพ VSA เท่านั้น โดยไม่มีระบบกระจายแรงเบรกอย่าง EBD มาให้ในรถไฮบริดสปอร์ตคันนี้ แต่กลับจัดถุงลมนิรภัยแพ็กใหญ่ ทั้งคู่หน้าพร้อม i-Side Airbag ที่ด้านข้าง รวมถึงม่านนิรภัย Side Curtain Airbag มาให้แบบเต็มทุกพื้นที่
Test Verdict
แน่นอนว่า Honda CR-Z นั้นถึงจะไม่ใช่ที่ 1 เรื่องความประหยัดก็ตาม แต่ CR-Z นั้นน่าจะได้ใจลูกค้าที่เบื่อหน้าตาของรถไฮบิดแบบเดิม แล้วหันมาลองอะไรที่แปลกและตอบสนองอารมณ์ความรู้สึกได้มากกว่าเหตุผล และยอมละทิ้งตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองที่ต้องประหยัดจนได้โล่ไป ซึ่ง CR-Z คันนี้ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจไม่แพ้รถไฮบริดทั่วๆไปเลยทีเดียว เพราะมันสามารถตอบโจทย์ได้ทั้ง 2 บุคลิก เรียกว่า "จะสปอร์ตก็ได้..จะรักษ์โลกก็ไม่มีใครว่า" แถมราคาค่าตัวยังไม่แพงจนเกินเอื้อมแค่ไม่ถึง 2 ล้านบาท แลกกับรถสปอร์ตเท่ๆที่ขับไปไหนใครๆก็ต้องเหลียวหลังแบบนี้ Honda CR-Z รับรองว่าใช่ในแบบที่คุณต้องการแน่นอน
Specification : Honda CR-Z
รายละเอียดการผลิต
รุ่นปี: 2010
ประเทศผู้ผลิต: ประเทศญี่ปุ่น
ผู้จำหน่ายในประเทศไทย: บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด
ประเภทรถยนต์: Sport Hybrid
ราคา (ล้านบาท) 1.97
Dimension: (mm.)
Length: 4,080
Width: 1,740
Height: 1,395
Wheelbase: 2,435
Weight 1,180
Engine
รุ่น
แบบ เบนซิน 4 สูบ 16 วาล์ว SOHC i-VTEC +
ความจุ (cc.) 1,497
กระบอกสูบ x ช่วงชัก 73.0 x 89.4
อัตราส่วนกำลังอัด 10:4 : 1
กำลังสูงสุด(ps.@rpm.) 111 @ 6,000
แรงบิดสูงสุด(Nm.@rpm.) 144 @ 4,800
Electric Motor
มอเตอร์ไฟฟ้าแบบ IMA
กำลังสูงสุด(ps.@rpm.) 13 @ 1,500
แรงบิดสูงสุด(Nm.@rpm.) 92 @ 500
เชื้อเพลิง เบนซิน 95,91 แก๊สโซฮอล์ 95,91
ความจุถังน้ำมัน(ลิตร) 40
Drivetrain
ระบบขับเคลื่อน 2 ล้อหน้า
เกียร์อัตโนมัติ แบบแปรผันต่อเนื่อง CVT พร้อม PaddleShift 7 สปีด
Steering
แบบ แร็คแอนด์พิเนียน พร้อมเพาเวอร์ผ่อนแรงแบบไฟฟ้า (EPS)
วงเลี้ยวแคบสุด (m.) 5
Suspension
หน้า อิสระ แม็กเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง
หลัง ทอร์ชั่นบีม H-Shape
Brake
หน้า ดิสก์เบรกพร้อมครีบระบายความร้อน
หลัง ดิสก์เบรก
ระบบความปลอดภัย ABS/VSA/Dual SRS Airbag/i-Side Airbag/Side Curtain Airbag
Wheel+Tire
ล้ออัลลอย ขนาด 16 x 6J ยาง Runflate 195/55R16
Test Result
รอบเครื่องยนต์ที่ความเร็วต่างๆที่เกียร์ CVT
km./h rpm.
80 1,650
100 1,950
120 2,350
140 3,000
อัตราเร่ง Normal Sport
Acceleration (sec.)
0-100 (km/h) 15.4 14.7
Top Speed (km/h) 195
Consumption (km/l)
AVR. 19.4
ขอขอบคุณ
บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด
เรื่อง : อาณัติ สิทธิบุตร
LINE
ความคิดเห็น