ไทยรุ่ง (Thairung) ผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ และรับจ้างประกอบผลิตรถยนต์จดประกอบของไทย แบรนด์ดังของบ้านเรา เมื่อไม่กี่ปีก่อนหน้านี้ได้นำรถยนต์ จากค่ายดังมาทำโครงสร้างตัวถังใหม่
ใช้ชื่อโมเดล “TR TRANSFORMER” เป็นการพัฒนาสายพันธุ์มาจาก TR MUV4 มีคุณสมบัติของรถตรวจการณ์ มาสู่วิถีของคนเมือง ที่มีใจรัก Offroad แต่ไม่ทิ้งลายของความเป็นรถสไตล์ Hummer และความเป็นรถ 4WD ที่ดุดัน แกร่ง โดยนำพื้นฐานโครงสร้างของตัวรถกระบะ จาก Toyota Vigo มาดัดแปลงออกแบบและวิเคราะห์ ด้วยระบบคอมพิวเตอร์มาตรฐานสากล ตัวถังรถทั้งคันผ่านการชุบสีกันสนิมด้วยประจุไฟฟ้า (EDP) และขบวนการพ่นสีมาตรฐานเดียวกับผู้ผลิตรถยนต์ทั่วไป โดยในตัว Transformer โฉมใหม่ ปี 2013 นี้ ได้มีการพัฒนาขึ้นมาใหม่เพื่อให้เป็นรถตลาด สำหรับผู้บริโภคทั่วไป ซื้อมาใช้งานได้ เนื่องจาก Transformer ตัวเก่าที่เน้นพัฒนา ขึ้นมาให้เป็นรถทหาร แต่ตัวปรับโฉมใหม่นี้ ได้พัฒนาให้มีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นเหมาะแก่ผู้บริโภคทั่วไปที่รักรถแนวลุยๆ รูปแบบไม่ซ้ำใคร โดยทางไทยรุ่ง ได้ตั้งเป้าขาย TR Transformer ไว้ที่เดือนละ 40-50 คัน
ภายนอกเจ้า TR Transformer ถูกออกแบบให้มีสไตล์ ตามแบบรถ Hummer H3 ว่ากันไปแล้วก็ควรเรียกว่า Hummer Made in Thailand เพราะเวลาขับรถผ่านไปไหนก็มักจะมีแต่คนถ่ายรูปกันเป็นแถว
การตกแต่งภายนอกกระจังหน้าแบบซี่ มีไฟหน้า และไฟเลี้ยวเป็นทรงกลม ซึ่งให้ความรู้สึก Modern แบบสไตล์รถ Offroad ฝากระโปรงด้านหน้ามี Wind Scoop ไว้ดักลมเข้าห้องเครื่อง เพื่อช่วยระบายความร้อนให้แก่เครื่องยนต์ Turbo Intercooler
กระจกมองข้างโครเมี่ยมดีไซน์ใหม่ พร้อมไฟเลี้ยวในตัว สามารถพับและปรับด้วยไฟฟ้า, มือเปิดโครเมี่ยมสุดหรู ด้านฝากระโปรงท้ายมีกล้องส่องภาพด้านหลัง ช่วยให้การถอยทำได้ง่ายยิ่งขึ้น ประตูท้ายเปิดออกแบบด้านข้างเฉกเช่นรถสไตล์ Offroad โดยได้ดีไซน์ใหม่ให้มีการเปิด-ปิด แบบจังหวะเดียว ง่ายต่อการใช้งาน
ภายใน เจ้า TR Transformer ตัวใหม่นี้ได้เพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวกสบาย ต่างๆ ซึ่งแทบเรียกได้ว่าทั้งแผลคอนโซล ยกมาจาก Toyota Vigo 4x4 3.0 G ทั้งยวง อาทิ เครื่องเสียง 2 DIN DVD 1 แผ่น แบบจอสัมผัสแสดงผลขนาด 6.1” รองรับการเชื่อมต่อ USB และ AUX ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ พวงมาลัย 4 ก้านหุ้มหนัง พร้อมปุ่มควบคุมเครื่องเสียง และปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์ ช่องเก็บแว่นบริเวณไฟส่องแผนที่
และที่สำคัญในส่วนของ พื้นที่ห้องโดยสาร ถูกออกแบบมาอย่างใหญ่โต กว้างขวาง เนื่องจากเป็นรถทรงสูง เวลาก้าวขึ้นลง อาจจะลำบากเล็กน้อย แต่ด้วยความที่มีราวบันได ให้เหยียบก้าวขึ้น ร่วมกับมือจับโหน ประตู จึงดึงตัวขึ้นมาได้อย่างไม่ยากเย็นนัก แต่ในส่วนของเครื่องปรับอากาศผู้โดยสารตอนหลัง ถูกจับไปใส่อยู่ที่ช่องวางของบริเวณด้านท้าย ซึ่งสร้างความลำบากเล็กน้อยในตอน ที่จะปรับสวิทช์ และ ต้องรอ จนกว่าอุณหภูมิ จะกระจายจนทั่วถึง
สำหรับมุมมองวิสัยทัศน์ในการขับขี่ เราพบว่า บริเวณกระจกมองข้างทั้งสองข้าง ดูจะหลอกตาไปเล็กน้อยเนื่องจาก องศาบีบเข้าหาตัวรถ โดยเราพยายามจะปรับอ้ากางออก ซึ่งดูจะปรับยืดหยุ่นไม่ได้มากนัก และ บริเวณกระจกมองหลัง ที่หันไปมองแล้วถูกล้ออะไหล่ บดบังไปเยอะ และตำแหน่งเบาะ นั่งที่พยายามปรับให้เตี้ยสุดแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกว่าสูงไปอยู่ดีกับคนขับที่สูง 174cm เช่นผม และปรับตำแหน่งพวกมาลัยให้ขึ้นสูงสุดแล้ว แต่ในบางจังหวะที่ยกขา เพื่อเหยียบเบรก นั้น ยังดูจะติดต้นขาไปเล็กน้อย ในส่วนของการเก็บเสียงภายใน เสียงดังที่ความเร็ว 100 กม./ชม. ซึ่งถือว่า อยู่ในเกณฑ์ ที่คาดไว้ พอรับได้ แต่เมื่อสูงเกินกว่า 120 กม./ชม. จะอื้ออึงมาก ถึงขั้นสร้างความรบกวน น่ารำคาญขึ้นทันที
ด้านเครื่องยนต์ TR TRANSFORMER คันนี้มาพร้อมขุมพลังจาก Toyota Vigo รหัส 1KD-FTV (I/C) VN เทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ ความจุ 2,982cc ระบบจ่ายน้ำมันหัวฉีดไดเร็คอินเจ็คชั่น แบบคอมมอลแรลมาตรฐานไอเสีย ยูโร3 น้ำมันเชื้อเพลิง ดีเซล ความจุถังน้ำมัน 76 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 163 แรงม้า ที่รอบ 3,400rpm แรงบิดสูงสุด 343 Nm ที่รอบ 1,400-3,200 rpm
จากการขับใช้งานจริงพบว่า ถึงแม้แรงบิดจะมาที่รอบต่ำจริงโดยรับรู้ได้ (ราว 1,500rpm) แต่ด้วยน้ำหนักตัว ที่หนักมากถึง 2 ตันกว่า ทำให้เครื่องยนต์ ขนาด 3.0 ลิตร นั้นดูอืดไปเลย เมื่อเทียบกับ การที่ถูกจับประจำการอยู่ใน PPV ขนาด 2 ตันกว่าคันนี้ ซึ่งนั่นให้ความรู้สึกแตกต่างจาก คราบ Pick Up อย่าง Vigo มาก เพราะทั้งอัตราเร่ง และความเร็ว ต่าง ลดลง มากพอสมควร
ด้านระบบส่งกำลังคันที่เราได้ขับนี้เป็นเกียร์ธรรมดา 5 สปีด ได้วัดความสัมพันธ์ความเร็ว ต่อรอบเครื่องยนต์ 3 ค่า ได้ดังนี้ 80 กม./ชม. =1,500rpm 100 กม./ชม.=2,000rpm 120 กม./ชม.=2,400rpm
Handling พวงมาลัย แบบแร็คแอนด์พีเนียน การควบคุมที่ความเร็วต่ำ ดูจะหนืดๆ ตึงมือมากกว่า Hilux Vigo อยู่เล็กน้อย แต่น้ำหนักนั้นไม่ได้ถึงกับหนัก เหมือนกับรถกระบะในหลายค่าย ที่ต้องสาวเวลา เลื้อย หรือถอยจอดจนปวดกล้ามเนื้อแขนกัน สำหรับการควบคุมในย่านความเร็วสูงยังรู้สึกว่ามีน้ำหนักที่เบาเกินไป ระยะฟรีมีพอสมควรไม่มาก แต่อาการพวงมาลัยที่ความเร็วสูง ถ้ามีการขับปล่อยมือ รถจะไม่นิ่งนัก มีอาการส่าย อยู่พอสมควร
เบรก เป็นแบบหน้าดิสก์ พร้อมครีบระบายความร้อน และหลังดรัม ซึ่งก็ได้ยกมาจาก Hilux Vigo อีกเช่นกัน แต่เนื่องด้วย น้ำหนักตัวรถเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้การเบรกต้องเผื่อระยะ มากขึ้นไปอีก และการตอบสนองของแป้นเบรก ยังคงให้ความรู้สึกเป็นในสไตล์ของ Toyota คือ แป้นลึก และไม่ค่อยจะมีน้ำหนัก สักเท่าไร แต่ถ้าการขับใช้งาน โดยทั่วไป ที่ไม่ได้ใช้ความเร็วสูง ก็ยังหยุดได้ปกติ แต่เมื่อใช้ความเร็วเพิ่มขึ้น นั่น ต้องเผื่อระยะมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะช่วงที่รถติดไฟแดง ซึ่งการที่ใช้ E-Brake (การลดเกียร์ลง) จะช่วยในการชะลอความเร็วได้ดีขึ้นมาก
ระบบกันสะเทือนช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระปีกนกคู่ พร้อมคอยล์สปริงและเหล็กกันโคลง และระบบตัดต่อกำลังอัตโนมัติ (A.D.D.) ด้านหลังแบบแหนบซ้อนและโช้คอัพทรงกระบอกกติดตั้งทแยงมุมกัน พร้อม Limited Slip (LSD) มาพร้อมยางขนาด 265/70R16 ล้ออัลลอย ขนาด 7JJ x 16 ยางอะไหล่ 265/70R16C ล้อกระทะเหล็ก
ช่วงล่าง นั่งโดยสารพอได้ ตามแบบสไตล์รถ PPV ทั่วไป คือไม่ได้นิ่มนวล อย่างรถ SUV ที่ใช้ช่วงล่างแบบรถยนต์เก๋ง แต่ก็ ไม่ได้แข็งกระโดกกระเดก เหมือนอย่าง เวลาที่นั่งรถตู้ Commuter
โดยรวมกับความนุ่มนวลในการโดยสาร ก็ถือว่า เหมือนกับ Pick Up ทั่วๆ ไป ที่ไม่ได้นิ่มนวลมาก แต่ก็ถือว่านั่งโดยสารได้อย่างไม่ขี้เหล่
ด้านการเกาะถนน ด้วยความที่รถมีน้ำหนักมาก และทรงรถสูง นั่น จึงทำให้ ที่ความเร็วสูง ระดับ 120 กม./ชม. ขึ้นไปเริ่มมีอาการคลอนของตัวรถบ้าง เนื่องจากทรงรถต้านลมมาก แต่อาการนั้นก็ไม่มากนัก แต่สำหรับช่วงล่างของ Vigo ที่นำมาใช้นี้ ถือว่าทำได้ดีเกินที่คาดไว้เล็กน้อยในการยึดเกาะทางตรง แต่เมื่อเข้าโค้ง รถจะเริ่มคลอนตัวชัดขึ้น เมื่อความเร็วระดับ 90 กม./ชม. ขึ้นไป ซึ่งหากเข้าที่ความเร็วกว่านี้ นั่นเริ่มหวาดเสียว ทั้งจาก วงเลี้ยวที่เลี้ยวไม่ค่อยจะเข้า คือ ออกอาการหน้าดื้อ (Understeer) อยู่เล็กน้อย
-หมายเหตุ ในระหว่างการขับทดสอบ ทางทีมงานเราได้ ลองนำแก้วกาแฟ ไปวางไว้ที่ บริเวณด้านท้ายของรถหมายเลข 7 ซึ่งได้คาดว่า แก้วนี้คงจะอยู่ไปไม่ถึง แยกไฟแดง แต่ทว่า ผิดคาด แก้วกาแฟ ยังคงอยู่ตำแหน่งเดิม จนถึงร้านอาหาร ซึ่งทางเราได้สอบถามกับผู้ขับ รถคันนั้น ซึ่งทำความเร็วสูงถึง 110 กม./ชม. แต่ แก้วกาแฟ นั้นยังคงไม่หล่นลงมา ซึ่งถือว่าทำได้ดีกว่าที่คิด ไว้ ช่วงล่างไม่กระโดดดีดดิ้น จนเกินไป และอาจเป็นผลจาก ลมบริเวณด้านท้ายที่มีการตีกลับ ซึ่งอาจเป็นอีกจุดที่ช่วยพยุงเอาไว้ได้
สรุป รถ PPV แบรนด์ Thairung นาม TR Transformer คันนี้ ที่จริง คือ Hilux Vigo 4x4 3.0 G มาจับยกถอดฝาครอบกระดองใหม่ แบบ Hummer H3 ดูแล้วเหมือน ไทยรุ่งจะทำเพื่อลุยตลาด ในกลุ่มข้าราชการโดยเฉพาะกองทัพ เป็นหลัก โดยมีสีเขียว Navi เป็นตัวบุกตลาดโดยเฉพาะ ซึ่งถ้าใครซื้อไป เจอพี่ตำรวจ อาจจะไม่ค่อยอยากจะโบกเรียกสักเท่าใดนัก
เมื่อเทียบกับกลุ่มตลาดผู้บริโภค คนธรรมดาทั่วๆไป อาจจะขายได้ยากหน่อย เนื่องจากราคา ใกล้เคียงกับ Fortuner รุ่น Top และถ้าเอาตัว Transformer รุ่นเกียร์อัตโนมัติไปเทียบยิ่งแพงกว่าเป็นแสน
เพราะฉะนั้นคนไม่รักในรสนิยม กระดองครอบเช่นนี้จริงคงไม่คิดจะซื้อกันง่ายๆ อย่างแน่นอน แต่เชื่อหรือไม่ ในขณะขากลับจากกาญฯ ได้มี Honda Accord คันหนึ่งขับตาม จนเราได้มาจอดพักแวะปั๊ม ซึ่ง Accord คันนั้นก็ได้ตามเข้ามา และเติมน้ำมัน หลังจากเติมเสร็จได้เข้ามาพูดคุยสอบถามรายละเอียดกับทางผม และได้ขอดูภายใน โดยที่เขาได้โทรไปที่เบอร์ Thairung ตามที่ได้แปะโชว์ไว้ที่ด้านท้ายรถเพื่อสอบถามราคา เป็นที่เรียบร้อย เอาสิ แค่การมาวิ่งโชว์ สร้างกระแส สามารถดึงดูดความสนใจโดยที่สามารถเพิ่มยอดขายได้จริงให้กับทาง ไทยรุ่ง กันเลย
สนนราคาสุทธิ TR Transformer รุ่นเกียร์ธรรมดา อยู่ที่ 1,485,000 บาท และ 1,590,000 บาท ในรุ่นเกียร์อัตโนมัติ
ชมภาพเพิ่มติมคลิ๊ก http://photos.autospinn.com/2013-TR-Transformer-GroupTestDrive/
LINE
ความคิดเห็น