ยูดี ทรัค ในเครือวอลโว่ กรุ๊ป ประกาศใช้ไทยเป็นฐานผลิตรถบรรทุกสำหรับงานหนักรุ่นเควสเตอร์ เพื่อส่งออกทั่วอาเซียน และตลาดที่กำลังเติบโตทั่วโลก
นายฌาคส์ มิเชล ประธาน ยูดี ทรัค คอร์ปอเรชั่น บริษัท วอลโว่ กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ประเทศไทยจะเป็นฐานการผลิตรถบรรทุกสำหรับงานหนักรุ่นเควสเตอร์ (UD Quester) ซึ่่งเป็นรถบรรทุกที่พัฒนาและออกแบบมาเพื่องานหนักที่หลากหลาย และมีความเหมาะสมสำหรับท้องถนนในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกและตลาดที่กำลังเติบโตทุกแห่งทั่วโลก
ทั้งนี้ ประเทศไทยจะเป็นประเทศแรกของโลกที่เริ่มเปิดตัวในวันนี้ โดยโรงงานที่ถนนบางนา-ตราด กม.25 ซึ่งมีกำลังการผลิต 2 หมื่นคันต่อปี จะเป็นฐานการผลิตสำหรับการส่งออกไปยังประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคอาเซียน โดยจะเริ่มส่งมอบให้กับลูกค้าในประเทศไทย มาเลเซีย อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ และเริ่มส่งมอบให้ลูกค้าในประเทศลาว พม่าและเวียดนาม ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2557
นอกจากนี้ ฐานการผลิตในประเทศไทยจะทำการผลิตรถยนต์เพื่อป้อนให้กับตลาดที่มีแนวโน้มเติบโตทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นแอฟริกา ตะวันออกกลางและลาตินอเมริกา ซึ่งประเทศไทยกลายเป็นฐานการผลิตที่มีความสำคัญไม่น้อยสำหรับโครงการนี้
"เราเชื่อว่าตลาดในภูมิภาคอาเซียนจะขยายตัวไปได้อีกมาก โดยเฉพาะหลังการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 ซึ่งจะทำให้ความต้องการด้านการก่อสร้างและการขนส่งขยายตัวออกไปอีกมาก รวมถึงการใช้งานรถบรรทุกขนาดใหญ่ที่จะเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน"
นายมิเชลยังได้กล่าวถึงยอดจำหน่ายรถบรรทุกของบริษัทฯ ในช่วงที่ผ่านมาของปี ว่ารถบรรทุกของวอลโว่สามารถทำยอดจำหน่ายไปได้แล้ว 530 คันและยูดีทำยอดจำหน่ายไปแล้ว 340 คัน โดยมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ราว 2.7% ในปัจจุบัน และเชื่อว่าหลังการเปิดตัวเควสเตอร์ ซึ่งมีราคาจำหน่ายที่สามารถแข่งขันได้ จะทำให้ยอดจำหน่ายเหล่านี้ปรับตัวสูงขึ้น
ทั้งนี้ บริษัทได้เตรียมความพร้อมด้านการให้บริการลูกค้าในประเทศไทย โดยอยู่ระหว่างการลงทุนเพื่อปรับปรุงและขยายศูนย์บริการทั่วประเทศ จากปัจจุบันที่มีอยู่ 12 แห่ง จะเพิ่มเป็น 17 แห่งในช่วงปลายปีนี้ นอกจากนี้ ประเทศไทยจะเป็น 1 ใน 3 ประเทศที่มีการแนะนำระบบเทเลเมติกส์สำหรับบริการช่วยเหลือเมื่อรถเสีย ซึ่งเป็นบริการใหม่สำหรับเควสเตอร์โดยเฉพาะ
นายโจอาคิม โรเซนเบิร์ก รองประธานบริหาร วอลโว่ กรุ๊ป เอเชีย-แปซิฟิกและประธาน ยูดี ทรัค กล่าวถึงรถบรรทุกเควสเตอร์ ซึ่งเป็นสินค้าที่ทำการพัฒนาเพื่อเน้นตลาดที่กำลังเติบโตโดยเฉพาะ โดยใช้เวลาในการพัฒนากว่า 6 ปี ด้วยทีมงานกว่า 400 คน ที่ทำการผลิตชิ้นส่วนและองค์ประกอบมากกว่า 650 ชิ้น ซึ่งตัวรถเองผ่านการทำงานเชิงวิศวกรรมมากกว่า 1.5 ล้านชั่วโมงวิศวกรรม และผ่านการทดสอบมากกว่า 6.5 หมื่นชั่วโมง
"เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นเลิศ ยูดีได้ทำการออกแบบและทดสอบเควสเตอร์อย่างต่อเนื่อง และได้ออกมาซึ่งสินค้าที่มีความเหมาะสมกับตลาดที่กำลังเติบโตที่สุด และถือเป็นการก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของบริษัท ที่มีการออกแบบสินค้าสำหรับตลาดนี้โดยเฉพาะ" นายโรเซนเบิร์กกล่าวสรุป
ความคิดเห็น