สำหรับช่วง MT-School ในสัปดาห์นี้ เราจะพาคุณไปรู้จักกับเทคโนโลยีของยางนิรภัย ที่เรียกกันว่า Run Flat Tire ว่ามันคืออะไร ทำไมมันถึงวิ่งได้ทั้งๆที่ยางแบน ซึ่งถ้าพร้อมแล้วเราไปเรียนรู้เทคโนโลยีที่ว่านี้พร้อมๆกันเลย
ซึ่งยางรถยนต์นั้นถือเป็นผลิตภัณฑ์ยางที่เราพบเห็นได้ทั่วไปซึ่งถูกผลิตขึ้นให้มีคุณสมบัติที่เหมาะสมกับรถยนต์แต่ละประเภท เช่น ยางรถบรรทุกก็ควรจะมีสมบัติที่ทนทานและรับน้ำนักบรรทุกได้มากๆแต่ก็จะให้การทรงตัวที่ดีแตกต่างจากล้อยางของรถยนต์นั่งที่มุ่งแน่นในเรื่องของความนุ่มนวลในการขับขี่การทรงตัว การยึดเกาะถนน และความทนทานเป็นอันดับรองลงมา
แต่เดิมยางรถยนต์ผลิตจากยางธรรมชาติ หรือยางแบบ NR ที่มาจากคำว่า Natural rubber หรือ ปัจจุบันมีการนำยางสังเคราะห์ประเภทยาง SBR และยาง BR มาผสมเข้าด้วยกัน เพื่อปรับปรุงคุณสมบัติของยางธรรมชาติให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งบริษัทผลิตยางรถยนต์ต่างก็แข่งขันกันค้นคว้าและวิจัยเพื่อให้ได้ยางที่เหมาะสมกับการใช้งาน และต้องคำนึงถึงความปลอดภัยในไปพร้อมๆกันด้วย ด้วยเหตุนี้เองจึงเป็นจุดเริ่มต้นของยาง Run-Flat Tire นั่นเอง
ยางนิรภัย “Run-flat Tire” ถ้าแปลกันแบบสรุปความแล้วมันก็หมายถึง“ยางที่ยังวิ่งได้ แม้ไม่มีลม” ซึ่งยางจำพวกนี้จะถูกแบ่งตามคุณสมบัติรวมถึงขั้นตอนและเทคโนโลยีการผลิตที่แตกต่างกันโดยยึดหลักว่าต้องสามารถวิ่งต่อไปได้โดยไม่มีแรงดันลมยาง
แบบที่ 1 คือยางแบนที่วิ่งต่อไปได้หลังจากที่รั่วซึม ประมาณ 80-200 กม. แล้วต้องเปลี่ยนยางซึ่งใช้เทคนิคของการเสริมด้วยวัสดุแข็งที่ผนังด้านในของแก้มยางเพื่อพยุงล้อไว้เรียกว่า “Self-Supporting” หรือเทคโนโลยี “PAX System” ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของนวัตกรรมยางนิรภัย แต่มันมีข้อจำกัดคือจะต้องใช้กับกระทะล้อที่ทำขึ้นมาเฉพาะเท่านั้น และก่อนจะใส่ยางเข้าไป กระทะล้อจะถูกสวมด้วยแหวนพลาสติกแข็งและหนารัดอยู่โดยรอบ ซึ่งมีน้ำหนักไม่น้อยเป็นการเพิ่มภาระในการหมุน ถ้ายางแบนลง แหวนพลาสติกจะทรุดลงมากดด้านหลังของหน้ายาง ทำให้แก้มยางทรุดตัวลงไม่สุด ขอบกระทะล้อจึงไม่บดลงบนแก้มยาง โดยมีขอบกระทะล้อถูกออกแบบให้บีบกับขอบยางแน่นเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันยางหลุดจากกระทะล้อ เวลาขับขณะแรงดันลมยางลดลงมาก ๆ หรือไม่มีลมเลย ซึ่งนอกจากความยุ่งยากแล้วมันยังมีราคาแพงอีกด้วย
ต่อมาผู้ผลิตยางชื่อดังอย่าง Bridgestone ได้นำเทคโนโลยีแบบแรกมาพัฒนาเพื่อลดจุดด้อยในเรื่องน้ำหนักและเพิ่มค่าความยืดหยุ่นของแก้มยางที่ให้ความนุ่มนวลมากขึ้น โดยใช้แก้มยางแข็งรับน้ำหนักแทนลมเมื่อยางแบนเหมือนเดิมแต่เปลี่ยนไส้ในเป็นวงแหวนมาใช้โลหะแบบบางทรงโปร่งและให้ชื่อนวัตกรรมนี้ว่า Internal Support Run-Flat System ซึ่งต่างจากแบบ PAX เดิมที่เป็นขอบพลาสติกหนา เมื่อลมรั่ววงแหวนโลหะด้านในจะทรุดกดลงบนด้านหลังของหน้ายางทำให้แก้มยางทรุดตัวลงมาน้อย และมีข้อดี คือ ตัวแหวนโลหะมีน้ำหนักเบากว่า ล้อและยางจึงไม่หนักกว่าปกติมาก จึงไม่เป็นภาระแก่ช่วงล่างมากนักเมื่อยางแตกแถมการรับน้ำหนักทำได้ดีกว่ายางแก้มแข็งแบบแรก ทำให้ขับได้เร็วและไกลกว่า โดยไม่ทำให้ยางเสียหายเพิ่มเติมหลังจากยางแบน
ส่วนแบบที่ 2 คือแบบ "self-sealing standard" ซึ่งใช้เทคโนโลยีการติดตั้งวัสดุพิเศษที่เรียกว่า Reinforced Sidewall ที่มีคุณสมบัติในการช่วยเสริมความแข็งแรงของแก้มยางพร้อมปกป้องยางจากวัสดุที่เข้ามาสร้างความเสียหายต่อยาง โดยวัสดุที่ติดตั้งเพิ่มเข้าไปนั้นจะมีความแข็งแรงและมีความยืดหยุ่นในตัวสูง เมื่อรถที่วิ่งเจอขอมีคมทิ่มเข้าในเนื้อยางก็จะไปเจอเจอกับวัสดุพิเศษที่ว่านี้ยืดตัวออกมารับแรงกดจากตะปูเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายเพิ่มและสามารถวิ่งต่อไปได้ ซึ่งในแบบที่ 2 นี้เป็นลิขสิทธิ์ขจากยาง Continental
และแบบที่ 3 คือยางนิรภัยที่ผลิตโดยอาศัยเทคนิคการเคลือบผิวใต้ดอกยางด้วยวัสดุ “Sealant” หรือบางเจ้าก็ใช้ Polymer ที่สามารถซ่อมแซมรอยรั่วด้วยตัวเอง หรือ Self Seal Leakage Tire ซึ่งในบ้านเราก็มียาง Finixx ที่ใช้เทคโนโลยีที่ว่านี้ซึ่งใช้ชื่อว่า Mix SIS (อ่านว่า"มิกซ์ ซีส") ซึ่งมีคุณสมบัติพิเศษ หลอมละลายด้วยความร้อนที่อุณหภูมิประมาณ 200°C บวก/ลบไม่เกิน 5 ที่มีลักษณะเหลวผสานขึ้นรูปกับเนื้อยางเรเดียลเป็นหนึ่งเดียว ประกบอยู่ด้านใน แบบไร้รอยต่อตรงพื้นที่ๆ ต้องการป้องกันของแหลมคม และยังช่วยปกปิดผิวยางภายในทำให้ลดการรั่วซึมของลมยาง ที่อาจเป็นสาเหตุให้ยางระเบิดได้ และภายใต้อุณหภูมิ -20 ถึง 110 °C ด้วยลักษณะพิเศษ ของสารกึ่งแข็ง มีความคงตัวสูง ไม่มีการเคลื่อนตัว หรือส่งผลกระทบต่อการทรงตัวของยาง และมีความยืดหยุ่นสูง เมื่อถูกของแหลมคมแทง สามารถสมานปิดรอยรั่วได้สนิทก็เมื่อดึงของแหลมออก ป้องกันการรั่วซึมแม้รอยรั่วที่ยากตรวจพบ ยางนิรภัยแบบนี้จึงไม่มีการรั่วซึมแม้ถูกของแหลมหรือของมีคมแทงเข้าไปในยางทำให้รถยนต์สามารถวิ่งต่อไปได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนยางช่วยให้คุณประหยัดและรู้สึกปลอดภัยยิ่งขึ้น ตรงคอนเซ็ป "ยางไม่มีแบน"
เป็นยังไงกันบ้างสำหรับบทเรียนในวันนี้ ทีนี้คงรู้แล้วสิว่ารถหรูราคาหลายล้านที่ใช้ใช้ยาง Run Flat จึงไม่มียางอะไหล่มาให้แต่จะมีเพียงชุดซ่อมฉุกเฉินมาให้ในกรณืฉุกเฉินเท่านั้น ซึ่งถึงแม้ว่ามันจะดูเป็นเทคโนโลยีที่ยังไกลจากรถทั่วๆไปราคาหลักแสนก็ตาม แต่รู้ไว้ก็ไม่เสียหลายใช่มั้ยล่า
เรื่อง : อาณัติ สุทธิบุตร
VDO : Thank you (Youtube)
ความคิดเห็น