บีเอ็มดับเบิลยู 320ดี ทัวริ่ง ประหยัดน้ำมันแต่ไม่ประหยัดราคา...

ไปลองขับบีเอ็มดับเบิลยู 320ดี ทัวริ่ง ในวันฝนพรำ กับรถยนต์นำเข้าสำเร็จรูปสำหรับครอบครัวขนาดเล็กจากแคว้นบาวาเรีย พร้อมพรั่งด้วยอุปกรณ์และของเล่น สมรรถนะของรถโดดเด่น ประหยัดน้ำมันแบบสุดขั้ว แต่ต้องแลกด้วยราคา 4.099 ล้านบาท

ท่ามกลางบรรดารถยนต์รุ่นผลิตในประเทศของค่ายรถเจ้าของโลโก้ใบพัดฟ้า-ขาวอย่างบีเอ็มดับเบิลยูนั้น กลุ่มรถยนต์นำเข้าสำเร็็จรูปทั้งคัน เป็นอีกกลุ่มที่บีเอ็มดับเบิลยูให้ความสำคัญมาอย่างต่อเนื่อง เพราะแม้จะไม่ได้สร้างยอดจำหน่ายอย่างเป็นกอบเป็นกำ แต่หากมองในแง่ของภาพลักษณ์แล้วถือว่าทำหน้าที่ได้ไม่เลว

เพราะในกลุ่มรถที่ไม่ได้ผลิตในประเทศอย่างกลุ่มรถไฮบริด กลุ่มทัวริ่ง หรือล่าสุดกับกลุ่มจีที บีเอ็มดับเบิลยูล้วนแล้วแต่มีแพลนที่จะเดินหน้าทำตลาดอย่างต่อเนื่องทั้งสิ้น แม้ว่าสนนราคาจะสูงลิบลิ่ว จนหลายต่อหลายคนถามถึงความคุ้มค่าในการเป็นเจ้าของ แต่ใครจะไปคาดคิดว่ากลุ่มลูกค้าในประเทศไทยก็มีคนซื้อมาขับโฉบไปมาอย่างเหนือความคาดหมาย

เหมือนกับ 320ดี ทัวริ่ง คันที่นำมาทดสอบคันนี้ ค่าตัวพุ่งทะยานไปถึง 4.099 ล้านบาท เปรียบเทียบกับรุ่นซีดานซึ่งผลิตในประเทศ ซึ่งวางจำหน่ายอยู่ที่ต่ำกว่า 3 ล้านบาท สำหรับรุ่นเครื่องยนต์เดียวกัน หรือบวกเงินเพิ่มอีกนิดเดียวก็จะได้แอคทีฟไฮบริด 3 ที่ราคาเริ่มจาก 4.19 ล้านบาท แต่ก็มีให้เห็นบนท้องถนนบ้างเหมือนกัน

ตัวรถโดดเด่นในรูปแบบของรถทรงวากอน ด้วยตัวถังด้านหน้าแนวโหดเหมือนรุ่นซีดาน ขณะที่ตัวถังด้านท้ายพอกลายเป็นรุ่นทัวริ่งก็ลดความดุดันลง แม้จะยังเสริมกล้ามมัดไว้ด้วยลายเส้นด้านข้างตัวรถก็ตาม ซึ่งการเปลี่ยนแปลงของตัวถังด้านท้าย ก็ส่งผลดีต่อเรื่องของการใช้งานของตัวรถมากพอสมควร

การออกแบบภายในห้องโดยสารเหมือนยกมาจากรุ่นซีดานทั้่งหมด จอแสดงผล 8.8 นิ้วที่ตรงกลางคอนโซล ทำงานสอดประสานเป็นหนึ่งเดียวกับระบบไอ-ไดร์ฟ ซึ่งส่องแสงรบกวนเล็กน้อยในเวลากลางคืน ซึ่งหากสามารถพับเก็บได้ก็น่าจะเหมาะสมกับการใช้งานโดยทั่วไปกว่านี้

ตำแหน่งที่นั่งในการขับขี่อยู่ค่อนข้างต่ำ ทัศนวิสัยของตัวรถด้านหลังต้องใช้ความระมัดระวังมากกว่าปกติเล็กน้อย เพราะมองจากภายในจะรู้สึกว่าตัวถังมีความยาวกว่ารุ่นซีดานพอสมควร ขณะที่พื้นที่ในตำแหน่งวางขามีขนาดเล็กและเบียดขาพอสมควร ในยามขับขี่ในชีวิตประจำวัน

ตัวถังแบบทัวริ่งทำให้พื้นที่ของห้องโดยสารตอนหลังดูเปิดกว้างกว่ารุ่นซีดาน แต่ตำแหน่งของเบาะที่นั่งก็ยังจมลงไปในตัวรถ ทำให้ผู้โดยสารตอนหลังรู้สึกว่าตัวเองอยู่ติดถนนมากกว่าปกติ ขณะที่ห้องเก็บสัมภาระด้านหลังให้มาอย่างเต็มที่ สามารถขอของใช้ได้เต็มพื้นที่บรรจุ และมีผ้าใบล็อกของติดตั้งมาให้เรียบร้อย

เครื่องยนต์ที่ติดตั้งมาเป็นเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ 16 วาล์วที่มาพร้อมเทคโนโลยี Twin Turbo โดยมีปริมาตรกระบอกสูบ 1,995 ซีซี. ให้กำลังสูงสุด 184 แรงม้าที่ 4,000 รอบต่อนาทีและแรงบิดสูงสุดมหาศาลถึง 380 นิวตันเมตรที่ 1,750-2,750 รอบต่อนาที โดยตามสเปกสามารถวิ่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในเวลา 7.6 วินาทีและทำความเร็วสูงสุดได้ 226 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

น้ำหนักรถยนต์รวมกว่า 1 ตันครึ่ง เป็นผลมาจากชุดแต่งเอ็ม สปอร์ต แพคเกจที่เพิ่มขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ชุดแต่งรอบคัน พร้อมชุดตกแต่งภายในอีกหลายรายการ ซึ่งทำให้ตัวรถมีความโดดเด่นเพิ่มมากขึ้นจากรุ่นธรรมดา เรียกว่าดุแบบหวานหวานก็คงจะได้

ในการขับขี่เพื่อทำการทดสอบจริง เครื่องยนต์ของบีเอ็มดับเบิลยูที่ถูกเปลี่ยนโครงสร้างที่ครอบลงไปนั้น ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรมากมายในด้านการขับขี่ เพราะว่าการตอบสนองของรถนั้นยังอยู่ในเกณฑ์ดีมาก และสามารถปรับไปได้เรื่อย ๆ ตามน้ำหนักการกดคันเร่งที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

การวิ่งบนถนนไปตามทางต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นถนนหลวงหรือจะขึ้นเขาลงห้วยสักเล็กน้อยก็ไม่เป็นปัญหาอะไร เพราะพละกำลังของเครื่องยนต์มีมาให้อย่างมหาศาล เพียงแต่การปล่อยกำลังจะค่อย ๆ ส่งผ่านเกียร์อัตโนมัติแบบ 8 สปีดแบบไม่กระโชกโฮกฮากมากนัก เรียกว่ามีอารมณ์สปอร์ตแบบไม่ดิบจนเกินไป

ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติที่สามารปรับระดับความเร็วได้ครั้งละ 10 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำให้การขับขี่ทางไกลทำได้ง่ายดายขึ้นเมื่อเทียบกับระบบเดียวกันของรถคันอื่น ๆ ขณะที่โหมดการขับขี่ที่สามารถเลือกได้อย่างหลากหลายตามความเหมาะสมของการใช้งาน ก็ทำให้ควบคุมรถได้ตามใจต้องการ

ในด้านของความสะดวกสบายนั้น ก็อัดของเล่นมาอย่างจุใจ ระบบคอมฟอร์ต แอสซิสต์ ที่่ช่วยให้การขึ้นลงรถเป็นไปอย่างง่ายดาย และของเล่นใหม่อย่างระบบเซนเซอร์เปิดฝากระโปรงหลังใต้กันชนด้านหลัง ที่เพียงแค่แหย่ขาเข้าไปให้ตรงกับเซนเซอร์ ฝากระโปรงหลังก็จะดีดตัวขึ้นมาอย่างอ่อนโยน

คงจะเป็นการยากที่จะกล่าวถึงระบบทั้งหมดของรถคันนี้ แต่เอาจริง ๆ สิ่งที่สร้างความตื่นตะลึงก็คือเรื่องของอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ถือเป็นเลิศ เพราะในการทดสอบครั้งนี้ หลังจากผมขับรถในกทม.จนน้ำมันหมดไปราว 1 ใน 4 ก็มีการนำรถออกไปวิ่งทางไกลจนน้ำมันหมดไปเหลือแค่ 1 ใน 4 ของถัง และมีการเติมน้ำมันกลับเข้าไป 1,270 บาท แต่เป็นการเติมน้ำมันที่สถานีบริการในจังหวัดตากเข้าไปแล้วนะครับ

เรียกว่าอัตราการประหยัดของ 320ดี ทัวริ่งคันนี้ ดีเลิศประเสริฐศรีกว่าบรรดารถปิกอัพและรถยนต์นั่งมากมายหลายยี่ห้อที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซลเหมือนกันในทริปนั้นแบบไร้คำถาม และทำให้ตัวรถดูดีมีสง่าราศีและน่าใช้งานมากขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อรวมกับสมรรถนะอันแสนโดดเด่นเข้าไปด้วย

จะมาสะดุดหัวทิ่มก็ตรงค่าตัวนี่แหละครับ แม้จะทำใจว่าเป็นรุ่นนำเข้าที่ต้องเสียภาษีแพง แต่หากเงินน้อยกว่านี้ จะไปเล่นรุ่นซีดานก็คงไม่ผิดกติกา หรืออยากระห่ำกว่านี้ จะบวกเงินเพิ่มแล้วไปไฮบริด แต่จะต้องมีเงินเติมน้ำมันที่มากกว่าด้วยก็ไม่ผิดกติกาแต่อย่างใด

เอาเป็นว่าโดยตัวรถเองถือว่าเพียงพอและดีอย่างรอบด้าน เหลือแค่รอลูกค้าเงินถึงและใจถึงมาจับจองเป็นเจ้าของเท่านั้น!!!