2014 Mazda 3 Skyactiv-Hybrid (หรือที่รู้จักกันในชื่อ Axela Hybrid ในญี่ปุ่น) ได้รับการเปิดตัวจริงที่งานโตเกียว มอเตอร์โชว์ในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา เรามีโอกาสได้ทดสอบลองขับแบบสั้นๆ จึงขอนำข้อมูลเบื้องต้นมาฝากแฟนๆ Mazda และนักเลงรถเมืองไทย
ในส่วนของรูปลักษณ์ภายนอก หากจะแยก Mazda 3 Skyactiv-Hybrid ออกจากเวอร์ชั่นเบนซินหรือดีเซลทั่วไปนั้นค่อนข้างยากสักหน่อย เพราะหน้าตาภายนอกแทบจะเหมือนกันทุกด้าน มีเพียงล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้วและตัวอักษร ‘Skyactiv HEV’ ที่บั้นท้ายเท่านั้น ส่วนที่เหลือก็เหมือนกับ 2014 Mazda 3 รุ่นสแตนดาร์ดทุกประการ
สำหรับภายในห้องโดยสารนั้นมีความแตกต่างระหว่างรุ่นไฮบริดและรุ่นธรรมดาอย่างชัดเจน เริ่มจากหัวเกียร์ของ 3 Skyactiv-Hybrid มีลักษณะคล้ายกับที่ใช้อยู่ใน 2013 Toyota Prius โดยเฉพาะตำแหน่งเกียร์ P-R-N-D-B ที่เหมือนกันเป๊ะ ส่วนมาตรวัดถูกปรับปรุงใหม่เล็กน้อย โดยติดตั้งตัววัดการใช้พลังงาน แทนที่มาตรวัดรอบเครื่องยนต์
พื้นที่ใต้ฝากระโปรงหลังลดลงเหลือ 312 ลิตร (น้อยกว่ารุ่นสแตนดาร์ด 107 ลิตร) เนื่องจากต้องติดตั้งแบตเตอรี่นิคเกิลเมทัลไฮไดรด์
ไฮไลท์ของ Mazda 3 Skyactiv-Hybrid อยู่ที่ระบบขับเคลื่อนใต้ฝากระโปรง ใช้เครื่องยนต์เบนซิน Skyactiv-G บล็อก 4 สูบ ความจุ 2.0 ลิตรทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้พละกำลังสูงสุดที่ 136 แรงม้า
หากแบ่งแยกขุมพลังทั้งสองประเภทออกจากกัน เครื่องยนต์ SkyActiv-G บล็อกนี้มีพละกำลัง 99 แรงม้า แรงบิด 142 นิวตันเมตร ส่วนมอเตอร์ไฟฟ้ามีพลังที่ 82 แรงม้า แรงบิด 207 นิวตันเมตร เมื่อทำงานร่วมกันจะมีแรงม้าอยู่ที่ 136 ตัวดังกล่าว
เรามีโอกาสได้ทดสอบลองขับ Mazda 3 Skyactiv-Hybrid บนระยะทางสั้นๆเพียง 9 กม. รอบอ่าวโตเกียวในช่วงเวลาเร่งด่วน จึงแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะได้ทดสอบศักยภาพที่แท้จริงของตัวรถ แต่กระนั้นเราก็สัมผัสได้ถึงการทำงานของเครื่องยนต์และระบบไฟฟ้าที่มีความไหลลื่นอย่างมากเมื่อเทียบกับรถไฮบริดรุ่นอื่นในตลาด ต้องปรบมือให้กับทีมวิศวกรของ Mazda ที่ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม
แฮนดลิ่งและการควบคุมยังคงเฉียบคมเหมือนกับ Mazda 3 รุ่นสแตนดาร์ด แต่มีจุดด้อยอยู่ที่ระบบเกียร์อัตโนมัติแปรผันต่อเนื่อง CVT ซึ่งอาจต้องปรับปรุงอีกเล็กน้อยให้รีดพละกำลังได้อย่างทันใจมากกว่านี้
ยางขนาด 16 นิ้วส่งเสียงรบกวนเข้ามาในห้องโดยสารพอสมควร Mazda ระบุว่าได้มุ่งมั่นพัฒนาระบบคืนกำลังขณะเบรกให้ดียิ่งขึ้น แต่เรารู้สึกได้ถึงการขาดประสิทธิภาพในการเบรกไปเล็กน้อย เมื่อเทียบกับรถทั่วไป
ทีมวิศวกรของ Mazda ไม่ได้ทุ่มเม็ดเงินมหาศาลในด้านการ “วิจัยและพัฒนา” ระบบไฮบริด แต่พวกเขาเลือกใช้เทคโนโลยี Hybrid Synergy Drive ของ Toyota แทน โดยใช้ฮาร์ดแวร์ทั้งหมด อย่างมอเตอร์ไฟฟ้า เกียร์ CVT แบตเตอรี่จาก Prius ก่อนที่จะมาปรับปรุงให้สอดคล้องกับเครื่องยนต์ SkyActiv-G ของตนเอง นี่เป็นสาเหตุที่ว่าคันเกียร์ของ Mazda 3 ไฮบริดถึงเหมือนกับ Prius
ขณะที่ซอฟต์แวร์และระบบอิเลกทรอนิกถูกพัฒนาขึ้นโดยทีมงานของ Mazda ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะพัฒนาระบบสมองกลให้เข้ากับเครื่องยนต์ที่พัฒนาโดยบริษัทอื่น แต่ Mazda ก็พิสูจน์ให้เห็นถึงศักยภาพแล้วว่าพวกเขามีความเชี่ยวชาญมากเพียงใด
เลย์เอาท์ของระบบไฮบริดใน Mazda 3 ถือเป็นระบบไฮบริดเต็มรูปแบบ นั่นหมายความว่ามอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์สามารถทำงานแยกส่วนหรือทำงานร่วมกันได้เพื่อความประหยัดสูงสุด เครื่องยนต์เบนซินทำหน้าที่ชาร์จแบตเตอรี่เมื่อรถขับเคลื่อน ส่วนระบบคืนกำลังขณะเบรก i-ELOOP ก็ช่วยให้พลังไฟฟ้าเพิ่มเติม
ระบบขับเคลื่อนดังกล่าวถือเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยที่สุดที่ใช้ในรถยนต์นั่งทั่วไป อัตราความประหยัดระดับ 31.25 กม./ลิตร ถือว่าเหนือชั้นกว่า Prius ด้วยซ้ำไป Mazda 3 ไฮบริดยังสามารถขับเคลื่อนได้ด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆระยะทาง 2 กม.ได้อีกด้วย
นับเป็นอีกหนึ่งยนตรกรรมที่น่าจับตามองอย่างยิ่งยวด
ขอขอบคุณเวบไซต์ Livelifedrive เอื้อเฟื้อภาพและข้อมูล
ความคิดเห็น