ฮอนด้าชี้การเมืองยังไม่นิ่ง ต้องประเมินสถานการณ์ระยะสั้นต่อเนื่อง ชี้หากไม่รุนแรงกว่านี้ตลาดรถยนต์รวมหดตัวเหลือ 1.13 ล้านคัน
พิทักษ์ พฤทธิสาริกร รอบประธานกรรมการบริหารอาวุโส บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) เปิดเผยว่าตลาดรถยนต์รวมในปีนี้จากการประเมินเบื้องต้นของฮอนด้าน่าจะอยู่ที่ระดับ 1.13 ล้านคันเท่านั้น หดตัวจากยอดขาย 1.32 ล้านคันในปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ การประเมินดังกล่าวได้รวมปัจจัยทางด้านการเมืองในปัจจุบันเข้าไปแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถระบุได้อย่างชัดเจน เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองอาจจะเปลี่ยนแปลงได้ ซึ่งบริษัทฯ เองต้องมีการประเมินสถานการณ์ระยะสั้นอย่างต่อเนื่องทุกระยะ
“ต้องบอกว่าปีนี้เป็นปีที่ยากแก่การประเมินสถานการณ์มาก เพราะทุกอย่างยังไม่นิ่ง ฮอนด้าเองก็ต้องประเมินทั้งเรื่องยอดการผลิตและยอดจำหน่ายเป็นประจำทุกเดือนอยู่แล้ว หากสถานการณ์ไม่รุนแรงไปกว่านี้ ก็เชื่อว่าตลาดจะเป็นไปตามที่คาดการณ์”
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นยังไม่ส่งผลกระทบต่อการบริหารงานของบริษัทฯ แต่อย่างใด แม้จะพบว่าลูกค้าที่เดินเข้าโชว์รูมลดลงในช่วงที่ผ่านมา แต่มองว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจะเป็นระยะสั้น และไม่ก่อให้เกิดปัญหาในระยะยาว
พิทักษ์กล่าวต่อว่าฮอนด้าเองดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมาครบ 50 ปีในปีนี้ ดังนั้น จึงมีความเข้าใจถึงวัฒนธรรมและสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างดี จึงไม่ได้ตกใจและไม่มีผลกระทบต่อการเดินหน้าธุรกิจในประเทศไทยอย่างแน่นอน
“แต่หากจะมีผู้ประกอบการหน้าใหม่เข้ามา ก็เป็นไปได้ที่เขาอาจจะไม่เข้าใจถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและอาจลังเลใจ ส่วนฮอนด้าเองขอยืนยันว่าไม่มีปัญหา เราเชื่อว่าปัญหาที่เกิดขึ้นจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในระยะสั้นเหมือนปัญหาอื่น ๆ”
ฮอนด้าคาดว่าบริษัทฯ จะมียอดจำหน่าย 1.8 แสนนคัน ลดลงเล็กน้อยจากยอด 2.13 แสนคันในปี 2556 โดยมีแผนที่จะเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่อีกหลายรุ่น เริ่มจากฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ที่เปิดตัวเมื่อวานนี้ ด้วยราคาจำหน่าย 5.5-7.49 แสนบาท
ทั้งนี้ ฮอนด้าตั้งเป้าหมายการจำหน่ายฮอนด้า ซิตี้ใหม่ที่ 6 หมื่นคันในปีนี้ โดยลดลงจากยอด 9.3 หมื่นคันในปีล่าสุด เป็นผลมาจากการสิ้นสุดระยะของโครงการคืนภาษีรถยนต์คันแรก ทำให้แนวโน้มตลาดรถยนต์นั่งน่าจะหดตัวลงไปตามการหดตัวของตลาด
สำหรับในปีนี้ ฮอนด้าไม่มีแผนที่จะลงทุนเพิ่มเติมในประเทศไทย เนื่องจากอยู่ในช่วงการลงทุนโรงงานแห่งที่ 2 ที่จ.ปราจีนบุรีในปัจจุบัน ขณะที่โรงงานที่จ.อยุธยาเองก็ใช้กำลังผลิตที่ระดับ 70-80% เท่านั้นตามสถานการณ์ของตลาดรถยนต์ในปัจจุบัน
ในส่วนของโครงการอีโคคาร์ เฟส 2 ว่าเป็นนโยบายที่ดีของภาครัฐในการส่งเสริมการลงทุนในประเทศไทย อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์ในปัจจุบันทำให้ผู้ที่จะลงทุนเพิ่มต้องพิจารณาให้ดี และต้องยอมรับว่าการเปิดโครงการใหม่ก็จะส่งผลกระทบกับผู้ลงทุนในโครงการแรกเช่นกัน
“สำหรับฮอนด้าเองในฐานะผู้ลงทุนโครงการอีโคคาร์เฟส 1 เราสามารถขยายการลงทุนไปที่เฟส 2 ได้อยู่แล้ว แต่ยังอยู่ระหว่างการศึกษารายละเอียดทั้งหมด ยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะสนใจหรือไม่ เนื่องจากยังพอมีเวลาในการตัดสินเรื่องนี้”
พบฮอนด้ามือสองคุณภาพเยี่ยมได้ที่ไทยคาร์ดอทคอม
ความคิดเห็น