มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต คือรถยนต์ดัดแปลงบนพื้นฐานของมิตซูบิชิ ไทรทัน ที่ทำยอดจำหน่ายได้ดีไม่น้อยสำหรับค่ายมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ซึ่งแน่นอนว่าทำตลาดมานานพอสมควรจนเข้าสู่ช่วงท้ายของอายุ เนื่องจากไทรทันเองก็มีแผนที่จะปรับโฉมในปีนี้ ทำให้รถดัดแปลงบนพื้นฐานเดียวกันก็จะต้องปรับโฉมตามในไม่ช้า
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะมีการเปลี่ยนโฉมใหม่หมดจด มิตซูบิชิก็ได้ทำการเพิ่มออพชั่นเพื่อสร้างสีสันให้กับโฉมปี 2014 ของปาเจโร สปอร์ต เพื่อให้ผู้บริโภคที่จะเลือกจับจองรถคันนี้เป็นเจ้าของมั่นใจได้ว่าได้รถที่มีออพชั่นเพิ่มเติม แถมยังเป็นการรีเฟรชตัวสินค้าให้สามารถรับมือกับคู่แข่งได้มากขึ้นอีกด้วย
ว่ากันตามจรงในรุ่นเดิมของปาเจโร สปอร์ตนั้นก็ถือว่าไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อยู่แล้ว เพราะสามารถแข่งขันกับผู้นำตลาดรายอื่น ๆ ได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ แต่เมื่อมีคู่แข่งเปิดตัวสินค้าใหม่ ก็เป็นธรรมดาที่มิตซูบิชิต้องขยับตัวมารับมือ โดยทีมงานออโต้สปินน์ได้ทำการทดสอบรุ่นเครื่องยนต์ 2.5 ลิตร วีจี เทอร์โบ ที่มาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ โดยวางราคาจำหน่าย 1.397 ล้่านบาท
เครื่องยนต์รุ่นนี้ของมิตซูบิชิถือว่าเป็นหัวหมู่ทะลวงฟันในตลาด ด้วยเครื่องยนต์ขนาดเล็กแต่มีความแรงที่พอเหมาะพอสม ให้อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันที่ดีพอสมควร มาพร้อมกำลังสูงสุดและแรงบิดสูงสุดที่รอบต่ำ ทำงานสอดประสานกับเกียร์อัตโนมัติรุ่นใหม่ ซึ่งมิตซูบิชิคิดค้นขึ้นมาเพื่อเอาใจคนที่ชอบสมรรถนะแต่ไม่อยากเปลืองน้ำมันมากมายนัก
การเปลี่ยนแปลงหลักของปาเจโร สปอร์ต โฉมปีล่าสุด ส่วนใหญ่จะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่รูปร่างหน้าตาภายนอก โดยที่ไม่ได้มีการแตะต้องเครื่องยนต์ที่มีอยู่แม้แต่น้อย ทำให้ในภาพรวมของการขับขี่รถยนต์โมเดลใหม่นี้ ไม่ได้แตกต่างไปจากรถรุ่นเดิมที่ขับสนุกอยู่แล้วไปแต่อย่างใด เรียกได้ว่าเป็นการปรับเน้นไปที่หน้าตาเป็นหลักก็คงไม่ผิด
ที่เปลี่ยนแปลงแบบชัดเจนและโดดเด่นที่สุดก็คือกระจังหน้าที่คราวนี้ได้รับอิทธิพลจากมิตซูบิชิ ปาเจโร แบบเต็ม ๆ ด้วยกระจังหน้าแบบโครเมียมและกันชนหน้าดีไซน์สปอร์ต กระจกมองข้างแบบสีเดียวกับตัวรถพร้อมไฟเลี้ยวในตัว ขณะที่ชุดไฟท้ายมาพร้อมไฟเลี้ยวแบบเลนส์ใส ที่เอาจริง ๆ แล้วมองผ่าน ๆ แทบไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงที่ด้านท้ายของรถ
ล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ขนาด 17 นิ้วมาพร้อมยางไซส์เดิมในรุ่นจีที และเพิ่มโลโก้ 4WD ALL Wheel Control ที่ฝาประตูหลังสำหรับรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ และแน่นอนว่าเพิ่มสีใหม่สำหรับลูกค้าที่เลือกซื้อในช่วงนี้ กับสีเทาไทเทเนี่ยม ซึ่งดูสวยสะดุดตาอยู่ไม่น้อย
เครื่องยนต์ดีเซล 2.5 ลิตร วีจี เทอร์โบ ดีไอ-ดี ไฮเปอร์ คอมมอนเรล แบบ 4 สูบ 16 วาล์ว ให้กำลังสูงสุด 178 แรงม้าที่ 4,000 รอบต่อนาทีและให้แรงบิดสูงสุด 350 นิวตัน-เมตรที่ 1,800-3,500 รอบต่อนาที ให้พละกำลังที่เรียบเนียนอย่างต่อเนื่องตั้งแต่จุดออกตัวไปถึงการทำความเร็วที่ย่านความเร็วกลางและสูง
ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด อินเวคส์ ทู ที่ตอบสนอได้อย่างรวดเร็ว แถมยังเรียนรู้พฤติกรรมในการขับขี่ของผู้ขับขี่ทำให้สามารถตอบสนองได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญก็คือในรุ่นจีทีมีแป้นแพดเดิลชิฟท์แบบยึดติดกับที่ที่ด้านหลังของพวงมาลัย ทำให้การใช้งานมีประสิทธิภาพมากขึ้นเช่นกัน
การออกแบบภายในเน้นภาพลักษณ์แบบสปอร์ตมากขึ้นด้วยลายคาร์บอนพรินท์ที่คอนโซลกลางและแผงประตู เพิ่มของเล่นในห้องโดยสารมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นจอภาพขนาด 10.2 นิ้วที่กลางห้องโดยสาร ระบบเครื่องเสียงแบบใหม่แบบ 2 DIN ที่รวบรวมฟังชั่นส์การใช้งานทั้งหมด รวมไปถึงระบบนำทางใหม่ที่ดูเรียบง่ายน่าใช้งานมากขึ้น
เพิ่มความสุนทรีย์ในการโดยสารด้วยระบบชุดเครื่องเสียงแบบใหม่ที่มาพร้อมเพาเวอร์แอมป์ 420 วัตต์ พร้อมด้วยลำโพง 8 ตำแหน่ง โดยในห้องโดยสารได้มีการปรับตำแหน่งของลำโพงทวิตเตอร์ให้เห็นอย่างโดดเด่นที่ขอบประตู ซึ่งโดยรวมแล้วเครื่องเสียงชุดใหม่นี้ให้คุณภาพเสียงที่ดีขึ้น เสียอย่างเดียวที่ตำแหน่งการเชื่อมต่อของยูเอสบียังติดตั้งอยู่ในลิ้นชักด้านหน้าทำให้ไม่ค่อยสะดวกนัก
กระจกมองหลังแบบปรับลดแสงสะท้อนอัตโนมัติได้รับการติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับรุ่นจีที พร้อมด้วยเส้นกะระยะที่เพิ่มขึ้นมาในระบบกล้องมองหลังขณะถอยจอด ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับมือใหม่ที่เพิ่งเคยทดลองขับรถยนต์ขนาดใหญ่ที่ถอยจอดยากขึ้น แต่หากเป็นผู้ที่มีความคุ้นชินดีอยู่แล้ว เส้นกะระยะที่ว่าก็ไมได้ช่วยอะไรนัก
ในการทดสอบทั้งหมดนั้นไม่ได้มีการทดลองระบบขับเคลื่อนสี่ล้อของรถแต่อย่างใด เพราะเกือบทั้งหมดเป็นการวิ่งเลาะโค้งไปตามเส้นทางหลวงหลัก ๆ ต่าง ๆ ก็จะเน้นการขับเคลื่อนแบบ 2 ล้อบนถนน แต่อย่างที่บอกว่าการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดแทบจะไม่ได้มีผลกระทบต่อเรื่องของเครื่องยนต์ ระบบส่งกำลังหรืออื่น ๆ ก็เลยทำให้ภาพรวมของการขับขี่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเช่นกัน
การออกตัวรถทำได้อย่างกระฉับกระเฉงไม่อืดอาด ตัวรถให้ความรู้สึกกระตือรือล้นที่จะวิ่งไปข้างหน้า และยังสามารถทำความเร็วไปพ้นท้องถนนได้อย่างไม่อืดอาดแม้จะขึ้นไปที่ย่านความเร็ว 120-140 กิโลเมตรต่อชั่วโมงก็ตาม และยังพอมีพละกำลังให้รถเคลื่อนตัวไปข้างหน้าได้อย่างต่อเนื่องอีกสักเล็กน้อย ขณะที่การเร่งแซงก็ไม่ได้ลำบากอะไร กดคันเร่งลงไปธรรมดาพละกำลังก็ส่งต่อมาอย่างต่อเนื่อง
ช่วงล่างที่เซตอัพมาอย่างดีให้ความรู้สึกในการกันสะเทือนที่ตอบสนองได้อย่างดีเยี่ยมบนถนนหลวง การขับรถซอกแซกไปตามทางขึ้นเขาลงห้วยเป็นเรื่องสนุกสนาน ด้วยตัวรถที่เซตอัพมาสูงในสไตล์ของรถยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อ ขณะที่ระบบเบรกและระบบช่วยเบรกต่าง ๆ ก็ช่วยกันทำงานได้เป็นอย่างดีในกรณีที่ต้องการการเบรกฉุกเฉิน แต่ก็ต้องเข้าใจว่าตัวรถเองค่อนข้างหนัก การเบรกก็ต้องเผื่อระยะกันมากสักหน่อย
ทัศนวิสัยในการขับขี่ถือว่าอยู่ในระดับดีมาก แม้ระยะด้านหลังอาจจะบดบังสายตาสักเล็กน้อยเป็นเรื่องปกติของรถยนต์ในกลุ่มนี้ เบาะที่นั่งแถว 3 ก็นั่งได้สำหรับคนตัวเล็ก ๆ หรือเด็กไปเลย แต่ก็มีการเจาะที่วางขาอย่างสวยงาม แถมด้วยช่องปรับอากาศและที่วางแก้วน้ำแบบครบครัน
มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ก็ยังเป็นรถยนต์ดัดแปลงบนพื้นฐานปิกอัพที่ดีที่สุดคันหนึ่งของประเทศไทย แม้ว่าอายุอานามจะผ่านล่วงเลยมาเข้าสู่ช่วงท้าย ๆ ของการทำตลาดแล้วก็ตาม แต่ก็ยังสามารถแข่งกับคู่แข่งหน้าใหม่ได้อย่างสบายมาก
เพราะไม่ว่าจะเอาความสนุกหรือความสบาย รถคันนี้ก็เตรียมพร้อมตอบรับชีวิตในทุก ๆ ด้านของคุณอยู่ดี...
รายละเอียดทางเทคนิค มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต 2.5จีที ขับเคลื่อน 4 ล้อ
ราคาจำหน่าย 1.379 ล้านบาท
เครื่องยนต์ วีจี เทอร์โบ 2.5 ลิตร
กำลังสูงสุด 178 แรงม้าที่ 4,000 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตรที่ 1,800-3,500 รอบต่อนาที
ระบบส่งกำลัง อัตโนมัติ 5 จังหวะ อินเวคส์ ทู พร้อมแพดเดิลชิฟท์
ขอขอบคุณ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด สำหรับทริปทดสอบในครั้งนี้
ผู้เขียน golfautospinn พูดคุยกันได้ที่ pisan.i@icarasia.com หรือเฟซบุ๊ค Autospinn.Fan
ชมภาพเพิ่มเติมได้ที่ http://photos.autospinn.com/2014_Mitsubishi_PajeroSport_MinorChange/
พบมิตซูบิชิมือสองและมิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ตมือสอง ที่เวบไซต์ไทยคาร์ดอทคอม
ความคิดเห็น