เปิดตัวไปเมื่อปลายปีที่แล้ว ในงาน Motor Expo 2013 กับ กระบะ สามมิตร SGP รุ่น เอราวัณ Diesel CNG แบบ Full Control ครั้งแรกของโลก ในคอนเซ็ปต์ “แรง ทน คุ้มค่า” ได้รับความร่วมมือกับทาง PTT ในการคิดค้นระบบ DF-PCCI (Dual Fuel-Premixed Charge Compression) ซึ่งจะช่วยชดเชยการใช้น้ำมันดีเซล ถึง 60-70% ซึ่ง ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือก แก่ผู้ประกอบธุรกิจ ขนส่ง ที่ต้องวิ่งบรรทุกส่งของแบบจริงๆ จัง อย่างต่อเนื่อง แต่ยังคงต้องการสมรรถนะที่ดีเยี่ยม
และเมื่อวัน พฤหัส-ศุกร์ ที่ผ่านมา ทาง Autospinn เราได้รับเชิญให้เข้าร่วมทดสอบ รถกระบะ ดีเซล ลูกผสม CNG จาก สามมิตร SGP คันนี้ ซึ่งในช่วงวันแรกจะเป็นการขับในรูปแบบ Eco Run เพื่อดูอัตราสิ้นเปลืองความประหยัด ตั้งแต่ เริ่มออกเดินทางจากศูนย์บริการสามมิตร เพชรเกษม ทางทีมงานได้เติมน้ำมันเพิ่มเข้าไปให้ถึงคอถังโดยให้ผู้ขับรถในแต่ละคันดูก่อนที่จะปิดผนึกสติกเกอร์ฝาถัง และออกมุ่งหน้าไปแวะพักที่ร้านอาหารกังหันลม สิงห์บุรี ก่อนวิ่งขึ้นไปเติมแก๊ส และน้ำมัน ที่ปั๊มช่วงก่อนเข้า ตัวจังหวัดนครสวรรค์
และ อีกวันหนึ่งได้เปิดโอกาสให้ ทดสอบแบบ Free Run ขากลับ จากสุพรรณบุรี มายังศูนย์บริการ สามมิตร ที่ถนนเพชรเกษม กันอีกครั้ง โดยในครั้งนี้ มีรถทดสอบทั้งหมด 10 คัน โดยเป็นรถของสื่อตั้งแต่หมายเลข 02-10 โดยทางเราได้หมายเลข 06 โดยรถคันหนึ่งจะจับคู่กัน 2 คน ซึ่งทางเราได้ขับเป็นมือที่ 2 ซึ่งรับหน้าที่ ในช่วง จังหวัดสิงห์บุรี จนถึงปั๊มน้ำมัน เพื่อวัดอัตราสิ้นเปลืองกันอีกครั้ง
รถกระบะ สามมิตร เอราวัณ นั้น เป็นการนำรถ Toyota Vigo รุ่น Standard 2.5J (VNT) เครื่องยนต์ดีเซล 2KD-FTV มาทำการติดตั้ง CNG 3 ถัง 165 ลิตร พร้อมระบบ DF-PCCI (Dual Fuel-Premixed Charge Compression) ที่พัฒนาร่วมกับ PTT ซึ่งเป็นระบบแบบ Full Control ซึ่งระบบมีความชาญฉลาดในการเลือกจ่ายเชื้อเพลิง ไม่ว่าจะเป็นดีเซลเพียงอย่างเดียว หรือ CNG ร่วมกับดีเซล โดยระบบนี้ จะใช้ CNG ทดแทนน้ำมันดีเซลได้สูง 60-70%
ในการขับทดสอบแบบ Eco Run ครั้งนี้ นักข่าวแต่ละท่าน ต่างใช้เทคนิค ทักษะของตัวเองอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการ ขับตามหลังรถทัวร์ หรือรถบรรทุก เพื่อให้บังลมเพื่อให้ได้ Aerodynamics ที่ดี ปิดแอร์/เปิดหน้าต่าง ดับเครื่องขณะรถติด รวมถึงการขับความเร็วต่ำๆ เพื่อรักษารอบเครื่องยนต์ แต่สำหรับคันของเรานั้นไม่ใช่เลย เราเปิดแอร์ขับแบบปกติ (พัดลมแอร์เบอร์แรก และน้ำยาแอร์ในระดับกลางๆ) ไม่ขับช้า และไม่ขับเร็วจนเกินไป มีความเร็วเดินทางอยู่ที่ 85-90 กม./ชม. พยายามออกตัวโดยการเติมคันเร่งที่แผ่วเบา รวมถึงสับเกียร์ขึ้น ตั้งแต่รอบต่ำๆ ในช่วงที่แรกบิดมาไม่เกิน 2,000rpm และในการขับขี่ พยายามไม่ลากรอบไปเกินกว่านี้โดยไม่จำเป็น แต่นั่นยังคงทำให้เรามาถึงเป็นคันแรกที่ปั๊ม
มีระยะทางการวิ่งทั้งสิ้น 237.9 กม. เติมน้ำมันดีเซลกลับเข้าไป แบบเขย่ารถ และเติมให้ขึ้นเต็มคอถัง ได้ 3.131 ลิตร คิดเป็นเงิน 94.9 บาท (30.32 บาท/ลิตร) ตก 75.98 กม./ลิตร คิดเป็นเงิน 0.4 บาท/กม.
และ เติม CNG เต็มได้ 5.307 กก. คิดเป็นเงิน 61.19 บาท (11.53 บาท/กก.) ตก 44.83 กม./กก. คิดเป็น 0.2 บาท/กม. เมื่อนำพลังงานทั้ง 2 ชนิดมารวมกัน จะมีค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น 0.6562 บาท/กม. ซึ่งรั้งอันดับ 2 จากรถทั้งหมด 10 คัน โดยผู้ที่ได้อันดับ 1 มีอัตราสิ้นเปลืองรวม น้อยกว่าคันของเรา เพียง 0.0004 บาท ได้ 0.6558 บาท/กม.
หลังจากที่ขับแบบประหยัด อัดอั้นมานาน ก็ได้ลองขับขี่กันแบบเต็มรูปแบบ จริงจัง พบว่าในการขับขี่ ด้วยการใช้เชื้อเพลิงร่วม ดีเซล และ CNG เมื่อเทียบกับดีเซลเพียงอย่างเดียวพบว่า ในช่วงที่คลึงคันเร่ง ที่รอบเครื่อง เกือบ 2,000rpm ที่เกียร์ 5 ในการขับช่วง Eco Run พบว่า การถอนคันเร่งออกในหลายจังหวะ รถมีอาการสะอึก แต่หากใช้ดีเซลเพียงอย่างเดียวจะไม่พบอาการนี้ ซึ่งเราได้สอบถามกับทางพี่ๆทีม วิศวกร พบว่า อาจเป็นไปได้จากหลายสาเหตุ เนื่องจากในจังหวะรอบเครื่องเท่านี้ อาจเป็นช่วงที่ Turbo Booster คือช่วงที่เทอร์โบกำลังจะเริ่มทำงาน ทำให้ในบางจังหวะที่ถอนคันเร่งออกก่อนค่อยๆ เติม ปริมาณ EGR อาจยังไม่มากพอจำนวนหนึ่ง ร่วมกับ กล่อง ECU ซึ่งอาจจะเป็นช่วงจังหวะที่ กำลังประมวลผลให้จ่าย เชื้อเพลิงในสัดส่วนเท่าใด และอีกวันหนึ่งที่เราไม่ได้ขับขี่รูปแบบประหยัดแล้ว ลองกันอีกครั้ง พบว่า ไม่เกิดอาการสำลัก ให้เห็น อีก ซึ่งอาจเป็นผลมาจากปัจจัยด้านอุณหภูมิด้วยอีกส่วนหนึ่ง
และ มีอาการคล้ายๆ กันอีกเมื่อถอนคันเร่งที่ความเร็วราว 140 กม./ชม. แล้วเติมคันเร่งเข้าไปใหม่ เหมือนกำลังเครื่องจะวูบตกไปเสี้ยววินาที ในขณะที่ถ้าใช้ดีเซลอย่างเดียวจะไม่เป็น
นอกจากนั้น ต้องเรียนตามจริงว่า เครื่องยนต์ D4D ของ Toyota Vigo 2.5 ลิตร 2KD-FTV (VNT) นี้ซึ่งมีความแรงพอตัวอยู่แล้วด้วย กำลัง 144 แรงม้า@3,400rpm และแรงบิด 343Nm@1,600-2,800rpm การขับด้วยเชื้อเพลิงร่วม DF-PCCI นี้ ให้ความรู้สึกแทบจะไม่แตกต่างกันเลย ทั้งช่วงออกตัว หรือ เร่งแซง การเร่งความเร็วในช่วง 120-140 กม./ชม. ยังไหลขึ้นได้อย่างทันใจ แต่ถ้าไล่ความเร็ว ตั้งแต่ 140 กม./ชม. ขึ้นไปจะพบว่าอัตราเร่ง Drop ลงอย่างชัดเจน แต่ยังสามารถไต่ขึ้นได้เรื่อยๆ จนไปสุดความเร็วปลายที่ 175 กม./ชม.
ในส่วนของช่วงล่าง ไม่ได้ทำอะไรเพิ่มเติม นอกจากเสริมแหนบด้านหลังเข้าไป อีก 1 ชั้น เพื่อรองรับกับการบรรทุกถังแก๊ส นั่นจึงส่งผลให้ ด้านหลังดูเฟิร์ม ขึ้น เวลาที่ขับด้วยความเร็ว หรือการเข้าโค้ง เนื่องจากมีน้ำหนักช่วยถ่วงหลัง จึงทำให้ท้ายไม่ร่อน แต่นั่นก็ส่งผลให้ มันมีอาการสะเทือน มากขึ้นกว่าปกติ ขณะที่ขับผ่านพื้นผิวที่ไม่ราบเรียบ สำหรับด้านหน้านั้นไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลง ก็ยังคงให้อาการแบบปกติทั่วไป คือ หากขับที่ความเร็ว ด้านหน้าจะยังดูลอยๆ อยู่บ้าง
สรุป กระบะเอราวัณ จาก SGP คันนี้ ถือเป็นรถที่ใช้เชื้อเพลิง Diesel CNG แบบ Full Control เป็นเจ้าแรก ด้วยระบบเผาไหม้ DF-PCCI โดยกล่องควบคุม ECU ที่ทำงาน จ่ายเชื้อเพลิง CNG ร่วมกับ ดีเซล ได้ดี มันให้กำลังในเทียบเท่าการใช้ดีเซลเพียงอย่างเดียว ซึ่งจะแตกต่างจากรถเบนซินแบบ Bi-Fuel ที่สมรรถนะอาจแตกต่างแบบ สัมผัสได้มากกว่า แต่ก็ยังบางช่วงขณะ ที่อาจมีอาการสำลักขออกเครื่องยนต์ออกมาบ้าง
โดยรวมแล้ว ด้วยราคาค่าตัว ที่สูงกว่ารถกระบะตัวพื้นฐานปกติ อยู่ 1.2 แสนบาท นั่นส่งผลให้มันเหมาะแก่ บริษัท, องค์กร หรือผู้ที่ใช้รถขนส่งในเชิงพาณิชย์ ชนิดวิ่งเยอะ เดือนละหลายหมื่น กม. มันจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเติมเชื้อเพลิงไปได้เยอะทีเดียว นอกจากนั้นยังต้องใช้งานจริงจัง โดยต้องการแรงบิดของเครื่องยนต์ดีเซล มากกว่า กำลังจากเครื่องนต์เบนซิน ที่เป็น CNG แบบ Bi-Fuel นั่นถึงจะดูเหมาะสม แก่การที่จะเลือกซื้อใช้รถกระบะเอราวัณ จาก SGP คันนี้
ภณ เพียรทนงกิจ Test Driver
ชมภาพเพิ่มคลิ๊ก
พบรถ Toyota และ Toyota Vigo มือ 2 ได้ที่ Thaicar.com
ความคิดเห็น