หลังจาก Suzuki Swift ได้สร้างกระแส Swift Fever ที่ไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็มีแต่คนพูดถึง โดยเฉพาะเรื่องยอดจองที่ทะลุเป้าจนต้องรอคิวกันเป็น ปี ปี ตั้งแต่รุ่นล่างยันรุ่นท็อปในเวอร์ชั่นแรกแบบเกียร์ออโต้ ก่อนจะส่งตัวจี๊ดรุ่นเกียร์ธรรมดามาเอาใจขาโจ๋ พร้อมกระแทกยอดขายซ้ำจนปลอดแตกอีกครั้งในช่วงปลายปี 2012 ซึ่งวันนี้เราได้นำมาทดสอบสมรรถนะให้ได้ดูกันว่าจะร้อนแรงสู้ตัวเกียร์อีัตโนมัติได้หรือไม่
Test Drive "Suzuki Swift GL/MT"
Suzuki Swift ใหม่ นั้นได้เปิดตัวครั้งแรกในขุมพลัง Eco แบบปราศจากรุ่นเกียร์ธรรมดาต่างจากค่ายอื่นที่มีครบ และมีให้เลือกอยู่ด้วยกัน 3 รุ่น คือรุ่น GA ราคา 469,000 บาท รุ่น GL ราคา 507,000 บาท และเป็นตบท้ายด้วยรุ่นท็อป GLX ที่ราคา 559,000 บาท ซึ่งเป็นรุ่นที่ได้รับความสนใจมากที่สุด..ซึ่งทั้ง 3 รุ่นนั้นจะมีออฟชั่นที่ต่างกันตามราคาค่าตัวที่ลดหลั่นกันไปบนพื้นฐานโครงสร้างเดียวกัน ก่อนจะส่งรุ่นเกียร์ธรรมดาที่มีให้เลือก 2 รุ่น คือรุ่น GA/MT ที่ราคาถูกสุดๆ 429,000 บาท กับตัวท็อปรุ่น GL/MT ที่ต้องเพิ่มเงินอีกนิดที่ราคา 467,000 บาท
Design&Interior
สำหรับ Suzuki Swift คันที่เราได้นำมาทดสอบในวันนี้นั้นเป็นรุ่น GL เกียร์ธรรมดาตัวท็อปซึ่งมาพร้อมกับตัวถังสีขาว Snow White Pearl ซึ่งมีดีไซน์ภายนอกที่หล่อเหลาพร้อมออฟชั่นต่างๆมาตรฐานเดียวกับรุ่น GL เกียร์อัตโนมัติแต่มีราคาที่ดึงดูดมากกว่า โดยถูกกว่ากันถึง 40,000 บาท แต่มีกุญแจแบบ Keylees Entry พร้อมปุ่ม Request Switch ที่มือเปิดประตูด้านหน้าทั้ง 2 ฝั่งที่ทำงานร่วมกับปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์แบบ Push Start มาให้พร้อมกระจกมองข้างแบบปรับและพับไฟฟ้า ซึ่งโดนใจวัยรุ่นที่มีโครงการจะโมดิฟายด์ต่อยอดเข้าอย่างจัง เรียกว่ารุ่นนี้แหละคือสิ่งที่ต้องการเพราะนอกจากอุปกรณ์ต่างๆที่ได้มาเกินคุ้มแล้วรุ่นนี้ยังดูดีและมีราคาต่ำกว่ารุ่นเกียร์ออโต้ตัวต่ำสุด GA ที่ออฟชั่นต่างๆขาดไปอยู่หลายรายการเรียกว่ามาทีหลังดังกว่าจริง
นอกจากราคาที่โดนใจแล้ว Swift เกียร์แมนนวลยังมีรูปร่างหน้าตาแบบพิมพ์เดียวกับตัวออโต้ ซึ่งต่อยอดมาจากโมเดลที่แล้วด้วยตัวถังที่ใหญ่และยาวขึ้นจากฐานล้อออกที่ยืดระยะออกไป 50 มม.บนพื้นฐานโครงสร้างเดิม มาพร้อมกับการดีไซน์ใหม่ที่แปลงโฉมให้ดูดีมีสไตล์มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นไฟหน้าที่คมขึ้นด้วยเส้นสายที่ยาวต่อเนื่องให้ความรู้สึกลงตัวมากขึ้น เช่นเดียวกับไฟท้ายที่ดีไซด์เข้ากับรูปทรงที่กระทัดรัดได้ลงตัวดูน่ารักคิกขุ รับกับด้านข้างที่ดูสวยขึ้นด้วยเส้นโชว์เดอร์ลายและแนวหลังคาที่ตัดตรงประกอบพร้อมเสา A สีดำเงาสไตล์แบบทูโทนซึ่งมี Mini Cooper เป็นต้นแบบ ส่วนล้อและยางนั้นเป็นสเป็กเดียวกับทุกรุ่น ยกเว้นรุ่นท็อปที่จัดแม็กขอบ 16 ดีไซน์สปอร์ตแบบหล่อพอดีซุ้มมาให้ แต่จัดชุดล้อกระทะเหล็กพร้อมฝาครอบไซด์ 15 นิ้วมาให้แทน ซึ่งไม่น่าจะเป็นปัญหาสำหรับขาซิ่งแต่อย่างใด เพราะแผนที่วางไว้ในสเต็ปแรกส่วนใหญ่คงจะต้องเป็นการเปลี่ยนแม็กสวยๆซักชุดเท่านี้ก็หล่อแล้ว
จากนั้นมาต่อกันที่ห้องโดยสารกันบ้างว่าจะดูดีเหมือนกับดีไซน์ภายนอกและดูคุ้มค่ามากน้อยแค่ไหนสำหรับออฟชั่นในรุ่นเกียร์ธรรมดาคันนี้ เมื่อเปิดประตูเข้ามาภายในสิ่งที่รู้สึกได้บรรยากาศดูสปอร์ตไม่แตกต่างจากรุ่นอื่นๆที่ค่าตัวสูงกว่า ด้วยการเลือกใช้โทนสีเทาเข้มสลับดำไม่ว่าจะเป็นวัสดุหุ้มเบาะหรือแผงประตู บวกกับเส้นสายที่ตัดด้วยสีเงินเมทัลลิกที่ทำให้ดูทันสมัยสมราคา ตั้งแต่มาตรวัดดีไซน์สปอร์ดพร้อมจอแสดงผลแบบ MID พวงมาลัยสามก้านแบบยูรีเทนตกแต่งด้วยสีเทาให้ดูสปอร์ตซึ่งคันนี้จะไม่มีสวิทซ์ควบคุมแบบมัลติฟังชั่น และเพียงปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ที่ทำงานร่วมกับกุญแจแบบ Keyless Entry ให้เปิดประตูได้สะดวกขึ้นมาตรฐานเดียวกับตัวท็อป เช่นเดียวกับเครื่องเสียง CD , MP3 แบบ 2 Din หน้าจอใหญ่ๆ ดีไซน์ลงตัวที่ใช้งานง่ายไม่สลับซับซ้อนพร้อมช่องเชื่อมแบบ USB พอร์ท ส่วนระบบปรับบอากาศนั้นจัดให้แบบแมนนวลที่ควบคุมผ่านลูกบิดทรงกลมแทนที่แผงควบคุมแบบดิจิตอลซึ่งมีเฉพาะในรุ่น GLX
ส่วนในด้านของความสะดวกสบายนั้น Swift MT ให้ความรู้สึกโดยรวมที่ไม่แตกต่างจากทั้งรุ่นล่างหรือตัวท็อป ด้วยเบาะนั่งนั้นแบบปรับมือที่ออกแบบได้ค่อนข้างกระชับด้วยปีกเบาะทั้ง 2 ข้างที่ยื่นออกมาเล็กน้อยและให้สัมผัสแบบเดียวกับรถสปอร์ตคือพื้นที่ Head Room จะแคบ เช่นเดียวกับส่วนเบาะนั่งแถวหลังที่มีช่องวางขาค่อนข้างจำกัด ซึ่งถือเป็นบุคลิกติดตัวที่ได้จากงานดีไซน์ที่สวยงามตามแบบฉบับ Mini Cooper จากเส้นหลังคาที่ลาดต่ำ และนี่ถือเป็นจุดด้อยที่หลายคนไม่สนใจขอแค่ข้างนอกดูเท่ไม่ซ้ำใครเท่านี้ Swift ก็สอบผ่านฉลุยแล้ว
Engine & Transmission
ขุมพลังของเจ้า Swift เกียร์ธรรมดาคันนี้ยังคงใช้ขุมพลังบล็อกเล็กสเป็คเดียวกับรุ่นออโต้ ซึ่งเป็นยนต์สไตล์ Eco แบบเบนซิน 4 สูบ 16 วาล์ว รหัส K12B ความจุ 1.25 ลิตร ที่มาพร้อมระบบวาล์วแปรผันทั้งฝั่งไอดีและไอเสีย ซึ่งให้กำลังสูงสุดที่ 91 แรงม้า ที่ 6,000 รอบพร้อมแรงบิด 118 นิวตันเมตร ที่ 4,800 รอบ/นาที และเปลี่ยนระบบส่งกำลังจากเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT มาเป็นเกียร์ธรรมดา 5 สปีดเป็นตัวส่งถ่ายกำลังแบบสั่งได้ด้วยตัวเองลงสู่ล้อคู่หน้า ซึ่งให้อัตราเร่งที่จัดจ้านเต็มอารมณ์ โดยเฉพาะพวกที่เท้าหนัก แค่เข้าเกียร์แล้วกดคันเร่งเต็มๆ พร้อมยกเท้าซ้ายจากแป้นคลัทซ์ เจ้า Swift MT มันก็พร้อมกระโจนออกไปแบบมีฟรีทิ้งถึง 2 เกียร์ ก่อนจะลากรอบต่อจนสุดเกียร์พร้อมเข็มวัดรอบที่ตวัดขึ้นไปแตะเส้น Red Line ที่ 6,250 รอบ/นาที ที่ความเร็วประมาณ 90 กม./ชม. ซึ่งต่างกับตอนขับรุ่นเกียร์ CVT ที่ตอบสนองด้วยรอบเครื่องยนต์แบบค่อยๆไต่ขึ้นมาพร้อมกับความเร็วแบบ ชิว ชิว สไตล์อีโค่คาร์ และปล่อยให้เกียร์ธรรมดาโชว์อัตราเร่งที่เหนือกว่าค่อนข้างชัดในทุกย่านความเร็วที่ทิ้งห่างราว 2 วินาที อย่างเช่นที่ความเร็ว 0 - 100 กม./ชม. นั้นรุ่น MT ใช้เวลาไป 13.1 วินาที ซึ่งเร็วกว่ารุ่นเกียร์ CVT ที่วิ่งทะลุไปถึง 15.4 วินาที ก่อนจะไปจบตรง Top Speed ที่ 170 กม./ชม. ซึ่งน้อยกว่ารุ่นเกียร์ธรรมดาที่ยังไปได้ต่อจนสุดที่ 175 กม./ชม.เลยทีเดียว และนี่เองที่เป็นเหตุผลให้ขาซิ่งไม่ค่อยจะถูกฉโลกกับเกียร์ CVT นัก ยิ่งถ้าลองได้ขับ Swift เกียร์ธรรมดาเข้าไปอีกล่ะก็ ความจี๊ดจ๊าดของมันอาจทำให้คุณลืมเกียร์อัจฉริยะแบบ CVT ไปเลย เพราะทั้งอัตราเร่งประกอบกับฟิลลิ่งมันๆ ตอนเปลี่ยนเกียร์ซึ่งมีช่วงเกียร์ที่สั้นกระชับขับสนุกแล้ว งานนี้อาจทำให้คุณขับเพลินจนลืมความเป็น Eco Car ไปชั่วขณะจนกว่าจะเติมน้ำมัน
เพราะในด้านของอัตราสิ้นเปลืองนั้น รุ่นเกียร์ธรรมดาดูจะเป็นลองเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ที่สามารถบริหารจัดการรอบเครื่องยนต์และแรงบิดได้อย่างสม่ำเสมอและต่ำกว่ามากในความเร็วที่เท่ากัน ด้วยการขับแบบเดินคันเร่งปกติ ตัวอย่างเช่น ที่ความเร็ว 80 กม./ชม. ในตำแหน่งเกียร์ 5 ของรุ่น MT จะใช้รอบเครื่องยนต์เกินกว่า 2,150 รอบ/นาที ในขณะที่ CVT จะรักษารอบไว้ที่ประมาณ 1,500 รอบเท่านั้น และที่ความเร็ว 100 กม./ชม. เกียร์ธรรมดายังคงลากรอบทิ้งห่างไปถึง 2,650 รอบ ในขณะที่ CVT จะใช้รอบที่ต่ำกว่าที่ 1,850 รอบ/นาที และได้ผลตัวเลขจากการขับบนระยะทางเฉลี่ยทั้งในและนอกเมืองรวม 150 กม. ซึ่งใช้ความเร็วเฉลี่ยที่ 90 กม./ชม.นั้น Swift MT มีตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองทีี่พอรับได้ที่ 16.4 กม./ลิตร ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่ดีกว่ารถกลุ่มคอมแพ็กเครื่อง 1.5 แต่แน่นอนว่ามันต้องพ่ายให้กับศิษฐ์พี่รุ่นเกียร์ CVT ซึ่งประหยัดกว่าที่ 18.1 กม./ลิตร ไปตามระเบียบ
Handling & Ride & Brake
จากนั้นมาต่อกันที่แฮนด์ลิ่งในการขับขี่กันบ้าง และจากการลองขับทดสอบในสภาพการใช้งานปกติบนท้องถนนหลวงที่ Swift เกียร์ธรรมดาอาจตอบโจทย์เรื่องความคล่องได้เป็นอย่างดีด้วยน้ำหนักพวงมาลัยที่เบามากๆขณะจอดหรือวิ่งด้วยความเร็วต่ำ จะต่างกันตรงที่ต้องคอยมาสับเกียร์อยู่ตลอดในช่วงติด ซึ่งถ้าเป็นมือเก๋าที่ขับคล่องคงไม่มีปัญหาแต่ถ้าเป็นมือใหม่หัดขับกับรถคันแรกราคา Super Save ล่ะก็คงต้องทำใจหน่อย หรือไม่ก็แนะนำให้เพิ่มเงินอีกนิดขยับไปเป็นรุ่นออโต้น่าจะเหมาะกว่า ส่วนในจังหวะที่สามารถทำความเร็วได้ต่อเนื่องแถวๆ 120 กม./ชม. จะเริ่มรู้สึกถึงอาการเดิมคือหน้าไวจากพวงมาลัยแบบแร็กแอนด์พิเนียนซึ่งไวกว่ารุ่น CVT เล็กน้อยด้วยน้ำหนักถ่วงของชุดเกียร์ที่เบาลงบวกกับท้ายที่เริ่มโยนมากขึ้นโดยเฉพาะช่วงที่ขึ้นลงบริเวณคอสะพาน จากช่วงล่างด้านหลังแบบคานบิดหรือทอร์ชั่นบีมที่เซ็ทค่าให้มีความนุ่มนวลนั่งสบายเป็นหลักจึงมีอาการรีบราวน์หลายครั้งถ้าขึ้นลงเต็มแรง
จากนั้นมาต่อกันที่การขับแบบ Slalom หรือซิกแซ็กผ่านช่องไพล่อนที่แคบแบบพอดีคันแบบเดียวกับที่เราเคยลองกับรุ่นเกียร์อัตโนมัติมาแล้ว ซึ่งเจ้า Swift GL/MT นั้นโชว์พาวด์ตั้งแต่ออกตัวด้วยเสียงยางที่เบียดกับพื้นถนนก่อนหักหัวเข้าช่องไพล่อนผ่านไปซ้าย/ขวาสลับกันไปมาอยู่ 4 - 5 รอบ ก็พอรู้สึกได้แฮนลิ่งด์ด้านหน้าที่เบากว่ารุ่นเกียร์ออโต้ ซึ่งถ้าเข้าแรงมากๆจะมีอาการหน้าดื้อนิดๆให้ต้องดึงพวงมาลัยแก้นิดหน่อย ซึ่งโดยภาพรวมแล้วถือว่ายังเฉียบคมและให้ความรู้สึกสปอร์ตมากกว่าคู่แข่งในกลุ่มเดียวกันจากค่ายอื่น
สุดท้ายคืออุปกรณ์เสริมความปลอดภัยที่ Swift เกียร์ธรรมดานั้นมีให้มาตรฐานเดียวกับรุ่นรองท็อปด้วยระบบเบรกแบบดิสก์หน้า ดรัมหลังที่พ่วงถุงลมนิรภัยฝั่งคนขับมาให้เพื่อความอุ่นใจในสเต็ป Eco ตามราคาค่าตัวที่ต่ำในระดับ 5 แสนนิดๆได้อย่างสมเหตุสมผล โดยไม่มี ABS และ EBD มาให้ในรุ่นนี้
Tester Verdict
หลังจากที่ได้ทดสอบ Suzuki Swift ใหม่มาแล้วทั้งรุ่น GL และ GLX เกียร์อัตโนมัติรวมถึงรุ่นเกียร์ธรรมดาในครั้งนี้ อย่างแรกที่อยากบอกคือว่าถ้าคุณได้ลองอยู่ใกล้กับมันทุกวัน จากที่เคย ติโน่น บ่นนี้ มาวันนี้ Swift กลับดูดีโดนใจจนข้อด้อยต่างๆเริ่มเลือนลางออกไปหมด โดยเฉพาะดีไซน์เท่ๆที่สัมผัสได้ด้วยตาอยู่ทุกๆวัน และยิ่งเป็นรุ่นเกียร์ธรรมดาที่ขับสนุกสั่งได้แบบนี้ที่มีราคาค่าตัวไม่แรงจนเกินไป "แบบนี้ใครจะอดใจไหว" ถึงจะแคบไปหน่อยหรือออฟชั่นจะมีให้แค่พอใช้ ไม่จัดมาให้แบบเต็มเหยียดจนตาลายเหมือนคู่แข่งบางค่ายก็ตาม Swift ก็ยังเป็นรถ Eco Car ที่น่าสนใจที่สุดอีกคันหนึ่งในตอนนี้อย่าง ติดอยู่อย่างเดียวคือศูนย์บริการค่อนข้างน้อยแถมยังต้องรอรถนานแบบข้ามปี แบบนี้ไม่รู้ว่าแฟนๆ Swift จะพากันถอดหมดรึป่าว..อันนี้ต้องรอลุ้นว่า Suzuki จะมีไม้เด็ดอะไรออกมารับมือในงานโชว์รถใหญ่ช่วงต้นปีที่กำลังจะมาถึงนี้โปรดติดตาม
Specification : Suzuki Swift GL/MT
รายละเอียดการผลิต
รุ่นปี: 2012
ประเทศผู้ผลิต: ไทย
ผู้จำหน่ายในประเทศไทย: บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด
ประเภทรถยนต์: Sub Compact
ราคา (แสนบาท) : 5.07
Dimension:
ความยาว : 3,850
ความกว้าง : 1,695
ความสูง : 1,510
ความยาวฐานล้อ : 2,430
ความกว้างฐานล้อ หน้า/หลัง : 1,490/1,495
น้ำหนักตัว (กก.) 950
Engine
รหัส K12B
แบบ เบนซิน 4 สูบ 16 วาล์วพร้อมระบบวาล์วแปรผันทั้งไอดีและไอเสีย
ปริมาตรกระบอกสูบ 1,242 ซีซี
อัตราส่วนกำลังอัด 11.0 : 1
ความกว้างกระบอกสูบxช่วงชัก (มม.) 73.0x74.2
ระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง หัวฉีดมัลติพอยด์ MPI
กำลังสูงสุด(hp.@rpm.) 91@6,000
แรงบิดสูงสุด(Nm.@rpm.) 118@4,800
เชื้อเพลิง เบนซิน 95 แก๊สโซฮอล์ 95 (E10) E20
ความจุถังน้ำมัน(ลิตร) 42
Drivertrain
ระบบขับเคลื่อน 2 ล้อหน้า
เกียร์อัตโนมัติ CVT แบบ Sub-Transmission
Gear Ratio
1 3.454
2 1.857
3 1.28
4 0.966
5 0.757
R 3.272
เฟืองท้าย 4.388
Steering
แบบ แร็คแอนด์พิเนียน
วงเลี้ยวแคบสุด (ม.) 4.8
Suspension
หน้า อิสระแม็กเฟอร์สันสปริงตรัท พร้อมคอยล์สปริง
หลัง ทอร์ชั่นบีมพร้อมคอยล์สปริง
Break
หน้า ดิสก์เบรกแบบมีช่องระบายความร้อน
หลัง ดรัมเบรก
พร้อมระบบ ABS / EBD
Wheel+Tire
ล้อกระทะเหล็กพร้อมฝาครอบ 15 นิ้ว
ยาง 175/65R15
Test Result : Suzuki Swift GL/MT
รอบเครื่องยนต์ที่ความเร็วต่างๆที่เกียร์ 5
km./h rpm.
60 1,500
80 2,150
100 2,650
120 3,250
140 3,600
รอบเครื่องยนต์สูงสุด (Stop/Run) 6,500
Acceleration
(km./h) sec.
0-50 9.8
0-80 13.5
0-100 13.1
Consumption (km./l.)
AVR. 16.4
Special Thank
บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด
ความคิดเห็น