ลองขับ บีเอ็มดับเบิลยู 525ดี เอ็ม สปอร์ต ปรับหน้าตามาเพื่อเฉี่ยว

ลองขับ บีเอ็มดับเบิลยู 525ดี เอ็ม สปอร์ต โฉมปี 2014 ปรับหน้าตามาเพื่อเฉี่ยว รุ่นท๊อปของซีรี่ส์ 5 โฉมใหม่ล่าสุดในการทำการทดสอบบนเส้นทางอุดรธานี-กทม.

ทดลองขับ บีเอ็มดับเบิลยู 525ดี เอ็ม สปอร์ต 2014

หลังจากที่เห็นหน้าค่าตากันมาได้สักระยะ ในที่สุด บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย ก็ได้ฤกษ์ยกทัพนักข่าวไปทดสอบรถยนต์กลุ่มที่ผลิตในประเทศกันไกลถึงภาคอีสาน ซึ่งแน่นอนว่าเราเลือกที่จะจับจอง บีเอ็มดับเบิลยู 525ดี เอ็ม สปอร์ต ซึ่งถือเป็นรุ่นท๊อปของซีรี่ส์ 5 โฉมใหม่ล่าสุดในการทำการทดสอบบนเส้นทางอุดรธานี-กทม.

บีเอ็มดับเบิลยู 525ดี เอ็ม สปอร์ต โฉมปี 2014 ซึ่งเป็นรุ่นไมเนอร์เชนจ์ล่าสุดนั้น ถูกผลิตขึ้นที่โรงงานในประเทศไทย ทำให้สนนราคาที่แม้จะเป็นรุ่นท๊อปและมาพร้อมชุดแต่งเอ็มรอบคันและเครื่องยนต์ที่ทรงสมรรถนะที่สุดของรุ่น สนนราคาก็ยังอยู่ในกลุ่มที่จับต้องได้ โดยบีเอ็มดับเบิลยูเคาะราคารถที่นำมาทดสอบคันนี้ที่ 3.999 ล้านบาทเท่านั้น

ภายนอก บีเอ็มดับเบิลยู 525ดี เอ็ม สปอร์ต

รูปร่างหน้่าตาภายนอกได้รับการตกแต่งอีกครั้งให้มีความสปอร์ตโฉบเฉี่ยวมากขึ้น เน้นความดุดันในภาพรวมด้วยการเพิ่มสีสันที่ตัดกันในตำแหน่งต่าง ๆ เช่น ที่กรอบโคมไฟตัดหมอกหน้าและกันชนหลังด้านล่างที่เป็นสีดำ ขณะที่โครงสร้างตัวถังภายนอกไม่ได้มีอะไรแตกต่างจากรุ่นเดิมมากนัก

มิติของตัวรถบีเอ็มดับเบิลยู 525ดี เอ็ม สปอร์ต กว้าง 1,860 มิลลิเมตร ยาว 4,907 มิลลิเมตรและสูง 1,475 มิลลิเมตร โดยรถยนต์เปล่า ๆ มีน้ำหนักที่ 1,730 กิโลกรัม ให้ความสะดวกสบายในการโดยสาร และการบรรทุกของก็ทำได้อย่างดีเยี่ยม ด้วยพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลังที่มีปริมาตรในการบรรจุถึง 520 ลิตร

กรอบโคมไฟหน้าและท้ายปรับปรุงเล็กน้อยเพื่อให้มีมิติของกรอบโคมไฟมากขึ้น พร้อมเสริมความดุเดือดด้วยล้อแมกซ์ลาย 5 ก้านคู่ขนาด 18 นิ้ว ซึ่งทำให้ตัวรถในภาพรวมดูดุขึ้นกว่าเดิม ยิ่งเมื่อมารวมกับภาพรวมของชุดแต่งทั้งหมดแล้ว ก็ทำให้รถดูมีเสน่ห์มากขึ้นเมื่อยามอยู่บนท้องถนน

ติดตั้งอุปกรณ์มาอย่างครบครันที่ภายนอก ไม่ว่าจะเป็นไฟหน้าแอลอีดีแบบปรังองศาตามการเลี้ยวของล้อ ไฟตัดหมอกแบบแอลอีดี ระบบการปรับการทำงานของไฟสูงแบบอัตโนมัติ ระบบเปิดประตูรถแบบไม่ต้องกดรีโมท พร้อมระบบเซนเซอร์ฝากระโปรงท้ายแบบอัตโนมัติ

เครื่องยนต์ บีเอ็มดับเบิลยู 525ดี เอ็ม สปอร์ต

เครื่องยนต์ดีเซล บีเอ็มดับเบิลยู ทวินพาวเวอร์ เทอร์โบแบบ 4 สูบ ขนาด 1,995 ซีซี. ให้กำลังสูงสุด 218 แรงม้าที่ 4,400 รอบต่อนาที และให้แรงบิดมหาศาลที่ 450 นิวตันเมตร ตั้งแต่รอบต่ำเพียง 1,500-2,500 รอบต่อนาที ใช้เวลา 6.9 วินาทีในการวิ่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 243 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

การส่งกำลังเป็นหน้าที่ของเกียร์อัตโนมัติแบบ 8 จังหวะ ที่เซตอัพมาแบบสปอร์ตเพื่อให้ได้การขับขี่ที่สนุกสนาน โดยตามสเปกระบุว่ารถยนต์คันนี้ใช้น้ำมันเล็กน้อยเฉลี่ยที่ 21.3 กิโลเมตรต่อลิตร และยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้ออย่างดีเยี่ยม ด้วยอัตราการปล่อยไอเสียเพียง 123 กรัมต่อระยะทางวิ่ง 1 กิโลเมตร

ภายใน บีเอ็มดับเบิลยู 525ดี เอ็ม สปอร์ต

ภายในมาพร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกมากมาย ไล่ไปตั้งแต่เบาะหนังแท้ดาโกต้า ซึ่งเบาะที่นั่งตอนหน้าเป็นแบบสปอร์ตและรองรับบั้นเอว ปรับด้วยไฟฟ้าและมีระบบความจำที่ฝั่งคนขับ ภายในเน้นการตกแต่งด้วยอลูมิเนียมเพื่อเพิ่มความสปอร์ตมากขึ้น

ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติพร้อมแยกการควบคุมทั้ง 2 ฝั่งอย่างเป็นอิสระต่อกัน การควบคุมฟังชั่นต่าง ๆ ทำผ่านจอแสดงผลขนาด 10.2 นิ้วและปุ่มไอไดร์ฟที่มาพร้อมแป้นสำหรับเขียนคำสั่งที่ด้านบนปุ่มได้ทันที แผนที่นำทางแบบ 3 มิติ ระบบแฮนด์ฟรีและบลูทูธที่ติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ทำให้รถดูเป็นมิตรในการขับขี่มากขึ้น

นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยูยังได้อัดระบบด้านความปลอดภัยให้กับรถคันนี้อย่างเต็มพิกัด ไม่ว่าจะเป็นถุงลมนิรภัยคู่หน้า ถุงลมด้านข้างสำหรับผู้โดยสารตอนหน้า ถุงลมนิรภัยที่ศีรษะ ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรกและระบบเพิ่มแรงเบรกอัตโนมัติ และหากเกิดการชน รถยนต์จะตัดการส่งจ่ายน้ำมัน ปลดล็อกประตูและเปิดสัญญาณไฟฉุกเฉินทันที

ในด้านการขับขี่นั้น ต้องบอกว่าเครื่องยนต์ดีเซลของบีเอ็มดับเบิลยูก็ยังเป็นหนึ่งในเครื่องยนต์ที่ดีที่สุดของรถยนต์กลุ่มนี้ ด้วยเครื่องยนต์ที่เรียกพละกำลังมาได้อย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว การใช้งานไม่ว่าจะบนถนนหลวงหรือทางคับแคบที่เน้นการเร่งแซง ถือว่าทำได้ในมาตรฐานของบีเอ็มดับเบิลยูที่หาคู่แข่งมาเทียบยาก

หากชอบรถที่ให้ความรู้สึกที่ค่อนข้างดิบไม่ออกแนวคุณชายมากเกินไป รถ บีเอ็มดับเบิลยู 525ดี เอ็ม สปอร์ต คันนี้น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดี หรืออยากจะลดต้นทุนสัก 1 แสนบาท แล้วหันไปหารุ่น 525ดี ลักชัวรี่ ที่ชุดแต่งทั้งหมดจะหายไป พร้อมการตกแต่งแบบหรูหราด้วยการใส่ลายไม้แทนสีเงินเมทัลลิก และแถมระบบเอนเตอร์เทนเมนต์ที่ตำแหน่งผู้โดยสารด้านหลังเพิ่มเข้ามา ก็ไม่ได้เลวร้่ายนัก

ระบบที่เพิ่มให้มาอย่างแป้นพิมพ์ตัวอักษรบนปุ่มไอไดร์ฟนั้นใช้งานไม่ง่ายนัก และต้องใช้เวลาในการเรียนรู้ที่จะออกคำสั่งผ่านระบบดังกล่าว ขณะที่ภาพรวมของการใช้งานนั้น เพียงพอในการเลือกมาเป็นรถใช้งานในชีวิตประจำวันสักคัน โดยที่ไม่ต้องไปตกแต่งหรือปรับปรุงอะไรเพิ่มอีกแล้วสำหรับรถรุ่นนี้

อีกข้อดีของรถยนต์เครื่องยนต์ดีเซลจากบีเอ็มดับเบิลยูก็คือเรื่องของอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันที่อยู่ในระดับหรูเลิศล้ำ แม้สมรรถนะของรถจะดุเดือดเพียงใด อัตราการสิ้นเปลืองก็อยู่ที่ระดับ 14-15 กิโลเมตรต่อลิตรอย่างสบาย ๆ แถมถ้าขับดีดีแบบไปเรื่อย ๆ อัตราการสิ้นเปลืองจะขยับไปอยู่ที่ 17-18 กิโลเมตรต่อลิตรอย่างไม่ต้องสงสัย

หน้าตาหรู ขับดี มีชุดแต่ง แถมราคาไม่แรงแบบนี้ ถ้าซื้อไหวจัดได้เลย!!!