ไปลอง เมอร์เซเดส-เบนซ์ บี180 สปอร์ต สปอร์ตทัวเรอร์ เครื่องยนต์เล็ก...ใจใหญ่!!!

แม้จะเป็นรถยนต์ที่ค่ายรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ ไม่ค่อยกล่าวขวัญถึง แถมยังมีรูปร่างหน้าตาแปลกประหลาด แต่เชื่อว่าหากได้ลองนั่งหลังพวงมาลัยเมอร์เซเดส-เบนซ์ บี180 สปอร์ต ดูสักครั้ง คุณอาจจะเปลี่ยนความรู้สึกที่มีกับรถยนต์คันนี้

เพราะแค่บอกว่ารถยนต์ที่มีรูปร่างใหญ่โตพอประมาณคันนี้ มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาดเล็กเพียง 1.6 ลิตร หลายคนก็อาจจะสงสัยว่ารถจะวิ่งออกหรือไม่ แถมพอบอกราคาจำหน่ายที่เคาะอยู่ที่ 2.29 ล้านบาท ในการเป็นรถยนต์นำเข้าแบบสำเร็จรูป ก็ยิ่งมีคนสงสัยว่ารถคันนี้ดีพอที่จะควักกระเป๋าจ่ายหรือไม่

บี-คลาสเป็นรถยนต์ในกลุ่มสปอร์ตทัวเรอร์จากค่ายดาวสามแฉกที่ออกแบบมาเพื่อมุ่งเน้นในเรื่องของการเดินทางไปไหนมาไหนเป็นหลัก ไม่ได้สนในในสมรรถนะแบบฉูดฉาดหรือภาพลักษณ์สปอร์ตเหมือนอย่างที่เอ-คลาสเป็น แม้ว่าในอดีตจะเคยเป็นรถที่พัฒนาคู่กันมาก็ตาม

แต่สำหรับในรุ่นปัจจุบัน ทีมออกแบบและทีมวิศวกรของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ได้ทำการพัฒนารถยนต์รุ่นนี้แยกออกมาอย่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวแยกจากรถรุ่นอื่น ๆ โดยเด็ดขาด ซึ่งในตอนเปิดตัวมาพร้อมเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร แต่ในรุ่นที่นำมาทดสอบหันมาคบเครื่องยนต์ 1.6 ลิตรแทน

หลังจากใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน 4 วัน 3 คึน ก็พบว่ารถคันนี้เป็นรถที่มีดีมากกว่าหน้าตาที่ออกแนวธรรมดา เครื่องยนต์ที่มาในแนวเนิบ ๆ แต่ก็แอบซิ่งได้ และความโดดเด่นในเรื่องของการบรรทุกผู้โดยสารและสัมภาระที่ไม่เป็นรองใคร

ถ้าเป็นกลุ่มตัวอย่างที่ใช่และอยากค้นหารถในรูปแบบดังกล่าว คงไม่มองข้ามอย่างแน่นอน!!!

ภายนอกสุขุม แฝงความสปอร์ตไว้เงียบเงียบ

รถยนต์ในค่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์ในยุคหลัง ๆ ก็หนีกระแสความเป็นไปของโลกยานยนต์ไม่ค่อยพ้น ทำให้เราเห็นรถที่พยายามออกแบบเพื่อเน้นความโฉบเฉี่ยวแบบสปอร์ตมากขึ้น ซึ่งบางทีก็ทำให้ฟังชั่นการใช้งานบางอย่างถูกลดทอนลงไปอย่างน่าเสียดาย

บี180 สปอร์ต ถูกออกแบบมาในแบบที่ไม่แฟชั่นจ๋าจนเกินไป แต่แลกกลับมาด้วยความสูงโปร่งและใหญ่ของตัวถังรถ ที่แน่นอนว่าส่งผลดีในเรื่องของการโดยสาร ภายใต้ตัวถังที่พยายามเน้นการเล่นเส้นสายเพื่อให้ดูมีมิติและจับสายตามากขึ้น

ชุดไฟหน้าน่าจะเป็นจุดที่ดูล้ำยุคที่สุด ด้วยไฟเดย์ไทม์แบบแอลอีดีที่ออกแบบมาอย่างลงตัว โคมไฟหน้าแบบไบซีนอน กระจกมองข้างมีไฟเลี้ยวที่ออกแบบมาอย่างสวยงาม และโคมไฟท้ายที่มีขนาดใหญ่แปลกตา

ตัวรถไม่ได้เน้นการออกแบบให้ดูแข็งแกร่งมากนัก เราจึงไม่ได้เห็นลายเส้นและมัดกล้ามอลังการจากรถคันนี้ แต่ก็มีความคิดด้านการเน้นความสปอร์ตด้วยกระจังหน้าขนาดใหญ่ เส้นสายที่พาดบนบ่าของฝากระโปรงหน้า ที่ลากออกไปที่ด้านข้างตัวถังและหยุดอยู่แค่ตรงนั้น

เสริมหล่อกันด้วยปลายท่อไอเสียคู่ ซึ่งไม่รู้ว่ามีหน้าที่อะไรนอกจากทำให้บั้นท้ายดูดีขึ้นมาเล็กน้อย ขณะที่ล้อแม็กซ์ลาย 7 ก้านคู่ ขนาด 17 นิ้วที่ติดตั้งมาให้ก็ยังดูเล็กไป เมื่อเทียบกับขนาดของรถ แม้จะไม่มีที่ติดในเชิงสมรรถนะก็ตาม

เครื่องยนต์ไซส์เล็ก ไปได้เรื่อย ๆ แอบซิ่งได้บางจังหวะ

ทีมงานของเมอร์เซเดส-เบนซ์ เลือกเครื่องยนต์เบนซิน แถวเรียงแบบ 4 สูบ 16 วาล์ว เทอร์โบพร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ ขนาด 1,595 ซีซี. เข้ามาติดตั้งให้กับบีคลาส โดยเครื่องยนต์รุ่นนี้ให้กำลังสูงสุด 122 แรงม้าที่ 5,000 รอบต่อนาทีและแรงบิดสูงสุด 200 นิวตันเมตรที่ 1,250-4,000 รอบต่อนาที

เห็นสเปกเครื่องยนต์ต่าง ๆ แล้วแอบเหวอว่าเครื่องยนต์จะลากรถที่น้ำหนักรถเปล่าเกือบตันครึ่งไปในสภาพไหน แต่จากสเปกก็ระบุว่ารถคันนี้วิ่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ใน 10.2 วินาทีและสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 190 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด พร้อมระบบเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย ผ่านระบบขับเคลื่อนล้อหน้า โดยให้อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยที่ 5.8-5.9 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร หรือประมาณ 17 กิโลเมตรต่อลิตร แต่หากวิ่งในเมืองจะกินน้ำมันเพิ่มเป็น 7.6 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตรหรือ 13 กิโลเมตรต่อลิตรเลยทีเดียว

ต้องเรียกว่าไม่คุ้นเคยกันเลยทั้งเครื่องยนต์ขนาดเล็กและระบบขับเคลื่อนล้อหน้า ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่พบเห็นได้ง่ายนักในรถยนต์ทื่ติดตั้งโลโก้ตราดาว และก็ต้องยอมรับว่าเครื่องยนต์รุ่นนี้อาจจะให้การตอบสนองในการออกตัวที่ไม่ได้ยอดเยี่ยมอะไรมากมากนักก็ตามที

การกดคันเร่งเพื่อให้รถออกตัวอาจจะต้องรอสักเล็กน้อย แต่ก็ไม่มากนักเพราะแรงบิดของเครื่องมาที่รอบต่ำ ทำให้เมื่อกดคันเร่งไปถึงจุดหนึ่ง รถจะพุ่งออกตัวไปอย่างรวดเร็ว และทำความเร็วไปได้ดีอย่างต่อเนื่องจนถึงความเร็วระดับ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ในยามที่ต้องการเร่งแซง หากอยู่ที่ความเร็วและรอบไม่สูงมาก สามารถกดคันเร่งเพื่อเรียกการตอบสนองของเครื่องยนต์ได้ทันที หรือจะเปลี่ยนเกียร์ต่ำเพื่อช่วยเรียกกำลังก็ทำได้อย่างง่ายดายไม่แพ้กัน

ภายในเน้นสบาย เข้าออกง่ายดาย หรูหราพอประมาณ

อย่างที่บอกไปแล้วว่าการออกแบบรถยนต์คันนี้เน้นไปที่การเป็นรถสำหรับการใช้งานเพื่อการเดินทางโดยเฉพาะ ทำให้การวางตำแหน่งเบาะที่นั่งของบี-คลาสออกมาในแนวสบาย ๆ ไม่ได้บีบรัดตัวผู้โดยสารในทุกตำแหน่งเหมือนรถกึ่งสปอร์ตทั่วไป

เบาะที่นั่งในทุกตำแหน่งรองรับน้ำหนักผู้โดยสารสำหรับการเดินทางไกลได้เป็นอย่างดี ประตูบานหลังเปิดกว้างเพื่อรับผู้โดยสารให้ก้าวเข้าสู่ห้องโดยสารตอนหลังได้อย่างไม่มีที่ติ ตำแหน่งของเบาะนั้นพอเหมาะพอเจาะ เรียกว่าคนแก่นั่งทางไกล ๆ ได้อย่างสะดวกสบาย

ขณะที่อุปกรณ์ภายในก็ติดตั้งมาให้ในมาตรฐานของเมอร์เซเดส-เบนซ์ แผงหน้าปัดแบบเรียบหรูมาพร้อมช่องแอร์ทรงกลม และเมทักลิกในตำแหน่งต่าง ๆ สลับกับพลาสติกกัดลายที่ทำให้รถดูเหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวันมากกว่าเป็นรถหรูที่เอาไว้จอดดูเฉย ๆ

จอคอมมานด์ขนาด 7 นิ้วตรงกลางแผงคอนโซลหน้าเป็นแบบติดตั้งถาวร และมักจะถูกเข้าใจผิดว่าเป็นจอสัมผัสเสมอ แต่จริง ๆ แล้วก็ต้องสั่งการทำงานผ่านปุ่มคอมมานด์ที่ด้านซ้ายมือของคนขับ ซึ่งตำแหน่งของปุ่มดูอยู่ใกล้ตัวคนขับมากเกินไป ทำให้ต้องงอแขนมากกว่าปกติในยามใช้งาน

เบาะตอนหน้าปรับด้วยระบบไฟฟ้า ขณะที่เบาะตอนหลังสามารถพับได้แบบ 60:40 เพื่อเพิ่มพื้นที่วางสัมภาระด้านท้าย ซึ่งทำให้ขยายพื้นที่ในส่วนนี้่ได้มากถึง 1,547 ลิตรกันเลยทีเดียว

อัดอุปกรณ์ความปลอดภัยเต็มพิกัดมาตรฐานรถยุโรป

ด้วยมาตรฐานของเมอร์เซเดส-เบนซ์ การใส่อุปกรณ์ด้านความปลอดภัยเข้ามาแบบเต็มพิกัดนั้น น่าจะเป็นมาตรฐานไปโดยกลาย ๆ ที่ไม่ว่ารถจะจำหน่ายในราคาเท่าใด ก็ย่อมต้องใส่กันมาแบบไม่ยั้ง และในบี-คลาสคันนี้ก็เช่นเดียวกัน

ถุงลมนิรภัยสำหรับผู้โดยสารตอนหน้า มาพร้อมม่ายถุงลมนิรภัยเพื่อป้องกันศีรษะ โดยโครงสร้างของรถแบบนิรภัยมาพร้อมคานนิรภัยกันกระแทกด้านข้าง ระบบช่วยเบรกต่าง ๆ มากมายที่ทำให้รถคันใหญ่โตสามารถจอดได้อย่างสนิทในยามฉุกเฉิน

นอกจากนี้ ยังติดตั้งระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติและระบบควบคุมความเร็ว รวมถึงระบบช่วยนำรถเข้าจอดโดยอัตโนมัติ มาเพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้งาน และอาจจะเหมาะกับผู้ที่ไม่คุ้นชินกับรถใหญ่ขนาดนี้

จุดด้อยมี จุดดีเยอะ แค่ต้องถามว่ารถคันนี้ใช่หรือเปล่ากับไลฟ์สไตล์คุณ

ปกติแล้วรถโดยทั่วไปก็มีจุดดีสลับด้อยปนปนกันไปอยู่แล้ว อย่างในบี180 สปอร์ตคันนี้ ผมไม่ค่อยเห็นด้วยกับการนำเครื่องยนต์ไซส์เล็กขนาดนี้มาติดตั้งในรถขนาดใหญ่ หากได้เครื่องยนต์ 1.8 ลิตรที่เคยติดตั้งอยู่ก่อน น่าจะทำให้การขับขี่เป็นไปได้อย่างสบายมากขึ้น

ในการออกต่างจังหวัด แม้จะสามารถขับไปได้เรื่ีอย ๆ แบบไม่มีปัญหา แต่ในการเร่งแซงนั้นจำเป็นที่ต้องใช้ทักษะและการกะระยะของรถมากขึ้นสักเล็กน้อย ซึ่งมันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วสำหรับรถเครื่องยนต์ 1.6 ลิตรที่ต้องระมัดระวังเรื่องดังกล่าว

อุปกรณ์ภายในที่ติดตั้งมาให้อาจจะทำให้สับสน โดยเฉพาะที่ด้านหลังคอพวงมาลัยที่เมอร์เซเดส-เบนซ์พยายามรวมอุปกรณ์หลาย ๆ อย่างเข้าไว้ในก้านควบคุมอันเดียวกัน เช่น ระบบรักษาความเร็วและระบบควบคุมความเร็วที่แป้นคุมด้านล่างซ้ายมือ

ขณะที่แกนควบคุมด้านซ้ายมือบนเป็นที่รวมของไฟเลี้ยวและระบบควบคุมเกี่ยวกับที่ปัดน้ำฝนทั่วคันรถ และแป้นเกียร์ที่พยายามทำให้เล็ก ออกมาในรูปของแกนควบคุมเล็ก ๆ ที่ด้านขวามือของพวงมาลัย ใครชิน ๆ กับรถญี่ปุ่นอาจจะใช้ผิดเป็นไฟเลี้ยวได้

แต่หากมองในมุมของตัวรถแล้ว บี-คลาสน่าจะเป็นรถที่เหมาะสมกับการโดยสารที่สุดเมื่อแลกกับค่าตัวที่ไม่ดุดันเกินไปนัก 2.29 ล้านบาท คุณจะได้รถที่บรรทุกผู้โดยสาร 5 คนแบบสบาย ๆ ไม่ต้องนั่งเกยกันเหมือนรถเล็กทั่วไปที่เม็ดเงินเท่านี้สามารถแลกมาได้

ถ้าเป็นครอบครัวที่มีเด็กน้อยวัยกำลังวิ่งไปมาในรถ หรือมีผู้ใหญ่ที่ไม่สะดวกแล้วกับการมุดเข้าหรือก้าวขึ้นไปบนรถสักคัน นี่คือคำตอบของคนที่อยากได้รถตราดาวไว้ขนผู้เฒ่าผู้แก่ ซึ่งในเรื่องของสมรรถนะก็คงไม่ใช่ปัญหาหลักสำหรับลูกค้ากลุ่มนี้

หรือถ้าเป็นพวกสัมภาระเยอะและมีขนาดใหญ่ เอ-คลาสและซี-คลาสก็อาจจะให้พื้นที่ในการขนสัมภาระเทียบไม่ได้เลยกับรถคันนี้ แถมแบาะที่นั่งที่พับได้หลายแบบ ยังทำให้เลือกที่จะขนคนและสัมภาระได้อย่างหลากหลายอีกต่างหาก

เพราะฉะนั้น ถ้าถามว่ารถคันนี้มันโอเคหรือไม่ ก็ต้องกลับไปถามที่ไลฟ์สไตล์ในการใช้ชีวิตของตัวเองเป็นหลัก ถ้าขับรถคนเดียว เน้นสนุกสนาน จอดง่าย กรุณากำเงิน 2 ล้านไปลองเอ-คลาส แต่ถ้าเป็นกลุ่มที่อยู่ใน 3 ย่อหน้าบน รถคันนี้คือคันที่น่าพิจารณาไม่น้อยเหมือนกัน

ทุกอย่างต้องเลือกให้เหมาะสมกับการใช้งาน ไม่มีอะไรดีที่สุดหรือแย่ไปหมดอยู่แล้ว...

รายละเอียดทางเทคนิค 2013 เมอร์เซเดส-เบนซ์ บี180 สปอร์ต

เครื่องยนต์	เบนซิน 4 สูบ ขนาด 1,595 ซีซี.
กำลังสูงสุด	122 แรงม้าที่ 5,000 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด	200 นิวตันเมตรที่ 1,250-4,000 รอบต่อนาที
ระบบส่งกำลัง	เกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด
อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง	10.2 วินาที
อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ย	5.8-5.9 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร
ราคาจำหน่าย	2.29 ล้านบาท