หลังจากเปิดตัวรถยนต์ต้นแบบรุ่นเอ-วินด์ในประเทศไทยในงานมหกรรมยานยนต์ปีที่ผ่านมา และเปิดคันจริงให้เห็นอีกครั้งในงานมอเตอร์โชว์ ล่าสุด ซูซูกิ ก็เตรียมพร้อมที่จะเปิดตัวรถยนต์อีโคคาร์รุ่นที่ 2 อย่างซูซูกิ เซเลริโอ อย่างเป็นทางการในวันที่ 29 พฤษภาคมนี้
อย่างไรก็ตาม ก่อนการเปิดตัวต่อสาธารณชน ซูซูกิ ได้ส่งจดหมายเชิญสื่อมวลชนให้เข้าร่วมทดสอบรถยนต์อีโคคาร์รุ่นใหม่นี้ที่จ.เชียงใหม่ โดยได้ทำการเปิดตัวอย่างไม่เป็นทางการ พร้อมจัดเส้นทางให้ทดสอบกันพอสมควร
ออโต้สปินน์ เตรียมที่จะร่วมทดสอบในวันนี้ แต่ก่อนที่จะนำผลการทดสอบมารายงานอย่างเป็นทางการนั้น เราขอนำทุกท่านไปพบกับรายละเอียดเบื้องต้นของเจ้าเซเลริโอคันนี้เสียก่อน โดยหากดูตามสเปกแล้ว นี่คือรถยนต์อีโคคาร์ที่มาพร้อมเครื่องยนต์เล็กที่สุดในท้องตลาด
และจากการยืนยันของ วัลลภ ตรีฤกษ์งาม ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่แม้จะยังไม่ประกาศราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ แต่ก็แพลมออกมาแล้วว่า เซเลริโอจะเป็นรถยนต์อีโคคาร์ที่ราคาถูกที่สุด ซึ่งนั่นก็หมายความว่าจะมีราคาจำหนายต่ำกว่า 3.8 แสนบาทอย่างแน่นอน
"เราต้องพยายามทำให้ลูกค้าทุกคนเข้าถึงรถยนต์ของซูซูกิได้ อันนี้ไม่เกี่ยวกับเรื่องของขนาดของเครื่องยนต์ ไม่ใช่ว่าเครื่อง 1.0 ลิตรจะต้องถูกกว่ารถยนต์เครื่องยนต์ 1.2 ลิตร แต่เรามองเรื่องของการวางตำแหน่งสินค้าให้มีความเหมาะสม"
เซเลริโอจะเข้ามาจับตลาดที่ต่ำกว่าสวิฟท์เล็กน้อย โดยจะเน้นไปที่กลุ่มลูกค้าที่ต้องการรถยนต์ขนาดเล็กที่เน้นการใช้งานเป็นหลัก โดยไม่ได้คำนึงถึงสมรรถนะที่โดดเด่นมากนัก โดยตำแหน่งของสินค้าและราคาจะดึงดูดลูกค้าเข้ามาได้มากขึ้น
รถยนต์รุ่นใหม่ล่าสุดของซูซูกิ มาพร้อมขนาดตัวถังยาว 3,600 มิลลิเมตร กว้าง 1,600 มิลลิเมตร และสูง 1,540 มิลลิเมตร โดยมีความยาวฐานล้อถึง 2,425 มิลลิเมตร มีระยะสูงของใต้ท้องรถ 145 มิลลิเมตร โดยมีวงเลี้ยวแคบเพียง 4.7 เมตรเท่านั้น และมีความจุห้องเก็บสัมภาระถึง 254 ลิตร
จากมิติของตัวรถทำให้ตัวรถดูออกมาเป็นรถทรงสูงที่มองผ่าน ๆ ให้อารมณ์เหมือนรถตู้ขนาดเล็ก โดยตัวรถรองรับ 5 ที่นั่ง ถังน้ำมันขนาดเล็กที่มีความจุเพียง 35 ลิตรถูกติดตั้งมาใต้ท้องรถ ซึ่งก็เพียงพอต่อการขับขี่ใช้งานของกลุ่มลูกค้ากลุ่มนี้
มีให้เลือก 3 รุ่นย่อย แบ่งเป็นรุ่นเกียร์ธรรมดา รุ่นเกียร์อัตโนมัติรุ่นล่าง และรุ่นท๊อปที่มาพร้อมเกียร์อัตโนมัติ รายละเอียดในการตกแต่งแตกต่างกันเล็กน้อย เช่น กระจังหน้าของรุ่นท๊อปจะขลิบโครเมียม และมือจับประตูเป็นสีเดียวกับตัวรถ ขณะที่ 2 รุ่นล่างกันชนจะเป็นสีดำล้วน รวมถึงมือจับประตูก็เป็นสีดำเช่นกัน
จุดที่น่าจะทำให้คนที่คิดจะซื้อรู้สึกตะหงิด ๆ ก็คงจะเป็นเรื่องที่ในรุ่นล่างสุดไม่มีที่ปัดน้ำฝนหลังมาให้ ซึ่งก็ต้องมาดูว่าจะโดนด่าเหมือนที่คู่แข่งรุ่นก่อนหน้านี้เคยทำไว้หรือไม่ ขณะเดียวกัน เพื่อเอาใจกลุ่มลูกค้าวัยรุ่น ซูซูกิได้เตรียมสีไว้ให้เลือกมากถึง 8 สีกันเลยทีเดียว
ขณะที่อุปกรณ์ที่ติดตั้งมาให้อย่างเหลือเชื่อก็คือถุงลมนิรภัยที่ตำแหน่งผู้ขับขี่ ซึ่งติดตั้งมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ขณะที่รุ่นท๊อปจะเพิ่มถุงลมที่ตำแหน่งผู้โดยสารหน้ามาให้ และมีกุญแจระบบอิมโมบิไลเซอร์ติดตั้งมาให้ทุกรุ่น พร้อมด้วยเข็มขัดนิรภัย 5 จุดทั่วรถ
เครื่องยนต์เค10บี แบบ 3 สูบ 12 วาล์ว ปริมาตรกระบอกสูบ 998 ซีซี. ให้กำลังสูงสุด 68 แรงม้าที่ 6,200 รอบต่อนาที และให้แรงบิดสูงสุด 90 นิวตันเมตรที่ 3,500 รอบต่อนาที รองรับการใช้งานเชื้อเพลิงอี20 ซึ่งตามสเปกของอีโคคาร์ รถคันนี้ต้องประหยัดน้ำมันมากกว่า 20 กิโลเมตรต่อลิตร
ใช้โซ่ในการขับเครื่องยนต์ซึ่งส่งผลดีต่อายุการใช้งานที่ยาวนานตลอดอายุการใช้งานของเเครื่องยนต์ และมีระยะชักกระบอกสูบที่ยาวกว่า ส่งผลดีในเรื่องของการให้แรงบิดสูงสุดที่รอบต่ำกว่า โดยใช้อลูมิเนียมอัลลอยเข้ามาเพื่อให้น้ำหนักเครื่องยนต์ที่เบากว่า
ถังน้ำมันเป็นพลาสติก ซึ่งจะส่งผลดีต่อการใข้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ ที่ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องของการเกิดสนิม และมีการเคลือบเรซินที่ลูกสูบ เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว ขณะที่เกียร์ซีวีทีออกแบบมาให้มีขนาดเล็กลงเช่นเดียวกัน
ตัวรถเปล่ามีน้ำหนักตั้งแต่ 785-835 กิโลกรัม ขณะที่น้ำหนักรวมบรรทุกจะได้ถึง 1,260 กิโลกรัม มาพร้อมพวงมาลัยแร็คแอนด์พีเนียน ดิสก์เบรกหน้าพร้อมช่องระบายความร้อน ดรัมเบรกหลัง ระบบกันสะเทือนหน้าเป็นแมคเฟอร์สัน สตรัทพร้อมคอยล์สปริง ด้านหลังแบบทอร์ชั่นบีมพร้อมคอยล์สปริง มาพร้อมล้อขนาด 16 นิ้ว
อ่านสเปกแล้วคงแอบร้องเฮ้ออยู่ในใจ แต่ผู้บริหารของซูซูกิท้าทายว่าให้ลองขับดูก่อน แล้วจะเปลี่ยนความคิดที่มีกับรถยนต์ที่มาพร้อมเครื่องยนต์เล็กสุดในท้องตลาดคันนี้ เพราะหากไม่แน่ใจจริง ๆ คงไม่กล้าที่จะส่งออกรถคันนี้ไปขายถึงยุโรป โอเชียเนีย รวมถึงในอาเซียนก็เช่นเดียวกัน
วันนี้ไปลองขับแล้ว พรุ่งนี้จะมาสรุปให้อ่านกันอีกที!!!
พบซูซูกิมือสองที่ไทยคาร์ดอทคอม
ความคิดเห็น