รีวิว 1st Impresion ลองขี่แบบเบาๆ กับ Honda CBR300R เป็นเวลาสั้นๆ 10 นาที Share this

รีวิว 1st Impresion ลองขี่แบบเบาๆ กับ Honda CBR300R เป็นเวลาสั้นๆ 10 นาที

Pon Piantanongkit
โดย Pon Piantanongkit
โพสต์เมื่อ 06 June 2557

Honda CBR300R   รถจักรยานยนต์รูปทรงสปอร์ต ตัวใหม่ล่าสุดจากค่ายปีกนก  AP Honda  ได้ถูกเปิดตัวไปเมื่องาน Bangkok International Motor Show 2014 ช่วงเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา   และเมื่อประมาณ 2 สัปดาห์ก่อน  ก็ได้ถือกำหนดเปิดราคา มาเสียที  กับตัวเลข 1.33 แสนบาท  และ 1.36 แสนบาท   สำหรับลายพิเศษ Repsol

2014-Honda-CBR300R35

และเมื่อวานนี้ 5 มิย. 2014  ทาง AP Honda ได้จัดกิจกรรม Test Ride ให้สื่อมวลชน หลากหลายแขนง ร่วมทดสอบ สมรรถนะการขับขี่ของ Honda CBR300R ใหม่   ในศูนย์ฝึกขับขี่ปลอดภัย Honda สุขาภิบาล 3

2014-Honda-CBR300R144

2014-Honda-CBR300R143

ซึ่งอาจเป็นที่น่าเสียดายเล็กน้อย  ที่เราได้สัมผัสกับเจ้า 300R ใหม่ นี้เป็นเวลาเพียงแค่ 10 นาที เท่านั้น โดยการขับขี่บน Track ในสนามขับขี่ปลอดภัย    ซึ่งเราหวังว่าในโอกาสครั้งหน้า  น่าจะมีโอกาสได้ลองในรูปแบบขับขี่ออกทริป ซึ่งจะเป็นการลองในรูปแบบการใช้งาน จากกลุ่มผู้ซื้อจริง  นั่นคือการขับขี่ท่องเที่ยวกันในวันหยุด  นั่นเอง

2014-Honda-CBR300R139

สไตล์รูปลักษณ์ของ  Honda CBR300R  นั้นได้แรงบรรดาลใจจากการถ่ายทอดรูปแบบไฟหน้าคู่ มาจาก Honda CBR1000RR  ซึ่งถือเป็นรุ่น Super Sport สูงสุดในตระกูล CBR    แต่ เมื่อมองทางด้านท้าย   เราแทบไม่รู้สึกถึงความแตกต่างระหว่างตัว 150, 250 และ 300 ใหม่นี้เสียเท่าไร  เพราะมาในสไตล์เดียวกันเป๊ะ!   สำหรับท่อไอเสียที่เป็นทรงเหลี่ยมใน 250R ได้ปรับมาใช้แบบทรงกลมเช่นเดียวกับรุ่น 500R  แต่เมื่อมองทางด้านข้าง      ความสูงเบาะ 785 มม. เท่านั้น  ทำให้ผู้ที่ส่วนสูงไม่มากนักยังสามารถเหยียบได้อย่างเต็มพื้นรองเท้า    สำหรับล้อเป็นล้ออัลลอยลาย 5 ก้าน  หุ้มยางสเป็กกว้างเท่าเดิมทั้งหน้าหลัง  หน้า 110 หลัง 140

2014-Honda-CBR300R42

ในด้านของรูปลักษณ์แล้วหากเทียบกับรุ่น 250R  จะพบว่าถังน้ำมันนั้นจะสูงขึ้น และท้ายจะสูงขึ้น  ซึ่งให้รูปลักษณ์สปอร์ตเพิ่มมากขึ้น  แม้ไฟท้าย จะไม่แตกต่างกันนัก    ก้านกระจกดูสั้นลงกว่าเดิม   ชิลด์บังลมเป็นรูปทรงแบบใหม่เช่นเดียวกับ CBR500R   รวมถึงแฟริ่งข้างแบบใหม่

2014-Honda-CBR300R43

ทางประกับไฟด้านซ้าย  ได้มีไฟPass มาให้ต๊อบไฟสูง  ทางด้านขวามีเพียงสวิทช์สตาร์ท  และปุ่ม Off-Run   ที่แผงหน้าปัดได้ถูกหยิบยกมาจากตัว 250R    ซึ่งจะบอกเพียง Odometer และ เซ็ตทริป    โดยในคันนี้ไม่สามารถเลือกปิดระบบ ABS ได้

Honda CBR300R มากับ 3  สี ได้แก่  แดง, ดำ, ขาว Tri-Color   และอีก 1 ลายพิเศษ Repsol  เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองแชมป์โลก Moto GP 2013 ของ Marc Marquez   ทีม Repsol Honda   โดยในรุ่นนี้จะใช้ล้อเป็นสีส้ม

2014-Honda-CBR300R19

ด้านเครื่องยนต์ ในรุ่น 300R คันนี้   หลักๆ  ที่แตกต่างนอกจากเรื่องของความจุที่เพิ่มจาก  การเพิ่มระยะชักจาก 55->63 มม.   ทำให้ขยายความจุเพิ่มจาก 249 -> 286cc   ก็อาจจะมีอีกส่วน ในเรื่องของการไม่มี O2 Censor อย่างเช่นใน CBR250R

สามารถส่งถ่ายกำลังได้  22.8kW (31hp)@8,500rpm  และแรงบิด  26.2Nm@7,000rpm  ผ่านเกียร์ 6 speed คลัชมือ

ทันทีที่กำคลัชลองเบิล พร้อมออกตัว พบว่า การเปลี่ยนสปริงคลัช ใหม่ ทำให้คลัชดูนิ่มมือขึ้น และมีช่วงคลัชสั้นลง  ไม่ยาว  จนเกินไป  จากการเปลี่ยนสปริงคลัชที่สั้นลง    สำหรับตัวผู้ขี่เองถือว่าเป็นข้อดี  เนื่องจากการขี่ไปนานๆ  ไม่ว่าจะในสนาม  หรือท้องถนน  ที่อาจต้องมีการ Shift เกียร์บ่อยๆ  นั้น จะลดอาการล้าขอนิ้วและข้อมือได้

2014-Honda-CBR300R57

เมื่อเปิดคันเร่งเบิลเครื่องพบว่า รอบเครื่องกวาดขึ้นมาค่อนข้างมาไว     สำหรับการขับขี่ในสนามนี้  เราได้ใช้เกียร์ จริงๆ  เพียงแค่ เกียร์ 2  และ เกียร์ 3  เท่านั้น   แต่อาจมีลองเล่น  Shift ไปที่เกียร์ 1 และ 4 บ้าง เพื่อดูจังหวะของรถ    พบว่า   บนทางตรงยาวที่พอให้ลากเกียร์ 2 ได้จนสุดเกียร์ก่อนที่กำลังเครื่องเริ่มตื้อ ที่ประมาณ 8,000rpm  ขึ้นไป  ในช่วงการลากเกียร์ตรงนี้ ถือว่าความเร็วขึ้นมาเร็วแรงใช้ได้  แรงดึงมีให้สัมผัสตั้งแต่ประมาณ 4,000rpm   แต่  Torque มาไม่หนัก    เพียงแต่มาได้ไว   จากความรู้สึกในการลาเกียร์ 2 หากเทียบกับ 300cc  ของคู่แข่งความเร็วน่าจะขึ้นมาเร็วกว่าเล็กน้อย   ซึ่งนั้นอาจมีส่วนช่วยมาจาก การปรับลดสเตอร์ท้าย ลงจาก 38T  ใน 250R เหลือ 36T  ส่วนสเตอร์หน้าเท่าเดิมที่ 14T    และหากเทียบกับคู่แข่ง ที่ใช้สเตอร์หลังถึง 42T ด้วยแล้ว  ช่วงอัตราเร่งตีนต้นน่าจะได้เปรียบมากกว่า   ในช่วงที่รอบเครื่องต่ำ    แต่บอกได้เลยว่า  ถ้าเทียบกันในช่วงกำลังรอบสูงแล้ว  น่าจะเสียเปรียบเห็นๆ  เพราะทางฝั่งยักษ์เขียว  มีแรงม้า และแรงบิดที่มากกว่า   ซึ่งมาในรอบเครื่องระดับ 10,000rpm   ตรงจุดนี้เอง    แม้ redline ของ CBR300R จะอยู่ที่  10,500rpm  แต่ในทางปฏิบัติจริง คุณไม่สามารถขี่ลากรอบถึงระดับนี้แน่นอน เพราะ  กำลังหมดไปตั้งแต่ประมาณ 8,500rpm แล้ว   ซึ่งส่วนตัวทางผู้เขียนคิดว่า  ควรจะเปลี่ยนเกียร์ในช่วง Torque ที่ระดับไม่ควรเกิน 8,000 ด้วยซ้ำ เพื่อให้การ Shift เกียร์แล้ว รอบเครื่องยังตกมาในช่วง bandwidth  ของ Torque  น่าจะมอบอัตราเร่งแบบต่อเนื่องที่ดีกว่า

2014-Honda-CBR300R1

สรุปสั้นๆ  กับขุมพลัง  แรงไม่เยอะ  เน้นแรงบิด  ซึ่งมาที่รอบต่ำ  ให้อัตราออกตัวที่ดูพุ่งกว่า   ขึ้นเกียร์ได้ค่อนข้างไว  และในบางครั้งที่รอบเครื่องดูเหมือนจะห้อย เริ่มมีสะดุด หากเปิดคันเร่งเดินต่อ ก็สามารถเรียกกำลังมาต่อได้โดยไม่ต้อง Shift เกียร์ลง        สำหรับบุคลิกนิสัยคันนี้จะดูดิบกว่า 500R  นิดหนึ่ง  ตรงที่ลากรอบได้มากขึ้นอีกนิด  แต่ถ้าเป็นพวกลากรอบเป็นนิสัย  ชอบแรง G ที่ Redline ด้วยแล้ว   คงยังไม่ถูกใจเท่าไร

2014-Honda-CBR300R47

ในด้านการควบคุม  การขับขี่โดยรวมของ  CBR300R  นี้   ด้วยรูปทรงและท่าทางในการนั่งขี่ ที่ใกล้เคียง CBR500R  นั่น ก็คือ ตำแหน่งแฮนด์ยึดแผงคอที่ดูสูง และพักเท้าที่ดูต่ำ จึงทำให้นั่งได้อย่างสบาย ในรูปแบบสปอร์ต ทัวริ่ง  ขี่ได้สบายๆไม่เมื่อยมาก  อีกทั้งสามารถคุมการบังคับเลี้ยวได้ไม่ยากเย็นนัก แม้เป็นแฮนด์ยึดแผงคอ   ด้วยตำแหน่งพักเท้าต่ำ  หากเบนโค้งมากไป พักเท้าจะขูดพื้นได้         นอกจากนั้นในด้านของช่วงล่างก็พบว่า  เซ็ตออกมาได้ค่อนข้างนิ่มนั่งสบายอยู่  ตามสไตล์รถ Honda หลากหลายรุ่น  ในช่วงขึ้นเนินข้ามสะพานมีจังหวะ Bump กระแทก แต่ก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บจากการกระแทกเข้าที่ก้นกบ  แต่อย่างใด   แต่เราก็ไม่แน่ใจว่า หากการขับขี่ที่ความเร็วสูง  หรือการเจอพื้นผิวที่ไม่ได้ราบเรียบเช่นสนาม นี้  การเกาะถนนจะทำออกมาได้ดีเท่าใด

2014-Honda-CBR300R39

สำหรับระบบเบรกแบบ  ABS  นั้นได้ปรับมาใช้คาลิปเปอร์ 2  ลูกสูบ แทนแบบ 3 ลูกสูบ   ใน CBR250R   ซึ่งทำงานแยกกัน ระหว่างหน้า-หลัง  ในขณะที่ 250R จะเป็นแบบ Combi  Brake      ซึ่งไม่สามารถสั่งปิดระบบได้      ในการใช้งานนั้น   ฟีลลิ่งเบรกดูดีใช้ได้  เบรกค่อนข้างอยู่มือทีเดียว  การกำเบรก  สามารถลงหนักในช่วงเร่งทางตรงมาก่อนถึงโค้ง  โดยไม่ต้องกลัวสูญเสียการควบคุมนัก   แม้ทางเราจะได้ขับเป็นรอบเกือบๆสุดท้ายแล้ว  แต่ก็ยังไม่พบอาการ Fade นัก   ยังเบรกชะลอความเร็วได้อย่างตามมือสั่ง     แต่หาก Shift เกียร์ลง เพื่อ Engine เบรกหนักๆ  อาจพบว่า แรง E-Brake  มีดึงให้ล้อปัด Slip เอาเหมือนกัน  ซึ่ง อาจต้องใช้การเบิลรอบคันเร่งทิ้ง เพื่อไม่ให้ แรงดึงของเครื่องยนต์ลงสู่ล้อโดยตรง

2014-Honda-CBR300R29

สรุปสั้นๆ  กับการลองขี่ Honda CBR300R  ใหม่ แบบ 1st Impression  เป็นเวลา 10 นาที  นี้  แม้เราจะไม่ได้ซัด หนักๆ  ทุกรอบสนาม    แต่การที่เราได้ลองขี่โยกเล่นบ้าง  การสังเกตุอาการของกำลังเครื่องยนต์   ก็พอทำให้เราได้รู้จักกับเครื่องยนต์ของเจ้า 300R  นี้ได้พอสมควร   Torque มาไว  ดี  แต่ก็หมดเร็ว และไม่ได้ดึงหนัก

อีกทั้งรถมีน้ำหนักตัวค่อนข้างเบา   สามารถควบคุมได้ง่าย  รวมถึงท่าทางการนั่งที่ดูจะผ่อนคลายในแบบสปอร์ตทัวริ่ง     การเซ็ตสเตอร์มาที่เน้นรอบตีนต้น   น่าจะขี่สนุกได้ในตัวเมือง    นอกจากนั้นยังสามารถขับขี่เดินทางไกลได้อีกด้วย   อีกทั้งระบบ ABS ที่ให้มาซึ่งถือว่าเป็นรถในกลุ่ม Entry  Bigbike ที่ราคาไม่เกิน 1.5 แสน  แต่ให้ระบบเบรก ABS มาด้วย      โดยรวมแล้ว มันดูจะเป็นรถที่เหมาะแก่ผู้ริเริ่มอยากมี Bigbike สักคัน  ที่ต้องตอบโจทย์ใช้งานในชีวิตประจำวัน เดินทางไปทำงาน  และยังสามารถพาเดินทางไปท่องเที่ยวในวันหยุดได้ด้วย    และเป็นรถที่ขี่ได้ง่ายไม่ยากจนเกินไป    มากับราคาที่ไม่แพง  เมื่อเทียบกับสมรรถนะ    มันคงไม่ใช่รถ สำหรับผู้ที่ต้องการขยับจาก 250cc ขึ้นมา เพียงแค่ 50cc แน่ๆ    และไม่ตอบโจทย์ถูกใจพวกมือหนัก   บ้าแรง G ชอบลากรอบเครื่องสูงอย่างแน่นอน

Honda CBR300R ใหม่   มากับ สีตัวถัง 3 สี  แดง, ดำ, ขาว Tri-Color  โดยมีราคา  1.33 แสนบาท

และอีก 1 ลายพิเศษ Repsol    1.36 แสนบาท

ภณ เพียรทนงกิจ Test Driver

ขอขอบคุณ AP Honda สำหรับการเข้าร่วมทดสอบ เจ้า 300R ใหม่ในครั้งนี้

2014-Honda-CBR300R3


ความคิดเห็น


เรียกดูข่าวตามประเภทยานพาหนะ

ค้นหาข่าวโดยยี่ห้อ