เชฟโรเลต ได้แนะนำเชฟโรเลต แคปติว่าในตลาดไทยและอาเซียนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และก็น่าจะเข้าถึงช่วงท้าย ๆ ของการทำตลาด ซึ่งก่อนจะปิดตลาดอย่างเป็นทางการ ก็ได้ทำการปรับโฉมรุ่นปี 2014 ออกมาอีกครั้งหนึ่ง
แนวทางในการปรับตัวในโมเดลล่าสุดนั้น ประกอบไปด้วยการปรับรูปโฉมที่ด้านนอก การเพิ่มออพชั่นภายในตัวรถ ขณะเดียวกันได้ส่งเกียร์อัตโนมัติรุ่นใหม่เข้ามาในเครื่องยนต์และการเซพอัพรถแบบเดิม โดยรุ่นแอลทีแซด เครื่องยนต์ดีเซลที่ได้ทดสอบนั้น มาพร้อมกับสนนราคา 1.719 ล้านบาท
แม้ว่าจะเป็นรถยนต์ที่ทำยอดจำหน่ายได้พอสมควรในช่วงที่ผ่านมา และมีจุดเด่นที่สุดในด้านการเป็นรถยนต์เอสยูวี 7 ที่นั่งแท้ ๆ ที่ไม่มีคู่แข่งโดยตรงในประเทศไทย แต่จากการที่ค่ายรถหลายรายหันมาทำตลาดรถเอสยูวีอย่างจริงจังก็ย่อมส่งผลกระทบมากพอสมควร
ขับดูแล้วโดยสรุปรวมต้องบอกว่าเกียร์รุ่นใหม่นั้นถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ดี ทำงานได้อย่างคล่องตัวและฉลาดกว่ารุ่นเดิม มีของเล่นเพิ่มมากขึ้น บนเครื่องยนต์รุ่นเดิมที่ให้การตอบสนองแบบไม่จี๊ดจ๊าดมากนัก แตกต่างจากเอสยูวีรุ่นใหม่ที่เน้นด้านสมรรถนะมากเป็นพิเศษ
ทำให้ต้องพิจารณามากเป็นพิเศษว่าแคปติว่ารุ่นปรับโฉมใหม่นี้จะดีพอที่จะแข่งขันต่อไปก่อนที่โมเดลใหม่จะมาหรือไม่!!!
ภายนอกปรับไฟหน้า-หลัง เน้นโฉบเฉี่ยว เสริมกาบบันไดข้าง
การเปลี่ยนแปลงภายนอกของรุ่นปรับโฉมมีอยู่ไม่กี่ตำแหน่ง ประกอบไปด้วยโคมไฟหน้าแบบใหม่ที่ดูเพรียวบางมากขึ้นกว่ารุ่นเดิม ทำให้ตัวถังด้านหน้าดูมีอารมณ์สปอร์ตมากกว่ารุ่นเดิมเล็กน้อย
ไฟท้ายได้รับการปรับเป็นรุ่นใหม่ล่าสุด โคมไฟเบรกขนาดใหญ่แบบ 2 ชั้น ที่ซ่อนไฟเลี้ยวและไฟถอยเอาไว้อย่างแนบเนียน ส่องสว่างอย่างชัดเจนแม้แต่ในเวลากลางวันก็ตาม
จุดสุดท้ายที่ได้รับการปรับแต่งที่ภายนอกก็คือการติดตั้งกาบบันไดข้างหน้าตาสวยงามมาให้ในรถรุ่นนี้ ซึ่งโดยหลักก็คงเพื่อความสวย'ามเป็นหลัก เพราะตัวรถเองไม่ได้สูงใหญ่ขนาดต้องใช้กาบบันไดอยู่แล้ว
โดยรวม ๆ ต้องบอกว่าเป็นความพยายามของเชฟโรเลตอีกครั้งในการทำให้รูปลักษณ์ของแคปติว่ามีการปรับเปลี่ยนและดูสดใสขึ้น ซึ่งก็ถือเป็นความพยายามที่ไม่สูญเปล่า แต่ก็ไม่ได้แตกต่างโดดเด่นอะไรมากนัก
เครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบ ผสานเกียร์ใหม่ ลงตัวขึ้น
เชฟโรเลตไม่ได้ปรับเปลี่ยนอะไรเกี่ยวกับเครื่องยนต์โดยสิ้นเชิง แต่หันไปเน้นการพัฒนาเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด จีเอฟ2 เจนเนอเรชั่นที่ 2 ที่ดูแล้วจะฉลาดและทำงานลงตัวกับเครื่องยนต์รุ่นเดิมมากขึ้น
ในรุ่นที่นำได้ทดสอบนั้น มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบ 2.0 ลิตร ที่มาพร้อมระบบจ่ายเชื้อเพลิงแรงดันสูง ที่ให้กำลัง 163 แรงม้าและแรงบิดสูงสุดถึง 400 นิวตันเมตร ที่มาที่รอบต่ำตั้งแต่ 1,750-2,750 รอบต่อนาที
โดยรวม ๆ แล้วภาพรวมการขับขี่ไม่ได้แตกต่างจากรุ่นเดิมเท่าไรนัก แต่ก็ต้องยอมรับว่าเกียร์รุ่นใหม่นั้นฉลาดมากขึ้น มีจังหวะในการเปลี่ยนที่ดีมากขึ้น ทำให้การขับขี่เป็นไปได้อย่างคล่องตัว
แม้จะไม่ได้โดดเด่นในเรื่องของอัตราเร่งแบบปรู๊ดปร๊าดทันใจ แต่ในการใช้งานจริงต้องบอกว่าเครื่องยนต์บล็อกนี้ก็ยังเพียงพอในการขับขี่บนท้องถนน การทำความเร็วที่ระดับ 100-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงอย่างต่อเนื่องไม่ใช่เรื่องยากแต่อย่างใด
การตอบสนองของคันเร่งต่อการกดเพื่อทำความเร็วเร่งแซงนั้นอาจจะไม่ทันใจนัก แต่ทดแทนได้ด้วยการชิฟท์เปลี่ยนเกียร์ให้สอดคล้องกับจังหวะของการขับขี่ ขณะที่การเก็บเสียงของรถยังทำได้ค่อนข้างดี ทั้งเสียงจากลมปะทะด้านหน้าและเสียงจากช่วงล่างที่ไม่ก่อให้เกิดความรำคาญมากนัก
เข้า-ออกสบาย ไม่ต้องใช้กุญแจ ที่เหลือแทบไม่ต่างจากเดิม
สิ่งที่เป็นระบบที่เพิ่มเข้ามาอย่างเห็นได้ชัดก็คือระบบกุญแจแบบใหม่ที่ช่วยให้เข้า-ออกห้องโดยสารได้อย่างสะดวกสบาย โดยที่ไม่จำเป็นต้องหยิบกุญแจขึ้นมากดปุ่ม แถมยังออกแบบรีโมตใหม่มาอย่างสวยงามลงตัว
ปรับเปลี่ยนรูปแบบและพื้นผิวของวัสดุทั่วห้องโดยสารให้ดูหรูหรามากขึ้น ระบบปรับอากาศอัลตร้าโซนที่สามารถแบ่งการปรับอากาศของตอนหน้าออกจากกันได้ทางซ้าย-ขวา
สวิชท์ควบคุมพวงมาลัยเปลี่ยนเป็นแบบเรืองแสง อุปกรณ์ติดตั้งมาให้ครบทั้งการควบคุมเครื่องเสียงและระบบควบคุมความเร็ว ขาดไปก็แค่แพดเดิลชิฟท์ที่พวงมาลัยที่ถ้าติดตั้งมาให้อีกอย่างจะสมบูรณ์
ในการเร่งแซงและขับขี่นั้น การที่ก้านไฟเลี้ยวติดตั้งอยู่ที่ด้านซ้าย ทำให้เมื่อต้องเปลี่ยนเกียร์เพื่อส่งกำลัง ไม่สามารถเปิดสัญญาณไฟได้พร้อมกัน ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าหงุดหงิดเล็กน้อยในการใช้งาน
ยังมีดีที่ 7 ที่นั่ง ขับขี่เหมือนรุ่นเดิม
แม้จะเป็นรถที่ได้รับการพัฒนามาอีกขั้นด้วยการเพิ่มเติมอุปกรณ์ต่าง ๆ เข้ามามากมาย แต่ก็ต้องยอมรับว่าเกียร์อัตโนมัติรุ่นใหม่นั้นส่งผลที่ดีอย่างเห็นได้ชัดเจนเพียงเล็กน้อยเท่านั้นกับรถคันนี้
ความรู้สึกในการขับขี่นั้นไม่ได้มีอะไรที่โดดเด่นเพิ่มเติมขึ้นมา เอาเป็นว่าถ้าคุณคิดจะเป็นเจ้าของแคปติว่าอยู่แล้ว ก็เป็นเรื่องดีเพราะว่าคุณจะได้รถที่มีของเล่นและอุปกรณ์ต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้นจากรุ่นเดิม
จริงอยู่ที่การขับขี่รถคันนี้ไม่ได้ให้ความรู้สึกที่เลวร้าย โดยเฉพาะเมื่อมองถึงการเป็นรถยนต์ครอบครัวที่แท้จริง การตอบสนองในเรื่องของเครื่องยนต์ถือว่าเพียงพอที่จะใช้งานรถคันนี้ทั้งในชีวิตประจำวันและวันหยุด
แต่หากคุณเป็นคนขับรถคนเดียวที่ต้องการรถยนต์ที่สมรรถนะโฉบเฉี่ยว ไม่เน้นการใช้งานเบาะที่นั่งแถว 3 อย่างแน่นอน ตัวเลือกในท้องตลาดก็มีให้เลือกอยู่อย่างหลากหลายมากมาย
ทุกครั้งที่ได้ลองรถยนต์รุ่นนี้ ผมมักจะสรุปอยู่เสมอมาตลอดว่า หากคุณต้องการเอสยูวี 7 ที่นั่ง เครื่องยนต์ตอบสนองดีพอสมควร ให้อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันที่ไม่เลวร้าย ใช้งานได้ทั้งวันทำงานและวันหยุด นี่เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในระดับหนึ่ง
เลือกรถต้องเลือกตามการใช้งานครับ ถ้าคิดว่าคันนี้ใช่และเหมาะสม ราคาของเอสยูวีเครื่องยนต์ดีเซลคันนี้ก็ถือว่าคุ้มค่าไม่น้อย เมื่อเทียบกับอุปกรณ์ที่อัดมาจนแทบจะเต็มพิกัด
ซื้อตอนนี้ได้แคมเปญ 6+6 ยืดระยะเวลารับประกันเป็น 6 ปี 1.4 แสนกิโลเมตรด้วยนะ...
รายละเอียดทางเทคนิค เชฟโรเลต แคปติว่า 2.0 แอลทีแซด โฉมปี 2014
ราคาจำหน่าย | 1.719 ล้านบาท |
เครื่องยนต์ | ดีเซล เทอร์โบ 2.0 ลิตร |
กำลังสูงสุด | 163 แรงม้าที่ 3,800 รอบต่อนาที |
แรงบิดสูงสุด | 400 นิวตันเมตรที่ 1,750 - 2,750 รอบต่อนาที |
ระบบส่งกำลัง | อัตโนมัติ 6 สปีด |
ขอขอบคุณ บริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด สำหรับรถยนต์ทดสอบ
ผู้เขียน golfautospinn พูดคุยกันได้ที่ pisan.i@icarasia.com และเฟซบุ๊ค Autospinn.Fans
ชมภาพ เชฟโรเลต แคปติว่า 2.0 แอลทีแซด โฉมปี 2014 เพิ่มเติมได้ ที่นี่
พบเชฟโรเลตมือสองและเชฟโรเลต แคปติว่า มือสอง ได้ที่ไทยคาร์ดอทคอม
ความคิดเห็น