2014 All New Honda Jazz ถือเป็นรถเปิดตัวใหม่ ที่สำคัญมากโมเดลหนึ่งในปีนี้ กับ เจนเนอเรชั่น 3 ของรถ Hatchback Sub-Compact ยอดนิยมคันหนึ่งของโลก จากค่าย Honda หลังจากที่เปิดตัว Honda Jazz โฉมแรกมเป็นเวลาากว่า 10 ปี ทาง Honda สามารถกวาดยอดขายให้รถรุ่นนี้ได้สูงถึง 5.2 ล้านคันทั่วโลก และ 2.05 แสนคัน สำหรับประเทศไทย สำหรับโฉมใหม่นี้ ทาง Honda ได้วางสโลแกน ความสนุกกับชีวิตที่เป็นได้มากกว่าหนึ่ง Life is never too much พร้อมกับนิยาม #sportadvancemultifunhatchback ซึ่งได้ให้หลากหลายคนทั้งดารา และบุคคลทั่วไป ร่วมกันกำหนดนิยามให้กับ All New Honda Jazz ในแบบของ Gen เราด้วย และในวันนี้เราจะมาทำ Full Review กันให้ลองติดตามชมกันอีกครั้งกับรถ Hatchback หลากตัวตนจากค่าย Honda คันนี้
เริ่มกันที่ภายนอก Honda Jazz ใหม่มีหน้าตาที่ดูแปลกไปแหวกไปจาก City ที่มีหน้าตาออกแนวเรียบหรูกว่า กับ Jazz ที่ดูจะแปลกตากว่าจากด้านหน้า บริเวณตาไฟหน้าและกระจังหน้า ซึ่งไฟหน้าที่ดูใหญ่รูปทรงเหลี่ยมแหลม ได้กลายเป็นทรงเหลี่ยมและดูเรียวขึ้นกว่าเดิม นอกจากนั้นทางด้านท้ายดู Look Sport ขึ้นอย่างชัดเจน เมื่อเทียบกับรุ่นเก่า ไฟท้ายแบบ LED นอกจากนั้นยังเพิ่มเส้นสายที่เป็นโป่งคมจากด้านหลังมาจนถึงฝากระโปรงหน้า แบบเดียวกับ 2014 City ทำให้เวลาที่มองจากทางด้านหน้าแล้ว จะออกแนวน่ารัก แต่ถ้ามองจากด้านท้ายจะดูสปอร์ตคมเข้มขึ้น และเมื่อมองจากด้านข้างจะเห็นว่าเป็นรถ Sub-Compact ที่มีเส้นสายด้านข้างที่โฉบเฉี่ยวมากที่สุดคันหนึ่งเลย สำหรับในรุ่น SV+ นี้ จะให้ล้ออัลลอยขอบ 16” พร้อมยางขนาด 185/55/16 จาก Bridgestone Turanza
สำหรับมิติ กว้างxยาวxสูง = 1,695x3,955x1,525 มม. ฐานล้อ 2,530 มม. หนักเพียง 1,088 กก. ในรุ่น ท๊อป SV+
เมื่อเทียบกับรุ่นเดิม ที่ 1,695x3,900x1,525 มม. และฐานล้อ 2,500 มม. นั่นต่างกันแค่ 2014 Jazz ยาวขึ้น 55 มม. และฐานล้อยาวขึ้น 30 มม.
แม้มิติจะยาวขึ้นนั้น แต่ก็ไม่ได้ทำให้การถอยจอด หรือกะระยะทางด้านหน้าและด้านท้ายยาก เพราะระยะ Hangover ที่สั้น ช่วยให้การหักเลี้ยว หรือหลบหลีก ทำได้อย่างง่ายดายคล่องตัวเช่นเคย
ภายในห้องโดยสาร เมื่อเปิดประตูเข้ามาจะพบแนวคิดการออกแบบห้อง Futuristic Cockpit ซึ่งมองเผินๆ จะดูคล้ายกับ 2014 Honda City ใหม่ ตั้งแต่แผงคอนโซล มายันหน้าปัด และออปชั่นภายในรุ่นท๊อปนี้ ซึ่งได้แก่ หน้าจอสัมผัส 7” ซึ่งเชื่อมต่อกล้องมองภาพหลัง และเชื่อมต่อระบบกับ port ต่างๆ ทั้ง USB, AUX in, HDMI แต่ระบบนำทางนั้นไม่มีให้ ซึ่งจะต้องใช้ Application Honda Link App เชื่อมต่อเอาแทน ระบบปรับอากาศเป็นแบบอัตโนมัติ พวงมาลัยพร้อมสวิทช์ Multifunction, Cruise Control และ ระบบสั่งการด้วยเสียง Siri
สำหรับในส่วนพื้นที่โดยสารนี้ แน่นอน ว่า ทั้งจากมิติตัวรถที่กว้างขึ้น จึงทำให้ห้องโดยสารนั้นกว้างขึ้นตามไปด้วย นอกจากนั้น สำหรับจุดขายของ Jazz ใหม่นี้ อยู่ที่ความอเนกประสงค์ จากการพับเบาะได้ 4 โหมด ได้แก่
· Utility Mode : พับเบาะด้านหลังทั้ง 2 ด้าน เพิ่มพื้นที่เก็บของด้านหลังได้มากถึง 906 ลิตร
· Long Mode : พับเบาะด้านหน้าและด้านหลัง เพิ่มพื้นที่เก็บของในแนวยาวได้ถึง 2,480 มิลลิเมตร
· Tall Mode : พับเบาะด้านหลังขึ้น ขยายเพิ่มพื้นที่เก็บของในแนวสูงได้ถึง 1,280 มิลลิเมตร
· Refresh Mode : พับเบาะด้านหน้าเชื่อมต่อเบาะด้านหลัง สร้างพื้นที่ผ่อนคลายสะดวกสบายสูงสุด
สำหรับผู้ที่ชอบซื้อเครื่องดื่ม หรือพกแก้วน้ำติดวางในรถนั้น Jazz ใหม่นี้ ได้มาพร้อมที่วางแก้วน้ำมากสุด 9 ตำแหน่งด้วยกัน ซึ่งถือได้ว่าเพียงพอแก่ผู้โดยสารทุกที่นั่งแน่นอน
ภายในพกความอเนกประสงค์มาเต็มเปี่ยม แต่หลังจากที่เราได้ใช้งานขับขี่เดินทางไกล นั้นพบว่า ในด้านขอเบาะโดยสารผ้าตัวนี้ เวลานักขับขี่ไปนานๆ อาจจะมีอาการปวดเมื่อย และอึดอัดจากพนักพิงศรีษะที่ดูจะดันกับช่วงท้ายทอยอยู่ตลอดจน และเบาะดูจะไม่ค่อยกระชับกับลำตัว (ไม่โอบบริเวณช่วงหัวไหล่) ซึ่งอาการตรงนี้ เป็นเช่นเดียวกับ 2014 Honda City ใหม่ จากเบาะนั่งรูปทรงเดียวกัน สำหรับตำแหน่งนั่งเบาะหลังนั้น สามารถเอนปรับระดับเพื่อเพิ่มความผ่อนคลายให้แก่ผู้โดยสารตอนหลังได้อีกด้วย
ด้านเครื่องยนต์ 4 สูบ SOHC i-VTEC ความจุ 1,497cc เป็นบล๊อกเดิมจากโมเดลเก่า แต่ได้นำมาปรับจูนใหม่ แบบเดียวกับ 2014 City ซึ่งรองรับน้ำมัน E85 และกำลังตามสเป็กบนกระดาษลดลงเล็กน้อยอยู่ที่ 117 แรงม้า @6,000rpm โดยมีแรงบิด 146Nm@4,700rpm แรงม้าโดนตอนหายไป 3 ตัว แต่กำลังมาที่รอบต่ำกว่าเดิม ถึง 600rpm และแรงบิดเพิ่ม 1Nm ที่รอบเครื่องต่ำกว่าเดิม 100rpm
ในบุคลิกการขับขี่ของ Honda Jazz ใหม่นี้ ต้องเรียนตามตรงว่าด้วยเครื่องเก่า กับเกียร์ใหม่ ที่สเป็กเช่นเดียวกับ Honda City ใหม่หมด ฟีลลิ่งในการขับขี่ จึงไม่ต่างจากกันเสียเท่าไร แต่หากเทียบกับโมเดลเดิมนั้น ถือว่าฟีลต่างไปมาก
การขับขี่ในช่วงออกตัวเน้นการขับขี่ที่นุ่มนวล ดูเหมาะแก่การเป็นรถของคุณแม่บ้านทั้งหลายมากขึ้น นอกจากนั้น ระบบ Eco Coaching ยังช่วย Guide ให้ขับขี่รถได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงปุ่ม ECON ที่ช่วยหน่วงคันเร่งให้ตอบสนองช้าลงอีก ช่วยให้การใช้น้ำมันในถังมีประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น สำหรับในด้านของพละกำลังเร่งแซงนั้นยังทำได้ดีเช่นเดียวกับ Honda City ใหม่ ในช่วงเร่งแซง แม้ในความเร็วย่านปานกลาง ก็ยังทำได้อย่างไหลลื่น ไม่อืดแต่อย่างใด
จากการทดสอบวัดอัตราเร่งด้วย OBD Bluetooth โดยทดสอบที่เกียร์ D
0-100 กม./ชม. = 11.994 วินาที (ปิด TCS) และ 12.056 วินาที (เปิด TCS)
¼ ไมล์ = 18.627 วินาที (ปิด TCS) และ 18.676 วินาที (เปิด TCS)
ด้านอัตราสิ้นเปลืองจากการวิ่งใช้งานกับหลากหลายสถานการณ์ ซึ่งเราไม่ได้ขับแบบเน้นประหยัดมากนัก ขับแบบเน้นความกระฉับกระเฉงคล่องตัว และมีเร่งแซงทดลองสมรรถนะบ้าง ได้ตัวเลข ในเมืองที่ 13.6 กม./ลิตร เฉลี่ย 14.5 กม./ลิตร เดินทางไกล 15.2 กม./ลิตร
ระบบส่งกำลัง เป็นเกียร์ CVT เทคโนโลยี EarthDream ซึ่งเป็นลูกเดียวกับ Honda City ใหม่ ทั้งอัตราทดเกียร์เช่นเดียวกันเป๊ะ ซึ่งได้ปรับจากเดิมที่ใช้เกียร์ 5 Speed แบบ Torque Converter ซึ่งนี่เองเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้บุคลิกการขับขี่ ของ Jazz โมเดลเดิม และ โมเดลนี้ ต่างกันโดยสิ้นเชิง การขับขี่ที่กวาดไล่รอบต่ำไปสูง และเปลี่ยนเกียร์ มีกระชากดึงหลังนิดๆ ก่อนรอบจะตกลงมากวาดขึ้นใหม่ มันหายไปแล้ว! เพราะในด้านการใช้งาน เกียร์ลูกนี้ ได้ปรับจูนมาใหม่ให้เข้ากับเครื่องยนต์เดิม แต่ประสานกำลังได้อย่างสมูทไหลลื่น
การขับในเกียร์ D เมื่อขับเคลื่อนแบบปกติ โดยการคลึงคันเร่ง รอบเครื่องก็จะค่อยๆ ไหลขึ้น แบบเรื่อยๆ ต่อเนื่องอาจจับสัมผัสได้เพียงนิดจากจังหวะเปลี่ยนเกียร์ แต่เมื่อกระแทกคันเร่งเพื่อเร่งแซงรอบเครื่องจะกวาดไปแช่ที่ Redline และปล่อยให้ความเร็ววิ่งขึ้น ซึ่งเราสามารถสับเกียร์ได้ด้วยตนเองจากกดแป้น Paddle Shift ซึ่งจะซอยย่อยถึง 7 Speed ให้เล่นด้วยกัน นอกจากนั้น โหมด S ที่คันเกียร์ ก็จะช่วยให้ เครื่องยนต์มีแรงดึงจากการใช้ Engine Brake มากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้คุณเร่งแซง หรือจะใช้ชะลอความเร็วรถ ก็ย่อมทำได้ด้วยการ Hold รอบสูงของเครื่องเอาไว้
ระบบบังคับเลี้ยว พวงมาลัยแบบแร็คแอนด์พีเนียน ผ่อนแรงด้วยไฟฟ้า EPS มีรัศมีวงเลี้ยว 5.1 ม. แคบกว่า City 0.2 ม. นอกเหนือจากนั้นทั้งฟีลลิ่ง และขนาดวงก็เหมือนเช่น City ใหม่ ทุกอย่าง ทั้งอัตราทด จำนวนรอบหมุน ในการสาวออกตัว นั้นไม่รู้สึกเบาหวิวมือ มีอาการหนืดหน่วงมือนิดๆ ซึ่งสัมผัสได้ว่าเป็นมอเตอร์ไฟฟ้าผ่อนแรง ในช่วงความเร็วต่ำ-ปานกลาง ถือว่าพวงมาลัย ตอบสนองได้หนืดๆ พอตึงมือ ไม่ไวเกินไป แต่ที่ความเร็วสูงพวงมาลัยมีอาการเบามือเกินไปหน่อย สำหรับการหักเลี้ยวเข้าโค้งนั้นพวงมาลัย ดูตอบสนองแม่นยำกว่าเดิมเล็กน้อย และพวงมาลัยในโฉมนี้ ไม่หนักมือในช่วงบังคับทางโค้งเท่ากับรุ่นก่อนที่ดูจะบังคับยากไปหน่อย
ระบบเบรก ด้านหน้าดิสก์เบรกพร้อมครีบระบายความร้อน ด้านหลังดรัมเบรกแม้แต่ในรุ่น Top SV+ คันนี้ ซึ่งโดนลดสเป็กลงเช่นเดียวกับ 2014 Honda City แต่ในด้านการหยุดชะลอ ยังไม่ถือเป็นปัญหาแต่อย่างใด ยังทำหน้าที่ได้ในเกณฑ์ดี นุ่มนวลเท้า ไม่ต้องกดแป้นเบรกกันลงลึก ก็สามารถหยุดได้อยู่เท้า เช่นเดียวกัน มันฟีลลิ่ง การตอบสนองมันดูดี มีชีวิตชีวาขึ้นกว่า City และ Jazz โมเดลเก่า ที่ดูแป้นเบรกออกทื่อๆ ไร้ความรู้สึกไปหน่อย
ระบบช่วงล่าง ยังคงเป็น แม็กเฟอร์สัน สตรัท ที่ด้านหน้า และ ทอร์ชั่นบีม H-Shape ที่ด้านหลัง ซึ่งยังคงเน้นความนุ่มนวลเป็นหลัก แม้ในรุ่นท๊อปนี้จะใช้ยางขอบ 16” กับแก้มยางซีรีย์ 55 แต่หากเทียบกับโมเดลเดิมพบว่าดูจะนุ่มนั่งสบายขึ้นกว่าเดิม ให้ความรู้สึกในการโดยสารที่ผ่อนคลายกว่าตัวเก่าแบบสัมผัสได้
สำหรับการขับขี่ทั้งที่ความเร็วสูง และการเข้าโค้ง ก็อาจต้องยอมรับตามจริงว่า ดูแล้วสมรรถนะในการยึดเกาะ ด้วยรูปโฉมแบบ 5 ประตู คันนี้ จะยังสู้โฉม 4 ประตู อย่าง Honda City ไม่ได้นัก ในการเข้าโค้งสังเกตุได้ชัดเจนว่า มีอาการของตัวรถโยนออกที่ด้านท้ายมากกว่า จากช่วงท้ายที่ดูสั้นและเบากว่า และ Grip ในการยึดเกาะที่อาจจะดูด้อยกว่าเนื่องจากระยะฐานล้อที่สั้นกว่า Honda City ในขณะที่การขับขี่ที่ความเร็วในระดับ 140 กม./ชม. นั้นพบว่า รถเริ่มมีอาการหวิวโคลงบ้าง เมื่อเจอพื้นผิวถนนที่ไม่เรียบสมบูรณ์นัก
ระบบความปลอดภัย จัดเต็มแบบ 2014 Honda City ได้แก่ ระบบป้องกันล้อล็อก (ABS) ระบบกระจายแรงเบรกควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์ (EBD) ระบบช่วยเสริมแรงเบรก (BA) ระบบควบคุมการทรงตัว (VSA) ระบบป้องกันล้อลื่นไถล (TCS) ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (HSA) สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน (ESS) มาให้เป็นพื้นฐานทุกรุ่น
นอกจากนั้น ถุงลม 6 ตำแหน่ง ได้แก่ ถุงลมคู่หน้า Dual SRS ถุงลมด้านข้างคู่หน้าแบบอัจฉริยะ i-Side Airbag และม่านถุงลมด้านข้าง Side Curtain Airbags (มีเสริมให้ในรุ่น SV+ คันนี้) กล้องส่องภาพด้านหลัง ปรับมุมมองได้ 3 ระดับ (เฉพาะรุ่น V+, SV และ SV+)
สรุป All New Honda Jazz ที่ใช้คำสื่อความหมายแทนว่า #SportAdvanceMultiFunHatchback หรือ แปลได้ว่า รถสปอร์ต แฮทช์แบ็ค ที่เหนือกว่า มาพร้อมฟังก์ชั่นที่หลากหลาย แถมขับสนุก เราอาจต้องเรียนตามจริงว่า ในด้านการขับขี่นั้นบุคลิก แทบทุกอย่างจะคล้ายกับ 2014 Honda City แต่ในการยึดเกาะควบคุมรถบริเวณด้านท้ายอาจจะด้อยลงเล็กน้อย จากการเป็นรถ 5 ประตู แต่นั่นไม่ใช่ปัจจัยสำหรับการตัดสินใจเลือก Honda Jazz คันนี้ เพราะ Honda Jazz ใหม่นี้ ได้ดีไซน์หน้าตาที่เป็นเอกลักษณ์สะท้อนตัวตนของคนยุคใหม่ และความอเนกประสงค์จากภายใน นอกจากนั้นออปชั่นต่างๆ ทั้งภายใน และระบบความปลอดภัยก็มาเหมือนกับ 2014 City แทบทั้งสิ้น แม้สมรรถนะของรถจะอยู่ในเกณฑ์ปานกลาง ค่อนข้างดี เมื่อเทียบกับคู่แข่งในตลาด แต่ด้วยออปชั่นที่ให้มา ช่วยให้มันเป็นรถที่นั่งสบาย และอเนกประสงค์กว่าเพื่อนในระดับเดียวกัน
ยิ่งถ้าใครเป็นสาวก Honda ชอบรถในรุ่นยอดนิยมแล้วล่ะก็รถ All New Honda Jazz รถหลากตัวตน ที่สามารถตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่กว้างขวางตั้งแต่กลุ่มแม่บ้านยันคอรถซิ่ง จะต้องเป็นรถตัวเลือกที่เหมาะสมกับคุณอย่างแน่นอน แม้จะต้องเพิ่มเงิน 50,000 บาท จากรุ่น City ก็ตาม
ขอขอบคุณ Honda Automobile ประเทศไทย สำหรับรถทดสอบ Honda Jazz SV+ สีน้ำเงิน Brilliant Sporty Metallic ราคา 7.54 แสนบาท คันนี้
ภณ เพียรทนงกิจ Test Driver
ติดตามข่าวรถยนต์ ราคารถยนต์ รีวิวรถยนต์ และจักรยานยนต์ทุกยี่ห้อ กับเรา Autospinn
แชร์ความคิดเห็นบนเว็บบอร์ด Autospinn คลิกเลย webboard.autospinn.com
เช็คโปรโมชั่นรถใหม่ เช็คราคารถใหม่ ได้ที่นี่
ราคารถมือสอง ซื้อรถมือสอง ขายรถมือสอง เชิญได้เลยที่ one2car
ความคิดเห็น