รีวิว Honda CBR650f Sport 4 สูบ เสียงหล่อที่ผสานแนว Touring ได้อย่างลงตัว

AP Honda ได้เชิญทางเราไปร่วมทดสอบสมรรถนะของ 4 สูบ ประกอบไทยคันใหม่ของค่าย ซึ่งถือเป็นการบุกเบิกตลาดรถ 4 สูบ แบบจริงๆจังๆ ครั้งแรกในเมืองไทยเลยก็ว่าได้ กับ Honda CBR650f และ Honda CB650f

Honda CBR650f Sport รีวิว

โดยในครั้งนั้นการทดสอบได้จัดขึ้น ณ ศูนย์ฝึกอบรมขับขี่ปลอดภัย Honda สุขาภิบาล โดยได้ขับกันคนละ 10 นาที ต่อรุ่นภายในสนามทดสอบนี้ ซึ่งเราได้สัมผัสสมรรถนะของรถรุ่นนี้เพียงสั้นๆ เท่านั้นในวันนี้เราจึงขอโอกาส นำเจ้า CBR650f คันนี้กลับมาลองทดสอบบนท้องถนนใช้งานจริงกันอีกสักครั้ง ซึ่งจะเป็นอย่างไรเชิญรับชมกันได้เลย

รูปลักษณ์ของ Honda CBR650f นี้ ได้มีรูปทรงที่ดูบึกบึน ตามพิกัดไซส์รถระดับ Middle Weight และด้วยการดีไซน์ ที่เป็นรถรหัสลงท้าย f หรือมาจากคำว่า Street Fighter ทำให้เจ้า CBR650f คันนี้ ใช้เบาะแบบตอนเดียว ซึ่งต่างน้องๆ ตระกูล R ทั้ง 150, 250, 300, 500 ที่เป็นเบาะแยก 2 ชั้น

และท่อไอเสียแบบออกล่างซึ่งเป็นเทรนด์ใหม่ของรถ Bigbike ขนาดกลาง

แต่การใช้ไฟท้ายรูปแบบ LED ที่ดูคล้าย MSX นั้น ถึงแม้จะดูสวยงามก็จริง แต่ทำให้มันดูเล็กไป ไม่บาลานซ์ กับบั้นท้ายรถที่ดูใหญ่ และล้อขนาดโตสักเท่าใดนัก

สำหรับไฟหน้าได้ใช้รูปทรง V Shape แบบ Multi Reflector พร้อมไฟหรี่ LED ที่ช่วยให้ดูดี เหมือนรถยนต์มีไฟ DRL นอกจากนั้นที่มาตรวัดหน้าจอดิจิตัลแบบ LCD แสดงผลความเร็ว และรอบเครื่องยนต์อยู่ทางฝั่งซ้าย โดยรอบเครื่องจะเป็นสเกลทางด้านบน ความเร็วเป็นตัวเลขทางด้านล่าง ส่วนฝั่งขวา จะแสดงเวลา อัตราสิ้นเปลือง และ Trip A B

นอกจากนั้นยังใช้กุญแจนิรภัย HISS และ Wave Key ซึ่งมีชิพ ฝังอยู่ภายใน

CBR650f นี้มีความสูงเบาะ 810mm กับ น้ำหนักตัว Curb Weight 211 กก. ถังน้ำมันมีความจุ 17.3 ลิตร

สำหรับสีของ CBR650f จะมีให้เลือกเพียง 2 สี คือ แดง และดำด้าน โดยมีราคาอยู่ที่ 3 แสนบาท

สมรรถนะของเครื่องยนต์ Honda CBR650f Sport

ขุมพลัง 4 สูบเรียง ความจุ 648.7cc DOHC 16 วาล์ว หัวฉีด PGM-FI ระบายความร้อนด้วยน้ำ มีกำลัง 87 แรงม้า@ 11,000rpm และแรงบิด 63Nm @8,000rpm มีตัวเลขสมรรถนะทาง Honda ได้เคลมตัวเลขการวิ่งระยะ 0-400 ม.ได้ใน12 วินาที เครื่องยนต์ส่งกำลังด้วยเกียร์แบบคลัชมือ 6 Speed ซึ่งอัตราทดเกียร์ชุดนี้จะไม่มีเกียร์ Overdriveการตอบสนองจึงให้ความรู้สึกขับขี่ได้อย่างเร้าใจในแทบทุกๆเกียร์

เมื่อทำการติดเครื่องยนต์และเครื่องยนต์อุ่นเรียบร้อยแล้ว รอบเดินจะอยู่ที่ 1,250 rpm การขับขี่จริงพบว่าช่วงรอบเครื่องยนต์ก่อน 2,000rpm ดูจะยังไม่ค่อยมีเรี่ยวแรงนัก ทำให้กำลังช่วงตีนต้นสู้พวกรถตระกูล 2 สูบไม่ได้ ในช่วงรอบเครื่องยนต์ต่ำกว่า 3,000rpm การเปิดคันเร่งดูจะหน่วงๆ มือไปนิด แต่เมื่อผ่านพ้นช่วงนี้ก็เริ่มพบเรี่ยวแรง พร้อมแรงดึงที่มากขึ้นเรื่อยๆ ลากรอบไปเรื่อยๆ ประมาณ 6-7,000rpm นั่นถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานแล้ว และสร้างความบันเทิงเริงรมณ์ได้ระดับหนึ่ง

แต่ถ้ายังไม่สะใจพอ จะลากยาวไปจนแตะ Redline ได้แล้วล่ะก็ ต้องบอกว่า ฟิน สนุกเร้าใจจากแรงกระชากและลมปะทะที่เกิดขึ้นกับลำตัว พร้อมซุ่มเสียงที่ดูหอมหวานที่รอบเครื่องสูง ถึงแม้ท่อจะเงียบฉี่ที่รอบเดินเบา หรือช่วงรอบเครื่องต่ำ และซุ่มเสียงที่ดูสุภาพไม่ดุดันมากนัก กับกำลังเครื่องที่อาจไม่ได้จัดจ้านแบบรถ Supersport ก็ตาม แต่ก็สัมผัสได้ว่าที่รอบเครื่องยนต์สูงนี้ แม้รอบจะมีมาแบบเรื่อยๆ แต่พละกำลังมันมาแบบหนักหน่วงขึ้น เหมือนนักมวยที่สาวหมัดออกตัวช้า แต่ต่อยหนักแรงและเร็ว อย่างไงอย่างงั้น

เราได้ลองขี่ลงทางชันสูง พบว่าหากต้องขี่ลงเนินเขา หรือพื้นที่ที่มีความลาดชันสูง อาจต้องระวังนิดแม้จะใช้เกียร์ 1 แล้ว แต่ด้วยอัตราทดเกียร์ที่ดูจะลากได้ยาว นั่นจึงทำให้ไม่ค่อยมีแรง Engine-Brake มากเท่าที่ควร การขี่ลงทางลาดชันสูงจึงต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก และอีกปัญหาที่พบบ่อย คือ การเข้าเกียร์ที่มักจะงัดไปโดนเกียร์ว่างบ่อย ในช่วงที่ต้องการงัด Shift เกียร์ขึ้นโดยเร็ว แต่สำหรับการหาเกียร์ N ในขณะจะจอดนั้นกลับง่ายดาย ไม่พบปัญหาแต่อย่างใด

ด้านอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 21 กม./ลิตร (จากข้อมูลของเว็บ Honda EU) ตัวเลขนี้อาจทำได้จริง หากขับขี่ออกนอกตัวเมือง โดยใช้ความเร็วคงที่ไม่ซัดกระแทกเค้นคันเร่งกันมากมาย แต่ตัวเลขที่ทางเราทำได้โดยเฉลี่ยช่วงประมาณ 18-19 กม./ลิตร กับการขับขี่รถติดในตัวเมือง กทม.ซึ่งก็ถือว่าใกล้เคียงตามที่คาดการณ์ไว้

ระบบกันสะเทือน ใช้โช๊คอัพหน้าแบบ Telescopic ขนาดแกน 41 มม. มีระยะยุบที่ 120mm ทางด้านหลังใช้โช๊คอัพหลังเดี่ยว Monoshock โดยใช้สวิงอาร์มหลังแบบอลูมีเนียม ในส่วนของแฮนด์ควบคุมในรุ่น CBR650f นี้เป็นแบบ Separate Bar เช่นเดียวกับ ตระกูล R ตัวอื่นๆ แต่ในรุ่น 650f นี้ ท่านั่งนั้นจะให้ความสปอร์ตมากกว่า ในรุ่นน้องตัวอื่นๆ จากตำแหน่งเบาะที่สูงมากขึ้นกว่า รุ่น 300R และ 500R แถมรูปทรงของแฮนด์ในรุ่น 300R และ 500R จะยกสูงขึ้น แต่ในรุ่น 650f นี้ระนาบจะเท่ากันกับช่วงบริเวณแผงคอ ไม่ได้ถูกยกสูงขึ้น จึงทำให้การขับขี่นั้นอาจจะเมื่อยมากกว่าเล็กน้อย

สำหรับช่วงล่างดูจะเซ็ตมาค่อนข้างนิ่ม ผู้ซ้อนก็นั่งได้สบายผ่อนคลาย เหมาะสมกับรถสไตล์ Sport+Touring แม้จะไม่นิ่มขนาดตระกูล 500 แต่ในด้านการยึดเกาะ ก็ทำได้ไม่เป็นรอง ในการขี่อาจจะพบช่วงระยะยุบของโช๊คดูจะยุบลงง่าย เมื่อขี่ผ่านช่วงเนิน มีระยะยุบให้สัมผัสกันบ้างถึงช่วงอาการรีบาวด์เล็กน้อย ซึ่งดูจะให้อารมณ์ผ่อนคลายมากกว่า รุ่น Sport ในตลาดหลายรุ่นที่ออกแนวแข็งๆ ไม่ค่อยมีช่วงระยะยุบ และ รีบาวด์ของโช๊คอัพให้สัมผัสกันมากนัก

สำหรับในการเข้าโค้ง รวมถึงการออกตัวอย่างรวดเร็วพบว่ารถยังยึดเกาะถนนได้ค่อนข้างดี เนื่องจากเหตุผลที่สำคัญจากไซส์ยาง 180mm ที่กว้างช่วยเพิ่มพื้นที่มากขึ้น จึงช่วยเพิ่มความมั่นใจในการเข้าโค้ง หรือ การออกตัวด้วยความเร็วได้อย่างดี

การขับขี่ Honda CBR650f Sport

พูดถึงการขับขี่ในตัวเมืองที่มีสภาวะรถติด หากได้พับกระจกแนวเข้าแล้ว การขี่มุดช่องว่างรถติดนั้น ก็ดูจะไม่ยากเย็นแต่อย่างใด เนื่องจาก hand แบบ separate bar ช่วยให้ลัดเลาะรถติดได้อย่างไม่ยากเย็น แต่เมื่อต้องมุดผ่านเปลี่ยนเลนซึ่งอาจต้องระวังบ้างจากการหักแฮนด์พับเข้าช่องต่างๆ ซึ่งดูจะหักวงเลี้ยวได้ยากกว่าแบบ Hand bar และมิติตัวที่ใหญ่ไม่น้อยทำให้การมุดผ่นาช่องเลนจะต้องระวังสักนิด และอาจจะมีปัญหาสำหรับผู้ที่มีส่วนสูงไม่มากนัก และการเตะขาตั้งลง ซึ่งจะมีแง่งให้เขี่ยออก ซึ่งอาจต้องปรับสำหรับผู้ที่เคยชินกับการเตะมาจากพักด้านหลังพักเท้าผู้ขับ เพราะถ้าเตะขาตั้งด้วยวิธีนี้ข้อเท้าจะไปกระแทกติดกับพักเท้าหน้าอย่างแน่นอน

ระบบเบรก ABS หน้าหลัง จานดิสก์คู่หน้า ขนาด 320mm พร้อมคาลิปเปอร์ 2 สูบ จาก Nissin และ จานดิสก์เดี่ยวหลังขนาด 240mm คาลิปเปอร์ 1 สูบ จาก Nissin โดยรวมการเบรกใช้งานบนถนนชีวิตประจำวันถือว่าทำได้ดี เพียงแค่นิ้วจิกๆ แตะเพื้อเลียเบรก ก็สามารถชะลอรถลงได้ในระดับหนึ่ง เมื่อขับขี่มาที่ความเร็วปกติ

ดูจะมีอาการจับของจานเบรก ดีกว่ารถในตระกูล อย่าง 500cc ที่จะออกแนวทื่อๆ ด้านๆ ไม่มีชีวิตชีวานัก ซึ่งปั๊มเบรกของ 650f นี้ ทำหน้าที่ได้ค่อนข้างรวดเร็ว ฉับไว และรู้สึกถึงการจับของผ้าเบรกที่มีหน้าสัมผัสต่อจานได้อย่างมากกว่า แต่หากซัดมาด้วยความเร็วแล้วเกิดต้องจอดสนิท นั้นอาจต้องลงน้ำหนักเบรกให้มากขึ้น เนื่องจากมีแรงฉุดจากน้ำหนักรถ และการทำงานของ ABS อยู่บ้าง ซึ่งอาจต้องเบรกให้ลึกขึ้น หรือทางที่ดี ควรเผื่อระยะเบรกเอาไว้หน่อย

สรุป อีกครั้ง Honda CBR650f รถ Bigbike เครื่อง 4 สูบเรียงคันแรก ที่ลุยทำตลาดในไทยอย่างจริงจัง ด้วยความที่เป็นรถแนว Sport ปน Touring และการออกแบบมาให้เป็นรถแบบ Street Used มันจึงสามารถใช้งานในชีวิตประจำวันได้ แม้จะดูหนักไปนิด แต่ก็ขี่ง่าย เสียงเครื่องนุ่มสุภาพหล่อ แบบไม่ก้าวร้าว ทำให้ใครๆ ก็สามารถขี่ได้อย่างไม่ยากเย็น สำหรับการขี่ใช้งานในเมืองก็ทำได้อย่าคล่องแคล่มหากพับกระจกเข้า และการขี่ออกทริปต่างจังหวัด ก็เป็นเรื่องสนุกทุกครั้งที่ได้ลากรอบสูง เพราะจะได้สัมผัสแรงฉุดกระชาก พร้อมกับซุ่มเสียงที่ไพเราะเสนาะหู จนรู้สึกคุ้มค่าที่ได้ซื้อรถคันนี้

ในด้านสเป็กรถให้มาดูดีทั้งล้อยาง สวิงอาร์มมีเนียม จำนวนลูกสูบ ในราคานี้ค่อนข้างได้เปรียบกว่ารถในตลาดเห็นๆ (ไม่นับรถนำพวก สพม.หรือ อินวอย)

สำหรับข้อเสียเปรียบในเรื่องของศูนย์บริการที่อาจดูน้อย ก็ไม่ต้องกังวลนัก เพราะทาง Honda เตรียมขยายเพิ่มศูนย์ Bigwing อีก 2 แห่งในกรุง ภายในสิ้นปีหน้าที่ถนน พระราม 3 และราชพฤกษ์ ซึ่งต้องคอยติดตามกัน ในด้านของค่าแรง ค่าอะไหล่ในการเข้ารับบริการซึ่งจุดนี้ก็อาจต้องทำใจกันนิดที่อาจแพงกว่าคู่แข่งไปสักหน่อย แต่ถ้าขี่รถแรงในระดับนี้เรื่องค่า Service, Maintanace รวมถึงค่าน้ำมันที่ต้องเติมก็คงเป็นเรื่องปกติที่อาจจะต้องสูงตามระดับ cc นั่นล่ะ