หลังจากที่ วอลโว่ได้ลงทุนกว่า 2,000 ล้านโครเนอร์สวีเดน ในการวิจัยและพัฒนา รวมทั้งสร้างโรงงานผลิตเครื่องยนต์ Powertrain ใหม่ในสวีเดน บนแนวคิด Scalable Product Architecture หรือ SPA ทำให้รถยนต์หลายๆ รุ่นของเราสามารถใช้ชิ้นส่วนร่วมกันได้ ซึ่งนอกจากจะช่วยประหยัดต้นทุนทั้งที่เป็นตัวเงินและทรัพยากรของเราและของโลกแล้ว วอลโว่ยังมีความสามารถรองรับเทคโนโลยีแห่งอนาคตได้อีกมากมาย จนมาถึงยุคปัจจุบันนี้ เครื่องยนต์ในตระกูล Drive-E Powertrains แบบ 4 สูบ 2 ลิตร ที่มีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา เข้ามาแทนที่เครื่องบล๊อกเก่า ช่วยให้ใช้เชื้อเพลิงน้อย ปล่อยมลพิษต่ำ แต่ส่งกำลังอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
และ ด้วยในโอกาสนี้ ทาง Volvo Cars Thailand จึงได้จัดทดสอบสมรรถนะ ของรถยนต์ขุมพลังใหม่ Volvo XC60 D4 ด้วยการเชิญสื่อมวลชนไปทดสอบขับขี่และสัมผัสกับประสบการณ์ตรงจากการใช้งานบนเส้นทางกรุงเทพ-จันทบุรี-พัทยา ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 18-19 สิงหาคม นี้
Volvo XC60 D4 ใหม่ มีรูปโฉมโฉบเฉี่ยวดูทันสมัยมากขึ้น และเส้นสายที่ลาดเอียง ช่วยให้รถที่บึกบึน คงความอ่อนช้อยงดงาม กระจังหน้าใหม่โครมเมี่ยม และท่อออกคู่ทรงเหลี่ยมเสริมความแกร่งดุดัน โดย XC60 D4 ใหม่ มากับ 5 สีให้เลือก ได้แก่ Ice White, Ember Black, Electric Silver Metallic, Twilight Bronze และ Seashell Metallic
ภายใน ตกแต่งดีไซน์โมเดิร์น ด้วยลายไม้ ที่คงความเป็นเอกลักษณ์ในแบบ Volvo จากแผงคอนโซลกลาง มี Trim ตกแต่งแผงคอนโซลด้วยกรอบโลหะ ซึ่งบริเวณแผงคอนโซลนี้ จะมีปุ่มมากมายที่ใช้ควบคุมทั้งฟังก์ชั่นแอร์อัตโนมัติ ระบบความปลอดภัย หน้าจอเครื่องเสียง ระบบเชื่อมต่อต่างๆ ถัดมาที่พวงมาลัยทรง 3 เหลี่ยมที่ดูโอบอิ่มมือนั้น มากับปุ่มควบคุมทั้งเครื่องเสียงและปุ่ม Adaptive Cruise Control รวมถึง Voice Command
เบาะนั่งสไตล์สปอร์ตใหม่มากับโทนสีแบบทูโทนดำ-น้ำตาล ดูสวยงามจากดีไซน์ แต่ในการนั่งจริงพบว่าดูจะไม่โอบกระชับช่วงหัวไหล่มากเท่าที่ควรนักเนื่องจากปีกไม่กว้างนัก และตำแหน่งเบาะผู้ขับที่ดูจะสบายน้อยกว่าผู้โดยสารเล็กน้อยจากตำแหน่งช่วงสะโพกที่ดูจะเว้าลึกลงไป แม้พยายามปรับตำแหน่งด้วยเบาะไฟฟ้าแล้ว นอกจากนั้นแป้นวางเท้าซ้าย ก็ดูจะเหยียดได้ไม่ตึง เหยียบไม่เต็มเท้านัก ทำให้เท้าซ้ายอาจจะรู้สึกผ่อนคลายไม่เต็มที่เท่าที่ควร ซึ่งจุดตรงนี้ เมื่อได้ลองมานั่งเป็นผู้โดยสารแล้วพบว่า พื้นที่วางเท้าด้านซ้ายดูจะโดนกินเข้ามาค่อนข้างมากเนื่องจากติดบริเวณซุ้มล้อ ทำให้เวลาเป็นผู้โดยสารตอนหน้าอาจจะ เหยียดเท้าซ้ายได้ไม่เต็มที่นัก
ทางด้านช่องแอร์ตอนหลังไปอยู่ที่บริเวณห้องสัมภาระแถว 3 ช่วยกระจายความเย็นได้ทั่วห้องโดยสารตอนหลังได้มากกว่า แต่จะไม่เย็นทันใจผู้โดยสารตอนหลังเพราะไม่ได้เป่าลมแอร์ใส่ลำตัวผู้โดยสาร
นอกจากนั้น ก็อาจมีจุดติเพิ่มในการดีไซน์ภายในอีกนิด จากตำแหน่งวางแก้ว ที่ดูจะติดกับข้อมือ เมื่อต้องโยกคันเกียร์ และไม่มีช่องวางของที่เท้าแขน แต่มีช่องหลังแผงควบคุมแอร์ และที่แผงประตูด้านล่างทำให้การวางสิ่งของดูจะต้องเอื้อมลำตัวออกไปจากตำแหน่งขับมากหน่อย หากไม่วางลงที่ตำแหน่งวางแก้ว
สำหรับจุดขายภายในนี้ อยู่ที่ระบบ Sensus Connect ที่เชื่อมต่อระบบอินเทอร์เน็ตเข้ามาไว้ในระบบ จอแสดงผลทั้งระบบนำทาง รวมทั้งสาระบันเทิงในรูปแบบที่ดูและใช้งานง่าย Sensus Connect มีระบบสั่งการด้วยเสียง และอ่านข้อความเป็นเสียง ระบบนี้ยังคัดเลือกแอพพลิเคชั่นต่างๆ ที่คนคุ้นเคยและใช้งานอยู่ในปัจจุบันมาไว้ในรถให้ใช้งานได้สะดวกยิ่งขึ้น โดยจะต้องทำการเชื่อมต่อ Hotspot กับโทรศัพท์มือถือ ในการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตเสียก่อน
เครื่องยนต์ ดีเซลรหัสใหม่ D4 เทอร์โบคู่ ขนาด 2 ลิตร กำลัง 181 แรงม้า @4,250rpm แรงบิด 400Nm@1,740-2,500 rpm พร้อมเทคโนโลยี i-ART ระบบหัวฉีดอัจฉริยะ ที่ติดตั้ง ชิปควบคุมกาสั่งฉีดน้ำมัน แยกลูกสูบ ให้แรงดันสูง 2,500 บาร์ ซึ่งระบบนี้ จะช่วยให้การฉีดจ่ายน้ำมันได้อย่างเหมาะสม เผาไหม้อย่างสมบูรณ์ ส่งกำลังอย่างต่อเนื่อง และใช้เชื้อเพลิงอย่างคุ้มค่า
การทำงานของ ทวินเทอร์โบ ใน XC60 D4 บล๊อกใหม่นี้ เทอร์โบลูกเล็กรีดแรงบิดที่รอบต่ำ เมื่อเครื่องยนต์ไปถึงรอบที่กำหนด เทอร์โบลูกใหญ่ จะช่วยปั่นกำลังอย่างต่อเนื่อง ในช่วงเวลาที่นานขึ้น และลากรอบได้มากยิ่งขึ้น ผสานกำลังลงสู่ระบบขับเคลื่อนล้อหน้า ด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 Speed มาพร้อม Sport Mode และ การควบคุมเกียร์ + - ด้วยตนเอง
ทันทีที่สตาร์ทติดเครื่องยนต์ รอบเดินเบาของเครื่องยนต์ดีเซลตัวนี้เดินได้นิ่งและค่อนข้างราบเรียบ รวมถึงความเงียบที่ทำได้อยู่ในเกณฑ์ดีมาก ในการขับขี่ที่เน้นการตอบสนองของสมรรถนะ ด้วยโหมดส่งกำลัง D การตอบสนองของคันเร่งจะออกแนวแข็งๆ ไปหน่อย ต้องกดคันเร่งลึก ในจังหวะเร่งแซง Kick Down ก่อนที่รถจะชู๊ท พุ่งทะยานไปข้างหน้า ด้วยแรงบิด 400Nm ที่มาก่อน 2,000rpm และลากรอบไปเรื่อยๆจนตัดที่ประมาณ 4,000rpm แต่ด้วยระบบเกียร์ 8 Speed ที่ทำให้ช่วงรอยต่อของเกียร์ราบรื่น จึงไม่รู้สึกถึงแรงกระชาก ดูดิบ หรือ ทำให้เรารู้สึกว่ารถนั้นแรงเร็ว แต่เมื่อหันมามองความเร็วแล้ว ก็คงต้องยอมรับจริงๆ ว่า เราโดนอาการของทั้งตัวรถและเครื่องยนต์หลอกไปเสียแล้ว หากต้องการความเร้าใจจะต้องผลักคันเกียร์ไปที่ตำแหน่ง S ทางซ้ายมือ เมื่อกดคันเร่งปุป กำลังเครื่องยนต์รอบมารอให้ใช้ปัป สามารถลากไปได้จนตัดขึ้นเกียร์ที่ 4,800rpm ช่วยให้การตอบสนองทะยานเร่งแซง เป็นไปได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้นกว่า D Mode การออกตัวในช่วง 3-4 เกียร์แรก หรือ ความเร็วในช่วงต้น ถึง ประมาณ 150 กม./ชม. ดูจัดจ้านขับสนุก ขึ้นไว แต่เมื่อพ้นช่วงความเร็วประมาณ 160 กม./ชม. ขึ้นนั้น พบว่าตัวเลขค่อยๆขึ้นแบบมาเรื่อยๆ ไม่หวือหวา แต่ความเร็วก็มาต่อเนื่องไม่หมดง่ายๆ ซึ่งในช่วงนี้ จะอยู่ช่วงตำแหน่งเกียร์ 7-8 ซึ่งเป็นเกียร์ Overdrive
สำหรับเกียร์ 8 Speed ลูกนี้ อาจทำให้ผู้ที่ชอบขับด้วยวิธี Shift เกียร์ลงก่อนเข้าโค้งนั้น รู้สึกรำคาญใจบ้าง เนื่องจาก แทบจะไม่มีอาการดึงของ E-Brake (แรงเบรกจากกำลังของรอบเครื่องยนต์) ให้สัมผัสกันได้เลย เพราะชุดเกียร์ที่มีอัตราทดติดมาอย่างต่อเนื่อง และซอยย่อยถึง 8 Speed จึงอาจไม่เหมาะกับการใช้วิธี E-Brake ดึงกำลังเครื่องยนต์ก่อนเข้าโค้งได้ เราจึงแนะนำว่าให้ใช้การเบรกที่แป้นเบรก เพื่อชะลอความเร็วก่อนเข้าโค้งจะดีกว่า และถ้าหากคุณกดปุ่ม Eco+ ด้วยแล้ว ระบบนี้มันจะปิดการทำงานของการใช้ E-Brake ด้วยเพื่อป้องการใช้รอบสูง ซึ่งจะสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง
ด้วยอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ตามเคลมที่ 8.5 วินาที และ Top Speed 210 กม./ชม. ทางเราไม่มีโอกาสได้ลองจับอัตราเร่งใน Trip ทดสอบนี้ แต่มีช่วงที่ถนนโล่งให้ได้เผลอใจลอง Top Speed กันสักนิด ปรากฏว่า ทำได้มากกว่าที่เคลม จากตัวเลขที่วิ่งบนเรือนไมล์ ไปได้ถึง 215 กม./ชม. และมีสิทธิที่จะได้เห็น 220 กม./ชม. ถ้าถนนมีให้วิ่งยาวพอ
นอกจากตัวเลขสมรรถนะที่น่าตื่นเต้นแล้ว ตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองที่เคลมอยู่ที่ 21.3 กม./ลิตร ซึ่งใน XC60 D4 คันนี้มาพร้อมฟังก์ชั่น Eco+ ที่จะช่วยลดมลพิษและปริมาณการใช้เชื้อเพลิงลงได้อีก 5% Eco+ จะทำงานร่วมกันจากหลายส่วน ตัวหนึ่งที่สำคัญคือ Eco Coast ซึ่งจะปิดการทำงานของระบบเบรกของเครื่องยนต์ (engine brake) ตามที่กล่าวไว้ข้างต้น ในย่านความเร็วระหว่าง 65-140 ก.ม./ช.ม. และเครื่องยนต์จะเปลี่ยนมาที่รอบเดินเบา และอีกปุ่มกับฟังก์ชั่น Start/Stop ที่น่าเสียดายเนื่องจากมันทำงานต่อเมื่ออุณหภูมิภายนอกต่ำกว่า 33 องศาเซลเซียสเท่านั้น ซึ่งในทริปทดสอบนี้เราจึงเห็นระบบดับเครื่องยนต์ทำงานเพียงแค่ครั้งเดียว ในช่วงที่ติดไฟแดงตอนฝนตก
ระบบการควบคุมของตัวรถ พวงมาลัยแร็คแอนด์พีเนียนผ่อนแรงไฟฟ้า ที่มีรัศมีวงเลี้ยว 5.85 ม. แม้รัศมีในการตีวงมากในสไตล์รถใหญ่ แต่ด้วยน้ำหนักพวงมาลัยที่ผ่อนแรงในช่วงความเร็วคืบคลานหรือออกตัว สามารถสาวได้คล่องตัวเบามือ ดังนั้นจังหวะรถติดในตัวเมือง หรือการหักเลี้ยวเข้าซอย หรือจะวนขึ้น-ลงที่จอดรถนั้นทำได้อย่างคล่องแคล่วสบายมือ เมื่อขับขี่ที่ความเร็วสูงขึ้นพวงมาลัยก็ จะแปรผันน้ำหนักได้เหมาะสมกับความเร็วที่เพิ่มขึ้น โดยที่ยังมีพื้นที่ฟรีของพวงมาลัยให้เลี้ยวไว้อย่างกระชับพอประมาณ สำหรับการบังคับวงเลี้ยวพวงมาลัยถือว่า ทำได้ดีบังคับเลี้ยวได้แม่นยำในระดับ หนึ่ง แต่อาจจะไม่ได้เฉียบคม ฉับไวมากจนเกินไปนัก เหมือนอย่างรถเล็ก
ระบบช่วงล่างอิสระ 4 ล้อ ด้านหน้าแบบ แม็กเฟอร์สันสตรัท และด้านหลังแบบ มัลติลิงค์
อาการของช่วงล่างของ XC60 D4 นี้มาแนวหนักแน่น ออกแข็ง พร้อมลุยสไตล์ Crossover ในทุกช่วงความเร็วทุกสภาพถนน แต่อาจพบว่ามันนั่งไม่สบายเท่าที่ควรนัก ในช่วงขับขี่ที่เผชิญกับถนนที่พื้นผิวเปรียบเสมือนอยู่บนพระจันทร์ มันกลับให้อารมณ์ที่ดูสะเทือนขึ้นมาให้ช่วงลำตัวได้สัมผัสกันพอสมควร แม้จะพยายามซับแรงกันไปบ้างแล้ว ถึงแม้ช่วงล่างอาจจะดูแข็งไปหน่อยแต่การโดยสาร สำหรับการเดินทางที่ความเร็วสูง ต้องบอกว่าทำได้ดียอดเยี่ยม เราขับที่ความเร็วประมาณ 150 กม./ชม. ให้ความรู้สึกเหมือนใช้ความเร็วที่ประมาณ 120 กม./ชม. เมื่อเทียบกับรถยนต์ SUV หรือ รถยนต์บ้านญี่ปุ่นทั่วๆไป อย่างที่เราได้กล่าวไปข้างต้นว่าโดนอาการของตัวรถหลอกเอาเสียแล้ว เพราะที่ความเร็วสูง ระบบกันสะเทือนยังให้การยึดเกาะดีเยี่ยมกับตัวรถ แม้ทรงรถจะสูงใหญ่แบบ Crossover ระดับกลางก็ตาม
ช่วงล่างอาจเริ่มโคลงเคลงดูไม่มั่นคงนัก ที่ความเร็วระดับ 180-190 กม./ชม. ซึ่งความเร็วที่ต่ำกว่านั้น 170 กม./ชม. ยังให้การยึดเกาะที่ยังมั่นใจดี ซึ่งเราได้สังเกตุเห็นลักษณะการทำงานของช่วงล่าง เมื่อขับตามรถคันหน้าที่มาในขบวน จะพบว่าในช่วงที่ผ่านพื้นผิวขรุขระ ตัวรถนิ่งสนิท แต่ช่วงล่างอิสระที่ดูจะดิ้นไปตามสภาพผิวที่ดูตะปุ่มตะป่ำเหล่านั้น
สำหรับระบบเบรก 4 ล้อ ที่มาพร้อมระบบ ABS, EBD, EBA ให้การตอบสนองที่ดี ดูดเท้าดีใช้ได้ กล่าวคือ ไม่ต้องกดแป้นเบรกลึกมาก เบรกก็เริ่มตอบสนอง ทำงานด้วยการชะลอความเร็วลง และดูดความเร็วลงอย่างนุ่มเท้าไม่จิกจนเกินไปเมื่อลงน้ำหนักเท้ามากขึ้น นั่นจึงทำให้ผู้โดยสารไม่สัมผัสถึงอาการวิงเวียนจากอาการเบรกจิก แต่ด้วยความที่ตัวรถหนักและใหญ่แบบรถขนาดกลางนี้เอง จึงอาจทำให้จังหวะที่ต้องเบรกลดความเร็วลงโดยเร็ว อาจจะหน่วงลงช้าสักเล็กน้อย ไม่หยุดตามเท้าสั่ง เนื่องจากแรงเฉื่อยของตัวรถที่มีมากทำให้อาจต้องเผื่อระยะเบรกเพิ่มอีกนิด
ด้านระบบความปลอดภัย สำหรับ Volvo แล้วต้องถือว่าเป็นจุดขายที่สำคัญของรถแบรนด์สวีดิชนี้ ที่ใส่ใจทั้งผู้ที่อยู่ภายในรถ จนถึงเพื่อนร่วมท้องถนน XC60 D4 อัดแน่นด้วยระบบความปลอดภัยเต็มพิกัด ระบบเบรกอัตโนมัติที่ทำให้รถไม่ชนรถคันข้างหน้า ไม่ชนคนเดินถนน และไม่ชนจักรยาน (City Safety) และ Pedestrian and Cyclist Detection with Full Auto Brake นอกจากนี้ยังมีระบบแจ้งเตือนเพื่อป้องกันรถวิ่งออกนอกช่องทางเดินรถ (Lane Departure Warning) ระบบแจ้งเตือนเมื่อมีรถวิ่งเข้ามาทางด้านข้างขณะถอยหลังออกจากที่จอด (Cross Traffic Alert) Blindspot, DSTC, Adaptive Cruise Control เป็นต้น ซึ่งเรียกได้ว่า ระบบเซ็นเซอร์ทั้งหลาย จะเตือนคุณทั้งเสียง และแสงไฟที่กระพริบสะท้อนเข้าตาคุณ จนอาจทำให้รำคาญหากเปิดทุกระบบ และขับในช่วงที่มีรถคับคั่งและ เกิดการเปลี่ยนเลนไปมา
สรุปกับ Volvo XC60 ซึ่งถือเป็นรุ่นรถของ Volvo ตัวขายดีในปี 2013 มาปีนี้ 2014 เครื่อยนต์ D4 ที่มากับ Powertrain ใหม่ และราคาค่าตัวที่เพิ่มขึ้นอีกหน่อยอยู่ที่ 3.145 ล้านบาท ใช้ขุมพลังที่มีได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ทั้งกำลังที่ต้องเรียกว่าเข้าขั้นน่าประทับใจ จากการเป็นรถสไตล์ผู้ดีไม่มีอาการกระโชกโฮกฮาก ดูเผินๆ ไม่น่าใช่รถแรงอะไร แต่ด้วยตัวเลขความเร็วที่พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าอย่ามองแค่ภายนอกแล้วคิดกันไปเองเชียว และอัตราสิ้นเปลืองก็อยู่ในเกณฑ์ดีใช้ได้อีกด้วย จุดที่อาจจะต้องเรียกว่า รำคาญใจไปนิด นั่นก็คือ เรื่องของการโดยสารช่วงล่างที่มีอาการตึงตัง หนักแน่นมากเกินไปจนอาจทำให้นั่งไม่สบายนักเพราะต้องแลกด้วยการยึดเกาะถนนที่เป็นเยี่ยม ซึ่งถ้าคุณเป็นพวกคอลุยอยู่แล้วและไม่ใส่ใจในเรื่องของการโดยสารมากเท่ากับการขับขี่ที่ดีเยี่ยมแล้วล่ะก็ มองข้ามจุดตรงนี้ไปได้เลย
นอกจากนั้นเทคโนโลยีความปลอดภัยของ Volvo ที่ถือเป็นจุดขายนั้น ก็มาพร้อมและครบครัน นอกจากเสียจาก เทคโนโลยีการขับขี่ที่ยอดเยี่ยมแล้ว XC60 คันนี้ ยังให้คุณเชื่อมต่อกับโลกออนไลน์ ด้วย Sensus Connect นั่นจึงช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับชีวิตประจำวันที่มากขึ้นไปอีกด้วย
สรุปสั้นๆ Volvo XC60 D4 ใหม่ ที่มากับขุมพลังระบบส่งกำลัง ที่ทำให้แรงขึ้นแต่ประหยัดขึ้นด้วย นอกจากนั้นเทคโนโลยีใหม่ ที่อัดเข้ามา น่าจะช่วยผลักดันให้ได้รับการตอบรับจากแฟนๆ Volvo อย่างดีเยี่ยม และเราเชื่อว่า XC60 D4 ใหม่นี้จะเป็นตัวชูยอดขายให้กับ Volvo เหมือนดั่งเช่นปีที่แล้วแน่นอน
ขอขอบคุณ Volco Cars ประเทศไทย สำหรับทริปทดสอบ Volvo XC60 D4 ในครั้งนี้
ภณ เพียรทนงกิจ Test Driver
พบรถ Volvo และ Volvo XC60 มือ 2 ได้ที่ Thaicar.com
ความคิดเห็น