ขับทดสอบ 2014 ฮอนด้า โมบิลิโอ เอ็มพีวีรุ่นแรกที่ทำการผลิตในประเทศไทย ภายนอกแนวสปอร์ต ปรับมาอย่างเนียนบนตัวถังกำลังดี
2014 ฮอนด้า โมบิลิโอ
หลังจากเปิดตัวเอ็มพีวีรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง 2014 ฮอนด้า โมบิลิโอ เอ็มพีวีรุ่นแรกที่ทำการผลิตในประเทศไทยของฮอนด้า แน่นอนว่าได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก จนในที่สุดฮอนด้าก็เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนได้ทดสอบแบบสั้น ๆ กันหลังเปิดตัวเพียง 2 สัปดาห์
แม้จะเป็นน้องใหม่ที่แบกรับความหวังด้วยเป้าหมายการจำหน่ายปีละ 1 หมื่นคัน พร้อมด้วยการยกไลน์การผลิตมาไว้ในประเทศไทยด้วยหลายเหตุผล พร้อมทำราคาท้าชนตลาดบี-เซกเมนต์ด้วยราคาจำหน่าย 5.97-7.39 แสนบาท ถือเป็นราคาจำหน่ายที่น่าสนใจไม่น้อย
ด้านรูปร่างหน้าตาต้องบอกว่าจัดมาแบบเน้นอารมณ์สปอร์ตกันมากที่สุดเมื่อเทียบกับคู่แข่งในเซกเมนต์ แม้จะยืมอุปกรณ์มากมายหลายสิ่งมาจากน้องเล็กของค่ายอย่างฮอนด้า บริโอ้ แต่โดยรวมแล้วก็ถือว่าทำให้รถคันนี้มีความน่าสนใจมากขึ้นไม่น้อย
จุดเด่นที่สุดของรถคือความเอนกประสงค์ในเรื่องของการใช้งานแบบเอ็มพีวีขนาดเล็ก ที่ให้จำนวนที่นั่งมาถึง 7 ที่นั่ง สามารถบรรทุกคนหรือของไปไหนมาไหนได้อย่างสบาย แต่ก็ต้องแลกกับอัตราการตอบสนองของเครื่องยนต์ที่ดูจะไม่จี๊ดจ๊าดเท่าที่ควร รวมถึงช่วงล่างที่ยังต้องปรับปรุงอยู่พอสมควร
ความเด่นของรถทำให้ตลาดบี-เซกเมนต์ไม่ต้องหวั่นที่จะถูกแย่งชิง แต่แน่นอนว่าด้วยชื่อชั้นของฮอนด้า น่าจะทำให้คู่แข่งที่เปิดตัวทำตลาดอยู่ก่อน ออกอาการปวดหัวอยู่มิใช่น้อย...
ภายนอกแนวสปอร์ต ปรับมาอย่างเนียนบนตัวถังกำลังดี
แม้เราจะเห็นจากหน้าตาและอะไรหลาย ๆ อย่างของตัวรถว่านี่คือการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงของฮอนด้า บริโอ้ ที่ทำการขยายร่างออกมาให้กลายเป็นรถเอ็มพีวีขนาดเล็ก ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในรายละเอียดปลีกย่อยของรถไปจำนวนมาก
กระจังหน้าขนาดใหญ่ที่ถูกออกแบบมาให้เป็นรูปแบบเต็มพื้นที่ด้านหน้าของรถ ทำให้ด้านหน้ารถมีความสปอร์ตอย่างโดดเด่น ประกอบกับการเล่นเส้นสายที่วิ่งอย่างเฉียบคมไปตามพื้นที่ของรถ ทำให้รถคันนี้ถือว่าสอบผ่านในเรื่องของการออกแบบด้านหน้าและด้านข้าง
ขณะที่ด้านหลังนั้น แม้ทีมออกแบบพยายามที่จะทำให้ด้านหลังรถมีมิติด้วยกรอบไฟท้ายแบบหลายชิ้น แต่ก็ดูยังไม่ค่อยลงตัวและดันไปพ้องต้องกับกับรถรุ่นอื่น ๆ จากหลาย ๆ ค่ายที่ออกมาก่อน ทำให้ดูไม่ตื่นเต้นเร้าใจเท่าที่ควรที่ด้านหลัง
ตัวรถมีความยาว 4,386-4,398 มิลลิเมตร กว้าง 1,683 มิลลิเมตรและสูง 1,603 มิลลิเมตร โดยมีระยะฐานล้อยาว 2,652 มิลลิเมตร และมีความสูงใต้ท้องรถ 189 มิลลิเมตร น้ำหนักรถเบา 1,173-1,223 กิโลกรัม ติดตั้งล้ออัลลอยขนาด 15 นิ้ว
ขนาดของรถไม่ใช่ปัญหาในการขับขี่แต่อย่างใด ความยาวของรถแม้จะถูกยืดขนาดออกให้กว้างแล้ว ตำแหน่งของซุ้มล้อหลังก็อยู่กึ่งกลางระหว่างที่นั่งตอนสองและตอนสามพอดี ซึ่งส่งผลกับผู้โดยสารตอนกลางมากพอสมควร ซึ่งจะกล่าวถึงกันอีกครั้ง
ในรุ่นท๊อปอย่างอาร์เอส มาพร้อมชุดแต่งสปอร์ตรอบคัน กระจังหน้าโครเมียม ไฟหน้าโปรเจคเตอร์พร้อมไฟหรี่แบบแอลอีดี ไฟตัดหมอกคู่ สเกิร์ตข้างและสปอยเลอร์หลัง ซึ่งช่วยเพิ่มความสปอร์ตให้กับหน้าตา โดยไม่ได้ส่งผลอะไรกับการขับขี่แต่อย่างใด
เครื่องยนต์ไม่จี๊ดจ๊าด เหนื่อยหน่อยแต่ไปไหว
แน่นอนว่าในตลาดรถยนต์เอ็มพีวีเล็กในประเทศไทยนั้น เครื่องยนต์ที่แต่ละค่ายต่างนำมาเลือกใช้ก็คือเครื่องยนต์ที่มีขนาดไม่เกิน 1.5 ลิตรกันทั้งหมด ฮอนด้าก็ไม่ได้หนีไปจากแนวคิดนี้ ด้วยการนำเครื่องยนต์ไอ-วีเทค 1.5 ลิตรกลับมาใช้กับรถรุ่นนี้อีกครั้ง
เครื่องยนต์ที่รองรับเชื้อเพลิง อี20 รุ่นนี้ ให้กำลังสูงสุด 120 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 145 นิวตันเมตรที่ 4,600 รอบต่อนาที ผ่านมาตรฐานไอเสียยูโร 4 ในรุ่นที่นำมาทดสอบส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติแบบซีวีที
เครื่องยนต์ให้การตอบสนองแบบเอื่อยเฉื่อยไม่จี๊ดจ๊าด แถมยังส่งเสียงครางกระหึ่มในยามเร่งความเร็ว แม้การทำความเร็วไปที่ระดับ 120-140 กิโลเมตรจะไม่ใช่ปัญหาก็ตาม แต่ก็แลกกับอาการของเครื่องยนต์ที่แสดงว่าเหนื่อยอย่างเห็นได้ชัด
โหมดการขับขี่แบบ D และ S นั้น ให้ความแตกต่างกันไม่มากในการขับขี่ เพียงแต่ในยามเร่งแซง อาการของรถที่โหมดเอสจะตอบสนองดีกว่าเพียงเล็กน้อย แลกกับรอบเครื่องยนต์ที่สููงขึ้น ก็น่าจะส่งผลต่อเรื่องอัตราสิ้นเปลืองอยู่ไม่น้อย
เอาเป็นว่าในเรื่องของการใช้งานในเมืองนั้นไม่มีปัญหา เครื่องยนต์สามารถรองรับการขับขี่ในรูปแบบของรถครอบครัวได้อย่างสบาย การออกตัวไม่ปรู๊ดปร๊าด ย่านความเร็วกลางตอบสนองดี แต่ถ้าคิดจะทำความเร็วสูง ๆ คงต้องคิดกันอีกที
ทีมงานของฮอนด้าระบุว่ารถคันนี้ทำการเซตอัพความเร็วสูงสุดของรถไว้ที่ 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยในการขับทดสอบที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงแก๊สโซฮอล์ 91 นั้น สามารถทำความเร็วได้มากกว่าที่กำหนดไว้เล็กน้อย แต่ก็แลกมาด้วยการเค้นเครื่องยนต์อย่างต่อเนื่องเหมือนกัน
ภายในยกมาจากบริโอ้ในรุ่นกลาง แต่ปรับเพิ่มในรุ่นบน
ผมมีโอกาสได้ทดลองขับโมบิลิโอในรุ่นกลางก่อนหน้านี้ต่อเนื่องกับรุ่นท๊อปในทริป ทำให้มีโอกาสได้ลองสัมผัสกับบรรยากาศภายในรถยนต์รุ่นกลางซึ่งเป็นรุ่นที่ยกภายในมาจากบริโอ้เกือบจะทั้งหมด รวมไปถึงรุ่นใหญ่ที่มีการตกแต่งมาอย่างลงตัวมากขึ้น
เอากันที่รุ่นกลางก่อน อย่างที่บอกครับว่าเป็นการยกมาจากบริโอ้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นคอนโซลหน้า เครื่องเสียงแบบไม่มีซีดี สีสันภายในโทนน้ำตาลอ่อนสลับเข้ม แม้แต่เบาะที่นั่งที่ไม่รับน้ำหนักตัวคนนั่งเลยสีน้ำตาลอ่อนก็ยังยกมาด้วยกันทั้งหมด
ขณะที่รุ่นท๊อปนั้น มาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงห้องโดยสารภายในมหาศาล ไม่ว่าจะเป็นโทนสีของห้องโดยสารที่เน้นโทนสีดำตัดกับสีเงินเมทัลลิกเพื่อเพิ่มความสปอร์ตให้รถมากขึ้น รวมถึงเบาะที่นั่งก็เปลี่ยนเป็นเบาะผ้าสีดำที่ดูลงตัวและสกปรกยากกว่า
ในรุ่นบนนั้น ระบบวิทยุได้เปลี่ยนมาใช้เครื่องเสียงจอสัมผัสแบบ 7 นิ้ว ที่มาพร้อมฟังชั่นการเชื่อมต่อกับโทรศัพท์ผ่านบลูทูธเป็นที่เรียบร้อย จะเหลือก็แค่พวงมาลัยมัลติฟังชั่นส์ที่ยังกั๊กเอาไว้อยู่ ไม่ไดัปล่อยของมาทั้งหมดในรุ่นนี้ แต่ก็ติดตั้งปุ่มควบคุมเครื่องเสียงมาให้
แม้จะปรับมาใช้เครื่องเสียงจอสัมผัสที่มาพร้อมช่องยูเอสบี 2่ ช่องและช่อง HDMI มาให้แล้ว แต่ก็ยังไม่มีการติดตั้งช่องใส่ซีดีเอามาไว้ให้อยู่ดี ซึ่งน่าจะเป็นเหตุผลในเรื่องของการลดต้นทุนและพฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนไปเป็นหลัก
ห้องโดยสารรองรับผู้โดยสารสูงสุดถึง 7 คนตามสเปก แต่เอาจริง ๆ เบาะตอนที่ 3 ขอสงวนไว้สำหรับเด็ก ๆ และสตรีร่างเล็กเป็นหลัก เพราะการจัดวางที่นั่งนั้น มองด้วยสายตาก็รู้ว่าเมื่อยแน่นอนหากนั่งเป็นระยะทางไกล ๆ แถมยังไม่มีแอร์แถว 3 ให้อีกต่างหากนะ
เอนกประสงค์เป็นหลัก ขับขี่และควบคุมเป็นรอง
จริง ๆ แล้วรถยนต์ในกลุ่มมินิ เอ็มพีวีในประเทศไทยที่เป็นคู่แข่งโดยตรงของโมบิลิโอนั้น หากย้อนกลับไปดูจริง ๆ ก็แทบจะไม่มีคันไหนที่ได้รับคำชมในเรื่องของการขับขี่สักคัน เพราะจริง ๆ แล้วรถยนต์กลุ่มนี้ออกแบบและพัฒนาโดยแทบไม่ได้ปรายตามองตลาดไทยเลยเสียด้วยซ้ำ
โมบิลิโอก็หนีไม่พ้นข้อกกล่าวหาดังกล่าวเช่นกัน เพราะอย่างที่บอกแล้วว่าเรื่องแรกก็คือในเรื่องของเครื่องยนต์ที่ให้การตอบสนองแบบไม่จี๊ดจ๊าดนัก แถมยังส่งเสียงครางอย่างรุนแรงเมื่อเร่งความเร็วอีกต่างหาก เรียกว่าดังทั้งเครื่องทั้งยางไปพร้อม ๆ กัน
ระบบเบรกด้านหน้าเป็นดิสก์เบรกพร้อมช่องระบายความร้อน พร้อมดรัมเบรกที่ด้านหลัง เมื่อมาเจอกับน้ำหนักรถที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้การตอบสนองต่อการเบรกอย่างรุนแรงออกมาในลักษณะอาการหัวทิ่ม ซึ่งถือว่าสอบผ่านในเรื่องการเบรก ถ้าผู้โดยสารไม่โวยเสียก่อนในเรื่องนี้
ระบบกันสะเทือนหน้าแบบแมคเฟอร์สัน สตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง หลังเป็นทอร์ชั่นบีม แบบเอชเชฟ ออกอาการโยนตัวอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเปลี่ยนเลนอัตโนมัติหรือกลับรถด้วยความเร็วปานกลาง ตำแหน่งที่นั่งผู้โดยสารตอนกลางที่วางอยู่บนซุ้มล้อ ที่แน่นอนว่าต้องรับแรงสะเทือนและแรงเหวี่ยงมากหน่อย
แล้วถามว่าคุณเหมาะกับรถคันนี้หรือไม่ ตอบคำถามเหล่านี้ให้ชัดเจนก่อนตัดสินใจเป็นเจ้าของ หนึ่ง สมาชิกทั้ง 7 ที่จะมานั่งรถคันนี้มีเด็ก ๆ อยู่ด้วยใช่หรือไม่ สอง เป็นคนขับรถไม่เร็วมากใช่หรือไม่ สาม ใช้งานเป็นหลักในเมืองและรอบ ๆ เมืองใช่หรือไม่ สี่ ไม่อยากจ่ายสตางค์มากกว่านี้ซื้อรถแพงกว่านี้ ใช่หรือไม่
ถ้าคำตอบคือ ใช่ ใช่ ใช่ และใช่ มินิ เอ็มพีวีน่าจะเป็นคำตอบที่เหมาะสม และฮอนด้า โมบิลิโอ ก็น่าจะเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจในตลาดนี้ ซึ่งจริง ๆ แล้วก็มีคู่แข่งอยู่ไม่กี่ราย และต่างก็มีข้อดี-ข้อด้อยที่แตกต่างกันออกไป
แต่ถ้าไม่ได้มีความจำเป็นที่จะต้องใช้งานเบาะแถวที่ 3 เลย หรืออยากได้สมรรถนะการขับเคลื่อนที่ดีกว่าในเรื่องของเครื่องยนต์ ช่วงล่างและการควบคุมรถ ลองเหล่ ๆ ไปที่รถยนต์ในกลุ่มบี-เซกเมนต์ที่ราคาจำหน่ายใกล้เคียงกันดู ก็น่าจะเหมาะกับการใช้งานมากกว่า
เลือกรถตามการใช้งานและไปลองด้วยตัวเองก่อนตัดสินใจครับ การทดสอบเป็นส่วนหนึ่งของการตัดสินใจเท่านั้น ไม่แน่ไปลองขับดูอาจจะลงตัวเป๊ะเลยก็ได้นะ...
รายละเอียดทางเทคนิค 2014 ฮอนด้า โมบิลิโอ
ราคาจำหน่าย | 5.97-7.39 แสนบาท |
เครื่องยนต์ | ไอ-วีเทค 1.5 ลิตร |
กำลังสูงสุด | 120 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที |
แรงบิดสูงสุด | 145 นิวตันเมตรที่ 4,600 รอบต่อนาที |
ระบบส่งกำลัง | ธรรมดา 5 สปีดหรืออัตโนมัติซีวีที |
ขอขอบคุณ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) สำหรับทริปทดสอบในครั้งนี้
ผู้เขียน golfautospinn พูดคุยกันได้ที่ pisan.i@icarasia.com หรือเฟซบุ๊ค Autospinn.Fan
ติดตามข่าวรถยนต์ ราคารถยนต์ รีวิวรถยนต์ และจักรยานยนต์ทุกยี่ห้อ กับเรา Autospinn
แชร์ความคิดเห็นบนเว็บบอร์ด Autospinn คลิกเลย webboard.autospinn.com
เช็คโปรโมชั่นรถใหม่ เช็คราคารถใหม่ ได้ที่นี่
ราคารถมือสอง ซื้อรถมือสอง ขายรถมือสอง เชิญได้เลยที่ one2car
ความคิดเห็น