ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 350 คัน สำหรับ 2013 นิสสัน พัลซาร์ เทอร์โบ ที่ทางค่ายนิสสัน ประเทศไทย ทำการพัฒนามาเพื่อเอาใจนักเลงรถซิ่ง ด้วยคุณสมบัติที่เหนือชั้นมากมายในเรื่องของการขับขี่
แต่ก็ดูเหมือนว่าจะเป็นรถที่มาแบบลุ่ม ๆ ดอน ๆ จะด้วยเพราะเหตุผลของราคาจำหน่ายที่ปาเข้าไป 1.07 ล้านบาทก็ตามที หรือจะเป็นเพราะความไม่นิยมในตัวของพัลซาร์อยู่แล้วก็ตามที แต่ผ่านมาเกินครึ่งปี รถรุ่นนี้ก็ยังมีขายอยู่ในโชว์รูม
จริง ๆ แล้ว นิสสันเองก็ไม่ได้ทำตลาดนิสสัน พัลซาร์ในประเทศไทยได้ดีเลิศสักเท่าใด เพราะอย่างที่รู้อยู่ว่าบรรดาคู่แข่งในตลาดซี-เซกเมนต์นั้น นอกจากจะมีอยู่เยอะแยะเต็มไปหมดแล้ว แต่ละรายยยังถือว่าอาวุธครบมือ ทำให้ยากต่อการตีตลาดเป็นยิ่งนัก
เราคงไม่ปฏิเสธว่ารถยนต์คันนี้แรงจริงสมแก่การพัฒนาขึ้นมาเพื่อเป็นรถยนต์ที่แรงที่สุดในคลาส ที่ให้การตอบสนองที่ดีเยี่ยมในเรื่องของการขับขี่ แต่แน่นอนว่าเมื่อทุ่มกำลังไปที่การพัฒนาเครื่องยนต์เป็นหลัก ก็ทำให้เกิดความหละหลวมในการปรับปรุงด้านอื่น ๆ
ลองติดตามกันดูครับว่ามันจะคุ้มค่ากับค่าตัวที่ต้องเสียไปหรือไม่...
ภายนอกเดิม ๆ เติมสติกเกอร์ที่ควรแกะทิ้ง
ถ้าจะให้พูดถึงภายนอกของรถคันนี้ก็ต้องบอกว่าไม่ได้มีอะไรแตกต่างไปจากรุ่นท๊อปของพัลซาร์เดิมเลยแม้แต่น้อย แถมยังตัดซันรูฟซึ่งทำให้รถดูหรูหราออกไปอีกต่างหาก ซึ่งก็น่าจะเป็นเหตุผลทางด้านการควบคุมต้นทุนเป็นหลัก
สติกเกอร์ด้านข้างรถที่ติดมานั้น ให้อารมณ์และบรรยากาศที่เหมือนไปขอยืมฟอนท์ตัวอักษรมาจากรถสปอร์ตพันธุ์แท้ยังไงก็ไม่รู้ ดูแล้วไม่เข้ากับตัวรถอย่างแรง แนเะนำว่าถ้าใครซื้อมาแล้วควรลอกทิ้งเป็นอย่างยิ่ง
ไฟหน้าแบบไบ-ซีนอน โปรเจคเตอร์ ที่มาพร้อมระบบเปิด-ปิดและปรับระดับสูง-ต่ำอัตโนมัติ แถมด้วยระบบล้างทำความสะอาดไฟหน้า ด้านหลังมีไฟเบรกดวงที่ 3 ขณะที่กระจังหน้าโครเมียมดูลงตัวและตัดกันกับรถสีดำที่นำมาทดสอบ
เครื่องยนต์แรงสุดในคลาส ตอบสนองดีแต่ไม่สนาน
หากมองในเรื่องของการพัฒนาเพื่อให้เป็นรถยนต์ที่แรงที่สุดในคลาส ก็ต้องบอกว่าพัลซาร์ เทอร์โบคันนี้สอบผ่านในหัวข้อนี้แบบฉลุย เพราะแรงดึงของรถขณะกดคันเร่งลงไปนั้นถือเป็นโมเมนต์ที่น่าสนใจสำหรับสิงห์นักขับทุกคน
เครื่องยนต์ MR16DDT ที่พัฒนาขึ้นมาใหม่ขนาด 1.6 ลิตร พร้อมเทอร์โบชาร์จเจอร์ ซึ่งให้กำลังสูงสุดถึง 190 แรงม้าที่ 5,600 รอบต่อนาที พร้อมให้แรงบิดสูงสุด 240 นิวตัน-เมตรแบบแฟลตทอร์ค ตั้งแต่ 2,400-5,200 รอบต่อนาที
เกียร์อัตโนมัติที่นำมาสวมแม้จะเป็นเกียร์ซีวีที แต่ก็เป็นคนละรุ่นกับที่พัลซาร์ธรรมดาใช้อยู่ แถมยังมาพร้อมฟังชั่นส์การเปลี่ยนเกียร์ได้ด้วยตนเองแบบ 6 สปีด ซึ่งก็ช่วยในเรื่องของการขับขี่มากพอสมควร แต่จริง ๆ โหมดขับขี่ธรรมดาก็เพียงพอแล้ว
นิสสันคุยว่าเครื่องยนต์มีเทคโนโลยีใหม่ ๆ มากมายเพื่อช่วยในเรื่องของการขับขี่และระบายความร้อนของเครื่องยนต์ ไม่ว่าจะเป็นการเคลือบผิวเพลาลูกเบี้ยวด้วยเทคโนโลยีนาโน วาล์วไอเสียหล่อเย็นด้วยโซเดียม รวมถึงช่องหล่อเย็นพิเศษในลูกสูบ
ภายในไม่แตกต่าง ใส่เทคโนโลยีเสริมปลอดภัย
ในภาพรวมของการออกแบบภายในแทบจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลยแม้แต่น้อย ที่เห็นได้ชัด ๆ ก็จะมีซันรูฟที่หายไป เกียร์แบบใหม่ มาตรวัดที่ปรับเปลี่ยนในรายละเอียดเล็กน้อย ที่เหลือนั้นเรียกว่ายกมาจากรุ่นเดิม ๆ เลยก็ไม่ผิด
ที่น่าสนใจก็คือการติดตั้งถุงลมมาเพิ่มให้ โดยในคู่หน้าเป็นแบบ SRS และใส่ถุงลมด้านข้าง พร้อมด้วยม่านถุงลมเข้ามา ขณะที่พวงมาลัยยังเป็นแบบมัลติฟังชั่นส์ เพื่อใช้คุมเครื่องเสียง โทรศัพท์และระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ
เบาะหนังที่ไม่ค่อยกระชับกับตัวสักเท่าไรนัก ขณะที่วัสดุที่ใช้ในการออกแบบคอนโซลหน้านั้นต้องบอกว่าให้บรรยากาศแบบรถยนต์เก่า ๆ ที่ไม่ได้เข้ากันกับเครื่องยนต์และสมรรถนะการขับขี่เลยแม้แต่น้อย
จริงอยู่ที่นิสสันเองก็ใส่เทคโนโลยีเกือบทั้งหมดที่มีอยู่มาให้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นกุญแจอัฉริยะ หรือระบบล็อครถตามความเร็วของรถ แต่เมื่อนั่งอยู่ในห้องโดยสารของรถแล้ว คำถามที่อยู่ในใจก็คือ นี่คือห้องโดยสารของรถคันละล้านจริงหรือนี่
ชื่นชมในความพยายาม แต่ยังต้องทำเพิ่มอีกเยอะ
หลังจากเอามาลองขับอยู่ 2-3 วัน ผมได้ข้อสรุปว่าทำไมเราจึงไม่ค่อยเห็นพัลซาร์ เทอร์โบ วิ่งไปมาบนท้องถนนมากนัก ทั้งที่ในช่วงที่ยังไม่เปิดตัวหรือตอนที่เปิดตัว ก็ได้รับเสียงตอบรับที่ดีอยู่เหมือนกันที่นิสสันตัดสินใจนำเข้ามาทำตลาด
ปัญหาแรกก็คือแม้เครื่องยนต์จะมีสมรรถนะที่เหนือชั้น ให้การตอบสนองที่ยอดเยี่ยมทั้งในเรื่องของการออกตัว การเร่งแซง การทำความเร็วสูง ๆ รวมไปถึงเรื่องการของการหยุดด้วยดิสก์เบรก 4 ล้อพร้อมจานเบรกที่ใหญ่ขึ้น
แต่ปัญหาในเรื่องของการขับขี่กลับอยู่ที่ช่วงล่างของรถที่แม้นิสสันจะบอกว่าได้รับการปรับแต่งให้สปริงและโช๊คแข็งหนึบขึ้นแล้วก็ตาม แต่มันก็ดูไม่ค่อยจะรองรับกับเครื่องยนต์ที่ให้มาสักเท่าไรนัก
ถ้าคุณกระโดดขึ้นรถคันนี้เป็นครั้งแรก แล้วกดคันเร่งพร้อมบอกกับตัวเองว่าช่วงล่างเหมือนจะเอาไม่อยู่ แล้วปลอบตัวเองว่าอาจจะแค่ไม่ชินกับรถหรือเปล่า คุณก็จะเกิดความรู้สึกแบบนี้ต่อไปอีกสักระยะ จนท้ายสุดมันก็จะกลายเป็นความเคยชินไป
ความรู้สึกหลอน ๆ นั้นจะเริ่มหายไปในช่วงความเร็วระดับปานกลางไปแล้ว จากนั้นการลากรถให้เลื่อยไปบนท้องถนนด้วยความสนุกสนานก็จะเข้ามาแทนที่ และรถเล็กที่มาพร้อมเกียร์ซีวีทีคันนี้ ก็จะพาคุณวิ่งผ่านความเร็ว 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมงไปอย่างไม่ยากเย็น ถ้ามีที่ทางให้วิ่งพอ
เรื่องถัดมาก็คือความรู้สึกของลูกค้าที่ยอมควักกระเป๋าจ่ายเงิน 7 หลัก เพื่อแลกกับรถยนต์ขนาดกลางทั้งที่บวกอีกนิดก็ขึ้นไปเล่นรถใหญ่กว่าได้แล้ว ความคาดหวังของลูกค้าคงต้องการอะไรที่มากกว่ารถรุ่นคล้าย ๆ กันที่ทำตลาดอยู่
หันกลับไปดูรุ่นท๊อปของพัลซาร์ที่ถูกกว่า แต่กลับมีอุปกรณ์มาให้มากกว่าเสียด้วยซ้ำ เป็นลูกค้าที่กำลังจะเดินไปซื้อก็คงมีแอบขวัญเสียเบา ๆ ทั้งที่ตอนแรกตั้งใจจะไปซื้อรถคันนี้เพราะความแรงของรถแท้ ๆ
จริง ๆ แล้วโดยส่วนตัวผมชื่นชมนิสสันที่ตัดสินใจเดินหน้าเอารถแบบนี้เข้ามาทำตลาดนะครับ เพราะถือเป็นการสร้างความแปลกใหม่ให้กับตลาดรถยนต์ในประเทศไทย รายใหญ่บางรายยังไม่กล้าทำเลย แต่ก็แค่เสียดายที่รถอาจจะยังตอบสนองได้ไม่เต็มที่
ลองดูใหม่นะครับ มาถูกทางแล้วแต่ยังไม่ค่อยถูกใจลูกค้าคนไทยเท่านั้นเอง!!!
รายละเอียดทางเทคนิค 2013 นิสสัน พัลซาร์ เทอร์โบ
ราคาจำหน่าย | 1.07 ล้านบาท |
เครื่องยนต์ | เบนซิน เทอร์โบ 1.6 ลิตร |
กำลังสูงสุด | 190 แรงม้าที่ 5,600 รอบต่อนาที |
แรงบิดสูงสุด | 240 นิวตัน-เมตรที่ 2,400-5,200 รอบต่อนาที |
ระบบส่งกำลัง | อัตโนมัติซีวีที 6 สปีด |
ขอขอบคุณ บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด สำหรับรถยนต์ทดสอบ
ผู้เขียน golfautospinn พูดคุยกันได้ที่ pisan.i@icarasia.com และเฟซบุ๊ค Autospinn.Fans
ชมภาพ 2013 นิสสัน พัลซาร์ เทอร์โบ เพิ่มเติมได้ ที่นี่
ความคิดเห็น