ซิกท์เตรียมลุยมาเลเซีย-ขยายธุรกิจในลาว รับมือตลาดไทยแข่งราคาเดือด

ซิกท์ ไทยแลนด์เตรียมรุกคืบตลาดอาเซียน เตรียมเซ็นสัญญาพันธมิตรบุกมาเลเซียต้นปีหน้า พร้อมศึกษาขยายธุรกิจเพิ่มในลาวหลังประสบผลสำเร็จหลังเปิดตัว ส่วนในไทยรับมือสงครามราคาทำตลาดป่วน

ศุกลกานต์ ธรรมชวนวิริยะ กรรมการบริหาร บริษัท มาสเตอร์ คาร์ เร้นเทิล จำกัด ในเครือเอ็มจีซี-เอเชีย ผู้ให้บริการรถเช่าระยะสั้นภายใต้แบรนด์ “ซิกท์ ไทยแลนด์” เปิดเผยว่าบริษัทฯอยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมที่จะเดินหน้าขยายธุรกิจในภูมิภาคอาเซียนอย่างต่อเนื่อง หลังเปิดให้บริการในประเทศลาวไปก่อนหน้านี้

ทั้งนี้ อยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรรายใหญ่ในประเทศมาเลเซีย เพื่อขยายการให้บริการไปที่กรุงกัวลาลัมเปอร์เป็นแห่งแรก โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จในเรื่องการเซ็นสัญญาในเร็ว ๆ นี้ และพร้อมที่จะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในช่วงไตรมาสแรกของปี 2558 เป็นต้นไป

นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างการศึกษาเพื่อขยายธุรกิจในประเทศลาวเพิ่มเติม โดยคาดว่าจะมีการเพิ่มฟลีตรถให้เช่าอีก 10 คัน จากเดิมที่มีอยู่ 10 คันที่กรุงเวียงจันทร์ เพื่อรองรับการขยายตัว รวมถึงอยู่ระหว่างการศึกษาการขยายการให้บริการที่เมืองหลวงพระบางเพิ่มเติมในอนาคต

"หลังจากที่เราได้แบรนด์ซิกท์ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ก็ทำให้เราเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวในตลาดโลกมากขึ้น เห็นได้จากตัวเลขยอดการจองรถเข้ามาในประเทศไทยที่เติบโต 30-35% ในช่วงก่อนหน้านี้ การขยายตลาดไปอาเซียนจะทำให้เรามีความแข็งแกร่ง เนื่องจากเราถือสิทธิ์อยู่ถึง 7 ประเทศในภูมิภาคนี้"

สำหรับในประเทศไทยนั้น แม้จะพบว่ายอดจองรถเช่าเริ่มปรับตัวดีขึ้นหลังจากความมั่นคงทางการเมืองในช่วง 1-2 เดือนก่อนหน้านี้ โดยในเดือนล่าสุดพบว่ามียอดจองเติบโตถึงกว่า 30% แต่ก็ประสบปัญหาเรื่องการตัดราคาของผู้ประกอบการรายอื่น ที่ส่งผลกระทบต่อมูลค่าตลาดประมาณ 15-20%

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังเดินหน้าลงทุนตามแผนงานที่วางไว้ด้วยงบลงทุน 350-400 ล้านบาทในปีนี้ แบ่งออกเป็นการซื้อรถเพิ่มในพอร์ตอีกกว่า 300 คัน เพื่อให้มีจำนวนรถมากกว่า 1,000 คันตามแผนงานที่วางไว้ก่อนหน้านี้

งบลงทุนอีกส่วนจะใช้เพื่อการขยายสาขาให้ครบ 20 สาขาตามที่กำหนดไว้ โดยในปัจจุบันซิกท์ ไทยแลนด์มีสาขาเปิดให้บริการแล้ว 18 สาขา โดยสาขาล่าสุดได้แก่ สาขาสนามบินดอนเมือง และมีแผนที่จะเปิดให้บริการที่ป่าตอง ภูเก็ตและนครศรีธรรมราชก่อนสิ้นปีนี้

"แผนงานของเรายังคงเดินหน้าต่อไป และเราเชื่อว่าจะสามารถรักษารายได้ระดับ 250 ล้านบาทเอาไว้ได้อย่างแน่นอนในปีนี้ ซึ่งเราจะชูจุดขายในเรื่องของมาตรฐานการให้บริการและโครงข่ายที่เข้มแข็งของเรา เพื่อให้ลูกค้าไว้วางใจเราและใช้บริการกับเราในที่สุด"