หลังจากเป็นที่แน่ชัดแล้วว่า มาสด้า เซล์ (ประเทศไทย) จะประกาศเดินหน้าสายการผลิตรถยนต์ 2014 มาสด้า 2 ใหม่ในฐานะรถยนต์คันแรกของโครงการอีโคคาร์ เฟสสอง โดยจะเปิดสายการผลิตที่โรงงานออโต้อัลลายแอนซ์ (เอเอที) อย่างเป็นทางการในวันที่ 6 พฤศจิกายนที่จะถึงนี้
ในช่วงนี้ มาสด้าได้เริ่มเดินสายโปรโมตมาสด้า 2 ใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการที่รถได้รับรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปีจากประเทศญี่ปุ่น หรือการตอกย้ำเทคโนโลยีสกายแอคทีฟที่นำมาใช้ในการพัฒนารถคันนี้ขึ้นมาทั้งคัน ไม่น้อยหน้ารุ่นพี่อย่างซีเอ็กซ์-5 หรือมาสด้า 3 แม้แต่น้อย
นอกจากนี้ มาสด้าได้ยกทัพสื่อมวลชนจากประเทศไทยเข้าร่วมการทดสอบรถยนต์มาสด้า 2 รุ่นใหม่กันถึงประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นการล่าช้ากว่าการทดสอบของสื่อมวลชนอาเซียนประมาณ 2 เดือน ซึ่งการเลื่อนแผนงานออกมานั้น มีที่มาที่ไปที่น่าสนใจไม่น้อย
สุรีทิพย์ ละอองทอง โฉมทองดี รองประธานกรรมการบริหารฝ่ายการตลาด บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่าเหตุผลหลัก ๆ ในการเลื่อนแผนงานดังกล่าวออกมา เนื่องจากมาสด้ายังไม่ได้รับการรับรองในเรื่องของการเป็นอีโคคาร์อย่างเป็นทางการ จึงได้รอเวลาที่เหมาะสมสำหรับการทดสอบ
นั่นก็หมายความว่า หากทำการทดสอบในช่วงก่อนหน้านี้ มาสด้าไม่สามารถระบุได้อย่างเป็นทางการว่ารถคันนี้จะเข้ามาทำตลาดในฐานะอีโคคาร์คันแรกของประเทศไทย เป็นรถยนต์นั่งขนาดเล็กรุ่นแรกที่มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล ซึ่งถือเป็นการฉีกกฎของการพัฒนารถยนต์ในอดีตอย่างสิ้นเชิง
"สิ่งที่มาสด้าทำก็คือการดูว่าสินค้าที่เรามีอยู่นั้น เหมาะสมกับตลาดและเข้ากับกฎเกณฑ์ที่มีการกำหนดหรือไม่ เช่น โครงการอีโคคาร์ 2 นั้น หากต้องการรถยนต์ที่ประหยัดและสะอาดอย่างดีเยี่ยม เทคโนโลยีสกายแอคทีฟก็เหมาะสม และหากเป็นเครื่องยนต์ดีเซลก็จะตอบสนองได้มากขึ้นไปอีก"
นี่คือที่มาของการตัดสินใจผลักดันโครงการมาสด้า 2 เข้าสู่การเป็นอีโคคาร์ เฟสสองคันแรกที่ได้สิทธิประโยชน์เพียงอัตราภาษี 17% เท่านั้นในเบื้องต้น ซึ่งแน่นอนว่าปัญหาอีกอย่างก็คือเรื่องของการตั้งราคาจำหน่าย ซึ่งสุรีทิพย์บอกว่าผู้บริโภคยังเข้าใจว่าอีโคคาร์จะต้องเป็นรถราคาประหยัด
อย่างไรก็ตาม ต้องไม่ลืมว่านี่คือรถยนต์ทีใช้เทคโนโลยีรุ่นใหม่ล่าสุดของมาสด้า เพื่อให้ได้รถที่ผ่านมาตรฐานอันเข้มงวด ยกตัวอย่างเช่น การติดตั้งเทคโนโลยี i-ELOOP เพื่อลดสูญเสียพลังงานไฟฟ้า ซึ่งแม้แต่รถยนต์รุ่นพี่อย่างมาสด้า 3 ยังไม่ได้รับการติดตั้งมาเสียด้วยซ้ำ
นอกจากนี้ ประเทศไทยยังได้รับการยอมรับเป็นอย่างมากในฐานะฐานการผลิตที่สำคัญของมาสด้า เห็นได้จากการที่มาสด้าได้ตัดสินใจเปิดโรงงานผลิตเกียร์อัตโนมัติสกายแอคทีฟรุ่นใหม่ขึ้นในประเทศไทย เพื่อรองรับการขยายตัวของมาสด้าในภูมิภาคนี้
เมื่อถามว่าเป้าหมายของมาสด้ากับรถยนต์รุ่นใหม่นั้น สุรีทิพย์บอกว่ารถยนต์อีโคคาร์ของมาสด้านั้นตั้งเป้าหมายยอดจำหน่ายที่เดือนละ 3,000-4,000 คัน แต่ในช่วงแรกของการเปิดตัวที่เน้นเครื่องยนต์ดีเซล 1.5 ลิตร 77 กิโลวัตต์พร้อมแรงบิด 250 นิวตันเมตรและเกียร์อัตโนมัติทำตลาด เชื่อว่าจะทำได้ที่ระดับ 2,000 คัน
"ความสำคัญของมาสด้า 2 ก็คือรถยนต์รุ่นนี้เป็นรถที่มาสด้าพัฒนาขึ้นมาเพื่อให้สอดคล้องกับกฎเกณฑ์ที่รัฐบาลตั้งเอาไว้ ซึ่งเราไม่ได้เรียกร้องอะไรเพิ่มเติม หากรัฐบาลต้องการให้รถยนต์ที่สะอาด ประหยัด เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมออกมาวิ่งกันมาก ๆ ก็ควรให้การสนับสนุน"
ทั้งนี้ การผลิตของรถยนต์ที่ทำตลาดในประเทศไทยจะผลิตที่โรงงานเอเอที รวมถึงจะใช้ประเทศไทยเป็นฐานการส่งออกไปยังอาเซียนและออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ ซึ่งประเทศไทยจะเป็นฐานการผลิตหลักเคียงคู่กับฐานการผลิตในญี่ปุ่นและเม็กซิโก
ส่วนรถจะขับดีแค่ไหน สนุกสนานสมใจหรือไม่ รอขับทดสอบเป็นที่เรียบร้อยแล้วมาว่ากัน!!!
Follow us more at 'Twitter @autospinn' 'Facebook Fanpage Autospinn.Fans'
ความคิดเห็น