แม้จะมีข่าวคราวของการเปิดตัวมาสด้า 2 ใหม่ในประเทศไทยออกมาเป็นระยะ แต่หากประมวลแผนการทั้งหมดของมาสด้าออกมาแล้วต้องถือว่าไม่ธรรมดา เพราะนี่น่าจะเป็นแผนงานหลักในการผลักดันประเทศไทยขึ้นชั้นฐานการผลิตระดับโลกเลยทีเดียว
นอกจากการผลักดันมาสด้า 2 ใหม่เข้าร่วมโครงการอีโคคาร์ เฟสสองเป็นค่ายแรก ต่อด้วยการใช้งานมหกรรมยานยนต์ 2558 เป็นสถานที่เปิดตัวรถยนต์มาสด้า 2 ซีดานเป็นครั้งแรกของโลก ซึ่งมาสด้าจะยกทัพผู้บริหารมาร่วมงานจำนวนมากแล้วนั้น
เงินลงทุนมหาศาลที่มาสด้าลงไปทั้งสำหรับโครงการอีโคคาร์โดยเฉพาะ รวมไปถึงโครงการอื่น ๆ ซึ่งเป็นโครงการสนับสนุนการผลิตรถยนต์ในประเทศไทย ก็น่าจะเพียงพอที่ทำให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของมาสด้าในโครงการนี้ได้
นอกเหนือไปจากงบลงทุนกว่า 9,700 ล้านบาท ตามที่บีโอไออนุมัติที่โรงงานออโต้อัลลายแอนซ์ (เอเอที) แล้ว มาสด้ามีการลงทุนเพิ่มอีกกว่า 3,000 ล้านบาท สำหรับการเปิดไลน์ผลิตเครื่องยนต์ดีเซล สกายแอคทีฟ-ดี รวมถึงชิ้นหลักหลัก 4 ใน 5 ชิ้น ตามข้อกำหนดของบีโอไอ
โรงงานผลิตเครื่องยนต์ดังกล่าว ถือเป็นโรงงานผลิตเครื่องยนต์รุ่นใหม่แห่งแรกของมาสด้านอกประเทศญี่ปุ่น นอกจากนี้ การลงทุนที่เกิดขึ้นในประเทศไทยอีกก้อนก็คือการลงทุนเพื่อเปิดโรงงานผลิตเกียร์อัตโนมัติสกายแอคทีฟ-ไตร์ฟ ซึ่งใช้เงินทุนอีกกว่า 1 หมื่นล้านบาท ด้วยกำลังการผลิตปีละ 4 แสนชุด
แน่นอนว่าการลงทุนมหาศาลขนาดนี้ ทำให้โรงงานออโต้อัลลายแอนซ์ในประเทศไทยกลายเป็นฐานการผลิตหลักของมาสด้าไปทันที โดยได้มีการเทียบเคียงความสำคัญไม่แพ้โรงงานโฮฟุ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นฐานการผลิตหลักของมาสด้าในปัจจุบัน รวมไปถึงโรงงานมาสด้า เดอ เม็กซิโก ซึ่งเป็นโรงงานใหม่ล่าสุด
หลังจากที่ฟอร์ดได้ยกไลน์การผลิตรถยนต์นั่งทั้งหมดออกไปตั้งที่โรงงานแห่งใหม่ มาสด้ากลายเป็นผู้ผลิตเพียงรายเดียวที่ใช้ไลน์การผลิตในโรงงานเอเอทีเพื่อผลิตรถยนต์นั่ง ทำให้การผลิตรถยนต์ในโรงงานแห่งนี้ลดลงจาก 1.4 แสนคันเหลือ 5 หมื่นคันเท่านั้นในระยะหลัง
แต่ด้วยแผนการลงทุนใหม่นี้ จะช่วยเพิ่มกำลังผลิตรถยนต์สำเร็จรูป (ซีบียู) ให้กับโรงงานแห่งนี้อีก 1.2 แสนคันสำหรับโครงการอีโคคาร์ เฟสสอง เพื่อรองรับตลาดในประเทศและตลาดส่งออก และยังเพิ่มการผลิตชื้นส่วนเพื่อประกอบ (ซีเคดี) อีก 3.8 หมื่นคันสำหรับส่งออกเท่านั้น
การส่งออกได้เริ่มขึ้นแล้วจากตลาดออสเตรเลียในเดือนนี้ และตลาดอื่น ๆ จะตามมาหลังการเปิดตัวในประเทศไทย โดยไทยจะเป็นฐานการส่งออกไปยังสหราชอาณาจักร นิวซีแลนด์และประเทศอื่น ๆ ในอาเซียน
"สำหรับประเทศไทยจะเริ่มทำตลาดอย่างเป็นทางการในช่วงต้นปีหน้า ในส่วนของเครื่องยนต์ดีเซล ขณะที่เครื่องยนต์เบนซินยังอยู่ระหว่างการพิจารณาถึงความเหมาะสม" ยูจิ นากามิเน่ ผู้อำนวยการและเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโส มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น บอกในงานแถลงข่าวที่ประเทศไทย
เขาบอกอีกว่ารถยนต์รุ่นนี้ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในประเทศญี่ปุ่น ด้วยยอดจอง 1.9 หมื่นคันหลังการเปิดตัวไม่นาน และกว่า 60% เป็นยอดจองจากรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล และรถคันนี้ยังได้รับรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปีของประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย
"มาสด้า 2 จะเข้ามาตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ต้องการรถยนต์นั่งขนาดเล็ก ที่ให้สมรรถนะดี ประหยัดน้ำมันและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยเครื่องยนต์ดีเซลจะเข้ามาเป็นผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียมของกลุ่มรถยนต์นั่งขนาดเล็กในประเทศไทย
และถือเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่น่าจับตามองถึงทิศทางในอนาคตอย่างแท้จริง!!!
บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
ความคิดเห็น