Yamaha FZ-09 (MT-09 ยุโรป) รถ Bigbike ที่ผสมสองสไตล์ระหว่าง Naked และ Motard ได้อย่างลงตัว หลังจากเปิดตัวใน Theme The Dark Side of Japan ซึ่งเข้ากับบุคลิกของสีเทาล้อน้ำเงิน Metallic Dark Gray คันนี้ ด้วยรูปลักษณ์ที่ดุดัน และมีดีไซน์ที่ดูแปลกตา จากการเป็นรถเปลือยไร้แฟริ่ง ในขณะที่ทรงรถจะออกไปทาง Motard เบาะเป็นแบบราบตอนเดียว ทำให้ทางด้านท้ายดูเปิดโล่ง และไฟท้ายแบบ LED โคมใส ซึ่งดูเป็นกรอบลอยโดดออกมาจากช่วยท้ายรถ ในขณะที่ท่อไอเสียเป็นแบบออกใต้ท้องตามสมัยนิยม
สำหรับคันนี้ทาง Yamaha Rider Club ได้ทำการติดตั้งวินชิลด์หน้า กันล้ม กันสะบัด กันแคร้ง และการ์ดหม้อน้ำ มาให้ด้วย
เมื่อหันมามองทางแผงประกับแฮนด์ ที่สวิทช์ไฟซ้ายได้ติดตั้งไฟ Pass มาให้ด้วย ในขณะที่สวิทช์ด้านขวาเป็น Off-Run ซึ่งไม่มีปุ่มกด ใช้นิ้วเลื่อนดันสวิทช์ลงเพื่อติดเครื่องยนต์ และมีปุ่มปรับโหมดการขับขี่อย่างง่าย ซึ่งสามารถเลือกเปลี่ยนได้ขณะขับขี่เพียงแค่ผ่อนคันเร่ง นอกจากนั้นยังมีไฟฉุกเฉินติดตั้งให้ที่สวิทช์ไฟด้านขวานี้ด้วย
แผงเรือนไมล์ เป็นจอแสดงผลแบบ Digital LCD รอบเครื่องยนต์บอกเป็นสเกลในแนวนอนด้านบน และความเร็วบ่งบอกเป็นตัวเลข พร้อมบอกตำแหน่งเกียร์ สเกลน้ำมันแบ่งเป็น 4 ขีดย่อย หากขับขี่แบบเดินคันเร่งสมูท ไม่ใช้รอบเครื่องสูง ไฟ Eco ก็จะติดขึ้นเพื่อเป็นการ Coaching ผู้ขับไปในตัว สำหรับลูกเล่นอาจมีไม่มาก มีเพียงการปรับเซ็ตทริป และบอกอัตราสิ้นเปลืองเท่านั้น โดยไม่มีบอกระยะทางที่วิ่งได้จากน้ำมันคงเหลือ
เมื่อต้องการจะเสียบกุญแจสตาร์ท พบว่า ตำแหน่งช่องเสียบกุญแจในรถคันนี้ที่ติดตั้ง วินชิลด์ ทำให้ล้วงมือลงไปเสียบกุญแจได้ลำบากไปเสียหน่อย และกุญแจเปิดเบาะที่ซ่อนอยู่ใต้ท้อง ถ้าไม่ก้มดูก็จะไม่เห็นเช่นเดียวกัน และอาจดูลำบากต่อการใช้งานที่ต้องก้มไปเสียหน่อย
มาถึงท่าทางในการนั่งขับขี่ ด้วยการที่ใช้ตัวถังเฟรมวัสดุอลูมีเนียม จึงทำให้รถมีน้ำหนัก Wet weight เพียง 188 กก. และความสูงเบาะเพียง 815 มม. ทำให้สามารถนั่งควบคุมขับขี่ได้อย่างสะดวกบาย ท่านั่งในการขับขี่ค่อนข้างดี แขนไม่กางออกมากจนเกินไป ลักษณะการวางขาที่เหยียดตรง ไม่ต้องงอหัวเข่า ทำให้ไม่ปวดเมื่อยขณะเดินทางไกล แต่ด้วยแฮนด์แบบ T บาร์ ที่ดูกว้างและตำแหน่งแฮนด์ที่วางอยู่สูงในระดับกระจกรถยนต์ จึงอาจทำให้การซอกแซกการจราจรในเมือง อาจทำได้ลำบากไปเสียหน่อย ส่วนการบังคับเลี้ยวในวงแคบ รวมถึงการกลับรถ ควรใช้วิธีเอนลำตัวออกจากตัวรถ Lean Out เข้าช่วย จึงจะทำให้ควบคุมได้ง่ายยิ่งขึ้น สำหรับด้านการควบคุมรถขณะขับขี่ทั่วไป ต้องเรียกได้ว่าเป็นรถที่ Balance ดี สามารถควบคุมได้โดยแคล่ว ทั้งจากรูปทรงที่เพรียว และน้ำหนักเบานั่นจึงทำให้มันดูควบคุมได้ง่าย
แต่มีจุดที่แอบรำคาญนิด คือ แคร้งเครื่องทางด้านขวา ที่ดูจะชิดกับบริเวณขาขวามากไปหน่อย ทำให้ในจังหวะที่ต้องการจะเบรกเท้าอาจมีเท้าไปเตะโดนได้บ้าง โดยเฉพาะยิ่งใส่รองเท้าบู๊ทหนา ในขณะที่ทางฝั่งซ้ายไม่เป็นอุปสรรคในการเตะคันเกียร์ และ การหาเกียร์ N ที่ดูจะยากไปนิดขณะจอด
เครื่องยนต์ 3 สูบเรียง Cross Plane (CP3) ความจุ 847cc กำลัง 115 แรงม้า@10,000rpm มีแรงบิด 87 Nm@8000rpm
ฟีลลิ่งการขับขี่นั้น ต้องบอกได้ว่า เครื่องยนต์ 3 สูบ จากฝั่งญี่ปุ่นนี้ จะมีลักษณะไปในทางของเครื่องยนต์ 4 สูบ ก็คือออกตัวแบบนิ่มๆ ไม่กระชาก เครื่องค่อนข้างสมูทไม่สั่น ขณะที่เครื่องยนต์ 3 สูบจาก ฝั่งยุโรป จะให้ฟีลลิ่งไปในแบบของรถ 2 สูบ เป็นส่วนใหญ่
และความร้อนของเครื่องบล๊อกนี้ ถือว่าไม่ร้อนมากจนเกินไป ความร้อนมากกว่าพวกเครื่องยนต์ 650 เล็กน้อย ถ้าขับแบบชิลๆ ไม่ลากรอบเล่นมากเกินไป ถือว่าประหยัดในระดับหนึ่ง
อัตราสิ้นเปลืองบนมาตรวัด ได้ตัวเลข 5.4 ลิตร/100 กม. สำหรับการวิ่งในเมือง และ 4.3 ลิตร/100 กม. สำหรับการวิ่งทางไกล ด้วยความเร็วคงที่ ไม่เล่น หรือลากรอบมากนัก
ด้วยโหมดขับขี่ที่มีถึง 3 mode Std, A (Sport), B (Eco) ซึ่งสามารถเลือกปรับได้ตามแต่สภาพการขับขี่
- ในโหมด B จะรู้สึกถึงคันเร่งที่หน่วงมืออยู่พอประมาณ ทำให้การเปิดคันเร่งตอบสนองได้ไม่ดีเท่าที่ควร ซึ่งที่จริงแล้ว โหมดนี้อาจจะเหมาะในช่วงที่ฝนตก หรือพื้นถนนลื่น เพื่อป้องกันการเปิดคันเร่งเยอะเกินไปจนทำให้เกิดล้อฟรี ได้เนื่องจากรถไม่มีระบบ TCS
- สำหรับโหมด std ซึ่งเป็นโหมดที่น่าจะใช้ในการขับขี่ในตัวเมือง หรือสภาวะปกติมากที่สุด กำลังเครื่องและการตอบสนองของคันเร่ง Ride by Wire ในโหมดนี้ ถือว่าทำได้ดีเหมาะสม คันเร่งค่อนข้างติดมือดีทีเดียว
- แต่หากไม่หนำใจ ต้องกดมาที่ A (Sport) เพราะในโหมดนี้ คุณเปิดคันเร่งนิด มันจะมาตามมือเรียก ซึ่งอาจจะดูไม่เหมาะกับการขับขี่ในเมืองสักเท่าไรต้องคอยระวังเปิดคันเร่งอย่างแผ่วเบา แต่ถ้าขับเคลื่อนด้วยความเร็วแล้ว ยกคันเร่ง และต้องการเปิดคันเร่งเพื่อเดินกำลังเครื่องต่อแล้ว ต้องเรียกได้ว่า มันคือระเบิดมือดีๆ นี่เอง
ระบบกันสะเทือน และ การบังคับรถ คันนี้มีจุดเด่นอยู่ที่ โช้คอัพหลังซึ่งวางแบบนอน โดยมีกระเดื่องยกโช้ค จึงทำให้ระบบกันสะเทือนทางด้านหลัง มีความยืดหยุ่นได้ดียิ่งขึ้น และการปรับเซ็ตแบบเดิมๆ จากโรงงาน มันดูนิ่มนั่งได้สบาย (แต่อาจนิ่มไปหน่อยในช่วงที่มีคนซ้อน) สำหรับรถสไตล์นี้ ซึ่งมักพบกับปัญหาหน้าเบา, ไว เมื่อขี่ที่ความเร็วสูงขึ้น หรือการหักเลี้ยว ทาง Yamaha Rider Club จึงได้ติดตั้งกันสะบัดปรับความหนืด แบบมือบิดหมุน ซึ่งใช้งานได้ง่ายมาให้ ช่วยให้การขับขี่ที่ความเร็วยังคงบาลานซ์ที่ดี เสริมความมั่นใจได้มากยิ่งขึ้น
ระบบเบรก ด้านหน้าเป็นปั๊มเบรก Hydraulic จานดิสก์คู่ขนาด 298 มม. คาลิปเปอร์ 4 สูบ จาก Advice ด้านหลังแบบ คาลิปเปอร์ 1 สูบจาก Nissin โดยมีจานดิสก์ขนาด 245 มม. เบรกจิกหนึบมือ ให้น้ำหนักที่ดูแน่น และด้วยการที่ไม่ติดตั้ง ABS จึงทำให้การตอบสนองของระยะเบรกทำได้ดีแม่นยำ สามารถหยุดรถได้ทันท่วงที แต่ในขณะเดียวกันการเบรกหนักๆ ยิ่งในช่วงหน้าฝน ต้องระวังล้อล๊อก และลื่นไถลจนอาจเสียการควบคุมได้
สรุป Yamaha FZ-09 Bigbike Middle Weight ระดับ 800cc ที่ยอดเยี่ยมที่สุดคันหนึ่ง ด้วยสไตล์ Naked Motard ที่ไม่ว่าคนขี่สรีระ ไหนก็สามารถขี่ได้ แถมน่าจะถูกใจพวกชอบขับขี่แบบดิบๆ Torque หนักๆ
แต่เสียดายที่ไม่มีระบบเทคโนโลยีช่วยขับขี่ใดๆ เอาเป็นว่ามันเป็นอีกหนึ่งตัวเลือก สำหรับงบระดับ 4 แสนเศษ ถ้ามองความเป็นรถญี่ปุ่นนำเข้าทั้งคัน ก็ถือว่าน่าสนใจไม่น้อยเลย
ชมภาพเพิ่มคลิ๊ก
ขอขอบคุณ Yamaha Rider Club สำหรับรถ Yamaha FZ-09 คันนี้ ราคา 4.35 แสนบาท
ภณ เพียรทนงกิจ Test Driver
ความคิดเห็น