มิชลินเตรียมแนะนำเทคโนโลยีต้านทานยางรั่วที่มีชื่อว่า “เซล์ฟซีล” (Selfseal) ในหลายตลาดทั่วโลกตั้งแต่ปี 2015 เป็นต้นไป
ชื่อเทคโนโลยีนี้บ่งบอกคุณสมบัติในตัวมันเอง ยางของมิชลินที่มาพร้อมเซล์ฟซีลจะสามารถใช้งานต่อไปได้แม้ยางรั่วด้วยการมีวัสดุผสมแบบพิเศษที่สามารถอุดรอยรั่วบริเวณดอกยางได้ทันที
โซลูชั่นส์นี้มีประสิทธิภาพสูงด้วยการใช้ยางผสมแบบพิเศษที่มีชั้นเลเยอร์ขนาดบางมากซึ่งทำจากยางธรรมชาติ มีคุณสมบัติอ่อนนุ่มและเหนียวหนืดอย่างรวดเร็วถ้าถูกความร้อน ซึ่งเป็นเรื่องปกติของยางที่จะเกิดความร้อนเมื่อหมุนไปบนพื้นถนน
ถ้ายางเทคโนโลยีเซล์ฟซีลวิ่งทับของมีคมบนถนน อาทิตะปูซึ่งทำให้ยางรั่ว วัสดุผสมที่อ่อนนุ่มและเหนียวหนืดดังกล่าวจะมีปฏิกิริยาทันทีในบริเวณที่รั่วและจะทำหน้าที่อุดรูรั่วเพื่อป้องกันไม่ให้ยางสูญเสียแรงดันลม
เดเมียน ฮัลเลซ (Damien Hallez) ผู้อำนวยการฝ่ายการสื่อสารทางเทคนิคของมิชลินเผยกับ AIR ว่ายางรถยนต์ดังกล่าวสามารถใช้งานต่อไปได้โดยไม่สูญเสียแรงดันลมยาง และยังใช้งานได้อย่างปลอดภัยถึงแม้ตะปูจะยังฝังอยู่ในตัวยาง
“ตราบใจที่ยางยังไม่สูญเสียแรงดันลม ก็ไม่มีอะไรต้องกังวลในการใช้งาน” ฮัลเลซ์กล่าวที่งานมิชลิน ชาลเลนจ์ บีเบนดัมในเมืองเฉิงตูของประเทศจีนเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
ถ้าถอนตะปูออกมาจากหน้าดอกยาง วัสดุผสมเซล์ฟซีลจะยังคงทำหน้าที่อุดรูต่อไปโดยที่ไม่จำเป็นต้องซ่อมแซมเพิ่มเติม
“ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนยางหรือซ่อมแซม ตัวยางยังคงมีสมรรถนะเหมือนเดิมและสามารถใช้งานต่อไปได้ตามปกติ” ฮัลเลซกล่าว
เทคโนโลยีเซล์ฟซีลของมิชลินมีความแตกต่างจากโซลูชั่นส์ยางรันแฟลต เพราะไม่จำเป็นต้องเสริมความเหนียวแน่นบริเวณแก้มยาง ดังนั้นจึงทำงานเหมือนกับยางรถยนต์ปกติทั่วไปโดยไม่ส่งผลกระทบต่อสมรรถนะและคุณสมบัติของยางแต่อย่างใด
ฮัลเลซเผยว่ายางเซล์ฟซีลไม่เพียงให้ความสะดวกสบายกว่ายางรันแฟลตเท่านั้น แต่ยังกินน้ำมันน้อยกว่าราว 0.4 ลิตรต่อ 100 กม. ด้วย เมื่อเทียบกับยางรันแฟลตของมิชลินเอง
อย่างไรก็ตาม ฮัลเลซเน้นย้ำว่ายางเซล์ฟซีลจะไม่มาแทนที่ยางรันแฟลตของมิชลิน แต่ยางทั้งสองรูปแบบจะถูกจัดจำหน่ายร่วมกัน ซึ่งตอบสนองการใช้งานของลูกค้าแตกต่างกัน
วัสดุผสมเซล์ฟซีลสามารถใส่ไว้ในยางทุกรุ่นของมิชลินได้โดยที่ต้นทุนไม่เพิ่มสูงมากนัก
ลิโอเนล แดนเตียก (Lionel Dantiacq) กรรมการผู้จัดการของมิชลิน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และโอเชียเนียระบุกับ AIR ว่าการติดตั้งเทคโนยีเซล์ฟซีลไม่ได้ทำให้ราคายางปรับเพิ่มขึ้นสูงมากเกินไป
“ไม่แพงเลย ต้นทุนเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น” ลิโอเนลตอบคำถามที่ว่าเซล์ฟซีลจะเป็นเทคโนโลยีที่มีราคาแพงหรือไม่ถ้าใช้งานจริง
“ภารกิจของเราคือสร้างการเติบโต ซึ่งเราให้ความสำคัญที่การทำเข้าใจลูกค้า เราพยายามนำเสนอคุณค่าของผลิตภัณฑ์ของเราและความปลอดภัยที่ลูกค้าต้องการ ในกรณีของเรานั้น เราพยายามอย่างมากที่จะเพิ่มผลิตผลภายในโรงงานของเราและยกระดับการออกแบบผลิตภัณฑ์ ทั้งในด้านวัสดุและดีไซน์ในภาพรวมของยางเพื่อให้มีราคาจำหน่ายที่ลูกค้าเข้าถึงได้ง่ายขึ้น
“เราไม่ได้ต้องการจัดจำหน่ายยางที่มีราคาแพงกว่าท้องตลาดถึง 50% หรือทำตลาดในวงจำกัด โดยเฉพาะในภูมิภาคอาเซียน นั่นไม่ใช่กลยุทธ์ของเรา เราเป็นผู้นำระดับโลกและเราต้องการเป็นผู้นำที่ชัดเจนในอาเซียนเช่นกัน การเป็นผู้นำได้นั้น คุณจะต้องมีกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมและกว้างขวางมาก พร้อมกับพยายามปรับตัวเรียนรู้จากผู้บริโภคของคุณแล้วใส่ไว้ในผลิตภัณฑ์ออกจำหน่ายในราคาที่เหมาะสม” ลิโอเนลกล่าว
“ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากเทคโนโลยีที่สูงขึ้นนั้นจะต้องได้รับการชดเชยกับความสามารถทางการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นด้านการผลิตหรือการจัดจำหน่ายหรือสิ่งใดก็ตาม” ลิโอเนลเสริม
ที่งานชาลเลนต์ บีเบนดัม ทางมิชลินจัดแสดงยางรถยนต์สองรูปแบบที่มาพร้อมเซล์ฟซีล คือ มิชลิน ไพรมาซี 3 เอสที (Michelin Primacy 3 ST) และมิชลิน ไพล็อต สปอร์ต 3 (Michelin Pilot Sport 3) ซึ่งถือเป็นการเปิดตัวเซล์ฟซีลครั้งแรกในเอเชีย
ลิโอเนลอธิบายว่าเซล์ฟซีลจะถูกติดตั้งในยางรถยนต์ทุกรุ่น แต่เสริมว่ายางบางรุ่นอาจได้รับการติดตั้งเทคโนโลยีนี้ช้ากว่า บางรุ่นอาจเร็วกว่า ขึ้นอยู่ในวงจรชีวิตของแต่ละผลิตภัณฑ์
“ผลิตภัณฑ์บางตัวกำลังจะถูกยกเลิกการทำตลาด ดังนั้นจึงต้องมีการทบทวนก่อนที่เราจะแนะนำเทคโนโลยีนี้ในยางทุกรุ่นของเรา” ลิโอเนลเผย
ถึงแม้ลิโอเนลจะไม่ได้ระบุช่วงเวลาที่จะเปิดตัวเทคโนโลยีเซล์ฟซีลของมิชลินในแถบอาเซียนอย่างชัดเจน แต่เขาก็ยันยืนว่าเซล์ฟซีลเป็นผลิตภัณฑ์ระดับโกลเบิลออกขายทั่วโลกและจะทยอยเปิดตัวในหลายประเทศ รวมถึงตลาดในเอเชีย แปซิฟิก
ลิโอเนลเสริมด้วยว่ายางเซล์ฟซีลของมิชลินจะถกติดตั้งให้เป็นผลิตภัณฑ์มาตรฐานหรือ Original Equipment (OE) ในรถโฟล์คสวาเกนบางรุ่นที่ออกจำหน่ายในยุโรปตั้งแต่ปี 2015 เป็นต้นไป
“เราเล็งเห็นถึงการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพในอาเซียน ถึงแม้เซล์ฟซีลจะเป็นแนวคิดริเริ่มที่เปิดตัวครั้งแรกในประเทศตะวันตก แต่สุดท้ายแล้วเทคโนโลยีนี้ก็จะมาถึงแถบอาเซียน โดยในช่วง 18 เดือนข้างหน้า เราจะมีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจอย่างยิ่งเกิดขึ้นในอาเซียน บางทีเราจะเริ่มที่ประเทศไทยหรือออสเตรเลีย เรามีแผนการเปิดตัวซึ่งเป็นโอกาสที่ชัดเจนสำหรับเรา นี่คือสิ่งที่ทั่วโลกต้องการและเหมาะสำหรับการใช้งานในอาเซียน ความต้องการของผู้บริโภคมีความชัดเจนอย่างยิ่ง”
สำหรับแผนการของภูมิภาคอาเซียนในอนาคต ลิโอเนลเปิดเผยว่ามิชลินจะแนะนำแบรนด์ลูกอย่างสยามไทร์ (SiamTyre) ออกทำตลาดอาเซียนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งลิโอเนลเรียกว่าเป็นการเจาะเซกเมนท์ “ระดับ 2” มุ่งตอบสนองผู้ใช้รถเชิงพาณิชย์
“เราจะเดินหน้านำเสนอแบรนด์ที่หลากหลายเพื่อครอบคลุมความต้องการใช้งานที่แตกต่างกัน เราแนะนำยางผ้าใบวางเฉียงของสยามไทร์ในประเทศไทยไปแล้วเมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว เราจะเริ่มทำตลาดออสเตรเลียในเดือนมีนาคม ฟิลิปปินส์ในเดือนพฤศจิกายนและมาเลเซียในเดือนมกราคม” ลิโอเนลกล่าวปิดท้าย
เข้าชมเรื่องน่าสนใจอื่นๆ ได้ที่นิตยสาร AIR ออนไลน์ คลิกที่นี่
ความคิดเห็น