สงครามรถเล็กถึงเวลาเปิดฉากอย่างเป็นทางการ เมื่อมาสด้าประกาศราคาจำหน่ายของมาสด้า 2 ผู้ท้าชิงรายล่าสุดในตลาดซับคอมแพกต์ซึ่งมีทั้งโฉมแฮทช์แบ็กและซีดานให้เลือกใช้
ถ้าพูดถึงตลาดรถขนาดบีเซกเมนท์ สามารถไล่เรียงกันได้มากมายเกือบสิบรุ่น ทั้งฟอร์ด เฟียสต้า ฮอนด้า แจ๊ส โตโยต้า วิออส มาสด้า 2 เชฟโรเลต โซนิค ไล่ไปจนถึงรถอีโคคาร์ที่มีขนาดใกล้เคียงกันอย่างนิสสัน อัลเมร่าและซูซูกิ สวิฟท์
แต่สำหรับวันนี้ เราขอหยิบยกรถเล็กแบบ “เอาใจวัยมันส์” มาเปรียบเทียบกัน ทั้งฟอร์ด เฟียสต้า ฮอนด้า แจ๊สและมาสด้า 2 ลองไปชมกันเลยว่าใครมีดีมีด้อยอย่างไร
การออกแบบ
เสียเปรียบเรื่องความสดใหม่เพราะเปิดตัวออกมานานกว่าใครเพื่อน แต่ก็ผ่านการปรับโฉมครั้งใหญ่มาแล้ว การเปลี่ยนแปลงหลักอยู่ที่ด้านหน้าซึ่งโดดเด่นด้วยกระจังขนาดใหญ่ ให้ความสปอร์ตและดู “แมน” ขึ้น น่าจะถูกใจหนุ่มๆมากกว่ารุ่นเดิม เติมความหรูหราด้วยเส้นสายโครเมียม ดีไซน์ใหม่ไม่เพียงดูเตะตาขึ้นเท่านั้นแต่ยังลดสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานลงราว 3% บั้นท้ายเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยอย่างกรอบไฟท้ายและสปอยเลอร์
ภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยหนังสีทูโทนสำหรับรุ่น 4 ประตู และภายในสีดำล้วน เบาะหนังกึ่งผ้าในรุ่น 5 ประตู เดินเส้นสายสีเงินเมทัลลิกสลับกับวัสดุสีดำมันเงาแบบเปียโนแบล็ก เช่นเดียวกับมือจับประตู มาตรวัดและแสงสีจากสวิทซ์ต่างๆเปลี่ยนจากสีแดงมาเป็นฟ้าและเพิ่มมาตรวัดอัตราสิ้นเปลืองที่มีอีโคโหมด อ็อปชั่นต่างๆ ถือว่ามีครบครันแต่ก็ลดหลั่นไปตามรุ่นย่อยและราคา อาทิจอแสดงผลข้อมูลขนาด 3.5 นิ้ว พร้อมฟังชั่นแสดงภาพกราฟฟิกจากเซ็นเซอร์ถอยหลัง ระบบสั่งการด้วยเสียง SYNC เชื่อมต่อผ่านบลูทูธแบบเดียวกับฟอร์ด โฟกัส
เปิดตัวออกมาเมื่อกลางปีที่แล้ว ฮอนด้า แจ๊สใหม่ยังคงเอกลักษณ์รูปทรง “กลมป้อม” เหมือนเดิม แต่สำหรับเจนเนอเรชั่นที่สามถูกแต่งเติมเส้นสายความสปอร์ตและทันสมัยมากขึ้น เน้นเจาะกลุ่มลูกค้าหลายช่วงอายุ ตั้งแต่คนรุ่นใหม่ที่เพิ่งเริ่มทำงานไปจนถึงช่วง 30 ต้นๆ ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ตลอดจนคนรักความสปอร์ตน่าจะถูกใจดีไซน์ที่มีลูกเล่นเยอะแบบนี้ด้วยเช่นกัน
ภายในห้องโดยสารของฮอนด้า แจ๊สยังคงเป็นเบอร์หนึ่งในด้านความกว้างขวางที่มากที่สุดในรถระดับเดียวกัน แถมแจ๊สรุ่นใหม่ยังมีตัวถังที่ยาวขึ้น ฐานล้อกว้างขึ้น ทำให้พื้นที่ตอนหลังสะดวกสบายมากกว่าเดิม เบาะที่นั่งสามารถพับให้แบนราบได้สำหรับการบรรทุกสัมภาระที่น่าจะถูกใจคนที่ชื่นชอบขนของหรือบรรดาพ่อค้าแม่ขายทั้งหลาย การออกแบบภายในเป็นเอกลักษณ์ที่คล้ายกันหมดทั้งแจ๊ส ซิตี้และซีวิคล้วนเดินไปในทิศทางเดียวกัน การเก็บเสียงถือว่าดียิ่งขึ้นกว่ารุ่นเดิม บนคอนโซลมีหน้าจอสัมผัสขนาดเจ็ดนิ้วรองรับกล้องมองภาพหลังและเชื่อมต่อกับ USB, AUX และ HDMI
สดใหม่ที่สุดในกลุ่มรถซับคอมแพกต์ ดีไซน์ของมาสด้า 2 ทั้งภายนอกและภายในการันตีคุณภาพด้วยรางวัลการออกแบบผลิตภัณฑ์ยอดเยี่ยมจากญี่ปุ่นและรางวัลรถยอดเยี่ยมแห่งปี ทางมาสด้าเคยประกาศไว้ว่าพวกเขาใช้ “ดีไซน์” นำหน้าระบบ “วิศวกรรม” นั่นหมายถึงบรรดาวิศวกรทั้งหลายจะต้องรับฟังทีมดีไซเนอร์มากขึ้น เมื่อบวกกับเอกลักษณ์ดีไซน์แบบ KODO ผลลัพธ์ที่ได้คือความหล่อเหลาอย่างที่เห็นทั้งในรุ่นแฮทช์แบ็กและซีดาน เส้นสายเน้นความสปอร์ตและแฝงมัดกล้ามตามคอนเซ็พท์ที่ทางมาสด้าบอกว่าถอดแบบมาจากเสือชีตาร์กำลังกระโจนงับเหยื่อ
ภายในห้องโดยสารของมาสด้า 2 เน้นความเรียบง่าย ดูแล้วน่าจะสะอาดตามากที่สุดเมื่อเทียบกับสองรุ่นก่อนหน้า เนื่องจากทีมดีไซเนอร์เน้นแนวคิด less is more มีกลิ่นอายแบบเดียวกับรุ่นพี่อย่างมาสด้า 3 แผงหน้าปัดโดดเด่นด้วยวัดรอบขนาดใหญ่ และมาตรวัดความเร็วดิจิตอลที่ด้านในแผงวัดรอบ เบาะที่นั่งเป็นหนังสังเคราะห์สลับผ้า เดินด้ายแดงเพื่อเพิ่มความสปอร์ต การตกแต่งของรุ่นซีดานและรุ่นแฮชท์แบ็คมีความใกล้เคียงกันมาก
จริงๆแล้ว เราไม่ต้องการฟันธงด้านการออกแบบมากนัก เพราะเป็นเรื่องรสนิยมและความชอบส่วนบุคคล ของอย่างนี้ต้องดูด้วยตาตัวเอง แถมด้วยการลูบๆ คลำๆ คันจริงไปด้วย จริงไหมครับ
เครื่องยนต์
ถือเป็นขุมพลังเล็กพริกขี้หนูอย่างแท้จริง สำหรับเครื่องยนต์อีโคบูสต์ (EcoBoost) ใต้ฝากระโปรงของเฟียสต้าใหม่ แม้จะมีขนาดแค่ 3 สูบ ความจุเพียง 1.0 ลิตร แต่ก็การันตีคุณภาพด้วยรางวัลเครื่องยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปีระดับโลกสองปีซ้อน ใครจะเชื่อว่าเฟียสต้ามีพละกำลังมากที่สุดในกลุ่มนี้ ด้วยแรงม้า 125 ตัวที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิด 170 นิวตันเมตร ซึ่งมีให้ใช้งานในช่วงกว้างตั้งแต่รอบต่ำที่ 1,400-4,500 รอบ/นาที ส่งถ่ายกำลังผ่านเกียร์คลัทช์คู่ PowerShift 6 สปีด ขณะเดียวกัน เฟียสต้ายังมีเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร 112 แรงม้า แรงบิด 140 นิวตันเมตรให้เลือกใช้ด้วย
อัตราเร่งของรุ่นอีโคบูสต์ถือว่าทันอกทันใจพอตัว 0 – 100 กม./ชม. ด้วยเวลาเพียง 10.8 วินาที ก่อนจะทะยานต่อเนื่องไปถึง 180 กม./ชม. ด้วยเวลา 49.2 วินาที ไหลยาว Top Speed ที่ทะลุระดับ 200 กม./ชม. อย่างไรก็ตาม ระบบเบรกของเฟียสต้าเป็นแบบหน้าดิสก์และหลังดรัม ประสิทธิภาพอาจไม่แตกต่างกัน แต่ความหล่ออาจลดลงเล็กน้อย ส่วนระบบความปลอดภัยนั้นนอกจาก ABS , EBD และ TCS ที่ยกชุดมาจากรุ่นเดิมแล้ว ยังเพิ่มระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ESP มาด้วย
แจ๊สมาพร้อมกับขุมพลังที่เรียกว่าเป็น “บล็อกอเนกประสงค์” รุ่นเดียวกับฮอนด้า ซิตี้ที่ใช้ในเมืองก็ได้-นอกเมืองก็ดี เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ไอ-วีเทค ความจุ 1.5 ลิตร รองรับเชื้อเพลิงอี85 พละกำลังสูงสุด 117 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 146 นิวตันเมตรที่ 4,700 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติแปรผันต่อเนื่องหรือ CVT แบบ 7 สปีดพร้อมด้วยแป้นแพดเดิลชิฟท์เปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย ติดตั้งระบบช่วยขับขี่แบบประหยัดน้ำมันที่แสดงผลอย่างชัดเจนบนหน้าจอ
นักทดสอบของเรายืนยันว่านี่คือเครื่องยนต์ที่ตอบสนองดีที่สุดในเซกเมนท์ แต่จุดด้อยที่ชัดเจนก็คือเสียงเครื่องยนต์ที่ดังลอดเข้ามาในห้องโดยสาร โดยเฉพาะจังหวะคิกดาวน์ แต่ถ้าการขับขี่แบบธรรมดาก็มีความนุ่มนวล อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. อยู่ที่เกือบ 12 วินาที เครื่องยนต์ของแจ๊สมีความจุมากกว่าเฟียสต้า แต่แรงม้าน้อยกว่าและอัตราเร่งไม่ทันใจเท่า บ่งบอกถึงคุณภาพของขุมพลัง EcoBoost ได้อีกทางหนึ่ง สำหรับระบบเบรกเป็นแบบหน้าดิสก์ หลังดรัม ซึ่งถือเป็นการลดสเปกจากแจ๊สรุ่นก่อนหน้าที่เป็นดิสก์เบรกสี่ล้อ ส่วนระบบความปลอดภัยถือว่าครบครันไม่แพ้คู่แข่งจากอเมริกา
สร้างเซอร์ไพรส์เล็กๆ ตั้งแต่ก่อนเปิดตัวจริงด้วยการส่งรถเข้าร่วมโครงการอีโคคาร์ เฟส 2 วางเครื่องยนต์ดีเซลสกายแอดทีฟ-ดี (Skyactiv D) ความจุ 1.5 ลิตร ประกบกับระบบเกียร์สกายแอคทีฟ-ไดรฟ์ (Skyactiv-Drive) ซึ่งเพิ่งเดินสายการผลิตในประเทศไทย ให้พละกำลัง 105 แรงม้าที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิด 250 นิวตันเมตรที่ 1,500 – 2,500 รอบ/นาที จะเห็นได้ว่าแรงม้าของมาสด้า 2 มีน้อยที่สุด แต่ทดแทนด้วยแรงบิดที่เหนือชั้นที่สุดในกลุ่มนี้ มาสด้าคุยโวด้วยว่านอกเหนือจากสมรรถนะการขับขี่ที่เหนือชั้นแล้ว รถยนต์คันนี้ยังให้การประหยัดที่ยอดเยี่ยม โดยมีผลการทดสอบการประหยัดน้ำมันตามมาตรฐานยุโรปที่สูงถึง 26.3 กิโลเมตรต่อลิตร
สำหรับการขับขี่ นักทดสอบของเราชี้ว่าเครื่องยนต์ดีเซลตอบสนองได้ดีตามสไตล์ขุมพลังแรงบิดสูงที่มารอบต่ำ นั่นทำให้การขับขี่ในเมืองใหญ่ที่มีการจราจรคับคั่งมีความสะดวกสบายมากขึ้น อย่างไรก็ตาม คันเร่งไฟฟ้า (Drive by Wire) ยังมีจังหวะหน่วงอยู่เล็กน้อย ขุมพลังดีเซลยังทำได้ดีพอตัวและมีสุ้มเสียงแบบสปอร์ตในรอบเครื่องยนต์สูง ทั้งนี้ เมื่อเราได้มีโอกาสทดสอบมาสด้า 2 รุ่นซีดาน เราจะนำเสนอให้ผู้อ่านได้รับทราบกันอีกครั้งในช่วงสิ้นเดือนมกราคมนี้
สรุป
ฟอร์ด เคาะราคาเฟียสต้ารุ่นซีดานเริ่มต้นที่ 554,000 บาทไปจนถึงรุ่นท็อปไลน์ห้าประตู 754,000 บาทซึ่งเป็นราคาที่จะได้ใช้เครื่องยนต์ EcoBoost ส่วนที่เหลือจะเป็นบล็อกดูราเทค 4 สูบ 1.5 ลิตร ทางด้านแจ๊สเคาะเริ่มต้น 555,000 บาทไปถึงรุ่นท็อป SV+ ราคา 754,000 บาท ขณะที่มาสด้า 2 เจนเนอเรชั่นใหม่เพิ่งเปิดราคาสดๆร้อนๆ เริ่มต้นที่ 675,000 บาทถึง 790,000 บาท
จะเห็นว่าผู้มาใหม่อย่างมาสด้า 2 เปิดราคาออกมาแพงที่สุดตั้งแต่รุ่นเริ่มต้นไปจนถึงรุ่นท็อปไลน์ แต่ก็อัดแน่นเทคโนโลยีใหม่ ไม่ว่าจะเป็นระบบตัดการทำงานของเครื่องยนต์อัตโนมัติไอ-สต๊อปและระบบการหมุนเวียนพลังงานไอ-อีลูป รวมถึงระบบด้านความปลอดภัยไอ-แอคทีฟเซนส์ พร้อมมีหน้าจอแสดงผล head-up display เรียกได้ว่าอ็อปชั่นอัดแน่นมากที่สุดในกลุ่มนี้
สมรรถนะการขับขี่ของรถทั้งสามรุ่นแตกต่างกันตามบุคลิกเครื่องยนต์ ดังนั้นคนที่ให้ความสำคัญกับการขับขี่มากเป็นพิเศษน่าจะตัดสินใจได้ไม่ยากนัก เพราะฟอร์ด เฟียสต้า อีโคบูสต์นำหน้ามาเป็นอันดับหนึ่ง ส่วนคนที่ให้ความสำคัญกับพื้นที่ภายในอันกว้างขวางและความสะดวกสบายเป็นหลัก ควรพิจารณาฮอนด้า แจ๊ส สำหรับคนที่ชื่นชอบภาพลักษณ์ความสปอร์ตและอ็อปชั่นลูกเล่นครบครัน แน่นอนว่ามาสด้า 2 ตอบโจทย์มากที่สุดในเวลานี้
ทั้งนี้ทั้งนั้น ขอย้ำอีกครั้งสำหรับคนที่กำลังลังเลซื้อรถในกลุ่มนี้ ควรสัมผัสลองขับรถคันจริงและเปรียบเทียบดูว่าสิ่งที่เราต้องการใช้งานมีอะไรบ้าง เพื่อช่วยให้การตัดสินใจเป็นไปได้ง่ายขึ้นครับ
LINE
ความคิดเห็น