หลังจากเปิดตัวมาสด้า 2 เครื่องยนต์ เบนซินอย่างเป็นทางการในงานมอเตอร์โชว์ที่ผ่านมา เมื้อพ้นเทศกาลสงกรานต์มาได้ไม่นาน มาสด้าก็ส่งเทียบเชิญสื่อมวลชนร่วมทดสอบสมรรถนะอีโคคาร์เครื่องยนต์เบนซิน 1.3 ลิตรรายแรกของประเทศไทยอย่างต่อเนื่องทันที
แม้ที่ผ่านมาจะมีการทดสอบรถยนต์รุ่นดังกล่างหลายต่อหลายครั้ง แต่ก็เป็นการทดสอบในรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลเกือบทั้งหมด และก็ได้ผลการทดสอบที่น่าประทับใจบนเส้นทางกรุงเทพ-ปีนัง ที่เราเคยนำเสนอผลการทดสอบไปก่อนหน้านี้
อย่าลืมว่ามาสด้าเองตั้งเป้าหมายสำหรับการจำหน่ายรถยนต์รุ่นนี้ในเครื่องยนต์เบนซินไว้สูงมาก โดยคาดว่ากว่า 60% ของการจำหน่ายมาสด้า 2 ในปีแรกจะเป็นเครื่องยนต์เบนซิน และก็ได้ทำราคาที่น่าสนใจเอาไว้ที่ 5.50-6.65 แสนบาท ใน 6 รุ่นย่อย
การทดสอบรถยนต์รุ่นนี้ในครั้งแรกเกิดขึ้นในพื้นที่กรุงเทพมหานครและรอบ ๆ เมืองใหญ่ เพื่อเน้นสมรรถนะการเป็นรถยนต์เพื่อการใช้งานในเมืองเป็นหลัก รวมไปถึงการทดสอบการขับขี่แบบจิมคาน่าเพื่อให้สัมผัสกับสมรรถนะของรถแบบเต็มที่
เอาจริง ๆ ในเรื่องของรูปร่างหน้าตาภายนอกและภายในนั้น เรียกว่ามาสด้า 2 เครื่องยนต์เบนซินนั้นถอดแบบมาจากรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลแทบจะทุกกระเบียดนิ้ว จนเชื่อว่าหากไม่สังเกตดีดีก็ยากที่จะบอกได้ว่ารถคันไหนใช้เครื่องยนต์อะไรกันแน่
จุดสังเกตหลัก ๆ ก็คงจะหนีไม่พ้นโลโก้ที่ฝากระโปรงที่บอกชนิดของเครื่องยนต์ที่อยู่ใต้ฝากระโปรงด้านหน้า ขณะที่ด้านในห้องโดยสารในรุ่นเครื่องยนต์เบนซินจะมีสวิตช์เลือกโหมดขับขี่แบบสปอร์ตติดตั้งมาให้เพิ่มที่ด้านล่างของฐานระบบส่งกำลัง
การเปลี่ยนแปลงที่มองไม่เห็นและหากไม่บอกก็คงไม่รู้ก็คือกระจกหน้าที่เปลี่ยนไปจากรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล ซึ่งเมื่อเครื่องยนต์เบนซินให้เสียงเครื่องยนต์ที่รบกวนน้อยกว่า มาสด้าจึงได้ใช้กระจกหน้าธรรมดาแทนที่กระจกตัดเสียงในรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล
เครื่องยนต์เบนซินสกายแอคทีฟ-จี แบบแถวเรียง 4 สูบ ขนาด 1.3 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 93 แรงม้าที่ 5,800 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 123 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบต่อนาที รองรับเชื้อเพลิงสูงสุดถึงอี20
ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติสกายแอคทีฟ-ไดร์ฟ 6 สปีด พร้อมแมนวลโหมดแอคทีฟเมติก ช่วงล่างหน้าแบบอิสระแมคเฟอร์สัน สตรัม พร้อมเหล็กกันโคลง ช่วงล่างด้านหลังแบบกึ่งอิสระทอร์ชั่นบีม ซึ่งเป็นมาตรฐานของรถรุ่นนี้
ระบบเบรกด้านหน้าเป็นดิสก์เบรก พร้อมครีบระบายความร้อน ขณะทีด้านหลังในรุ่นเครื่องยนต์เบนซวินจะเป็นดรัมเบรกทั้งหมด ไม่เหมือนรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลที่จะเป็นดิสก์เบรกใน 2 รุ่นบน
แม้จะใช้ล้อขนาด 15 นิ้วเหมือนกันทั้งหมด แต่ในรุ่นล่างของเบนซินมาพร้อมล้อกระทะพร้อมฝาครอบ ซึ่งแตกต่างจากรุ่นดีเซลที่เป็นล้ออัลลอยทั้งหมด แถมยังใช้ล้อ 16 นิ้วในรุ่นท๊อป แถมใครใช้รุ่นเบนซินอาจจะต้องเติมน้ำมันบ่อยกว่า เพราะถังน้ำมันมีขนาดแค่ 35 ลิตรเท่านั้น
เห็นจากการติดตั้งอุปกรณ์ต่าง ๆ มาแล้ว ก็ต้องบอกว่ามาสด้าแบ่งกลุ่มลูกค้าออกจากกันค่อนข้างชัดเจน ซึ่งหากต้องการสมรรถนะของรถเป็นหลักก็สามารถเลือกพิจารณารุ่นล่างได้ โดยสนนราคาก็จะลงไปท้าชิงกับบี-เซกเมนต์ได้มากขึ้น
แต่หากมีกำลังซื้อที่เหนือกว่า ก็สามารถเลือกได้ว่าจะใช้เครื่องยนต์เบนซินที่ใช้งานในเมืองได้แบบสบาย หรือจะต้องการสมรรถนะที่เหนือชั้นกว่าในรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล ก็ไม่ผิดกติกาแต่อย่างใด
กลับมาที่เครื่องยนต์เบนซินกันเสียเล็กน้อย เพราะการตอบสนองของช่วงล่างและระบบเบรกนั้นให้ความไว้วางใจและมั่นใจได้เหมือนเดิม เพราะเราก็ยังอยู่ในรถรุ่นท๊อปที่ติดตั้งอุปกรณ์ต่าง ๆ มาอย่างเต็มที่
แม้จะเป็นเครื่องยนต์ขนาดเล็กกว่าคู่แข่งในระดับราคาเดียวกัน แต่ก็ถือว่ามาสด้าทำงานตรงนี้มาอย่างดี เพราะมาสด้าก็รู้อยู่เต็มหัดอกว่าเมื่อวางราคาในระดับนี้ ผู้คนย่อมมองมาสด้าเทียบกับคู่แข่งในระดับบี-เซกเมนต์ ที่ใช้เครื่องยนต์ 1,500 ซีซี. กันทั้งหมด
แถมยังต้องทำให้ดีกว่าและเหนือกว่าอีโคคาร์ที่หลาย ๆ ค่ายมีขนาดตัวถังที่ไม่แตกต่าง แต่เลือกใช้เครื่องยนต์เบนซิน 1.2 ลิตร เพื่อที่ให้ได้สนนราคาที่ต่ำกว่า มาสด้าแม้จะตีตั๋วอัตราภาษีเดียวกัน แต่ก็ยังมีราคาจำหน่ายที่มากกว่านิด ๆ อยู่ดี
การตอบสนองของเครื่องยนต์เบนซินรุ่นนี้เป็นลักษณะการตอบสนองไปตามแรงเหยียบของเท้าที่ส่งผ่านไปที่คันเร่ง แม้จะไม่ปรี๊ดปร๊าดลากดึงแบบรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลซึ่งเป็นตัวท๊อปของคลาสไปแล้ว ก็ยังให้การตอบสนองที่เร้าใจเอาเรื่อง
ในยามที่ต้องการสมรรถนะที่เพิ่มขึ้นนั้น เพียงปรับโหมดการขับขี่ไปที่โหมดสปอร์ต ก็จะได้การตอบสนองของเครื่องยนต์ที่กระตือรือล้นมากขึ้น เครื่องยนต์จะทำงานแบบกระฉับกระเฉงขึ้นประมาณ 1,000 รอบต่อนาทีในทุกย่านความเร็ว แลกกับเสียงที่เพิ่มขึ้นและอัตราการกินน้ำมั้นที่เพิ่มขึ้นก็ยังคุ้มค่าอยู่
โหมดสปอร์ตของมาสด้า 2 นั้นทำให้รถคันนี้เหนือกว่าคู่แข่งในกลุ่มบี-เซกเมนต์ไปอีกนิดนึง ด้วยการตอบสนองต่อการสั่งงานที่ต่อเนื่องและไหลมาเทมา แถมยังให้การควบคุมที่ยอดเยี่ยมในย่านความเร็วสูงอีกซะด้วย
มาสด้าเคลมอัตราการสิ้นเปลืองตามมาตรฐานการทดสอบของมาสด้าเอาไว้ที่ 23.3 กิโลเมตรต่อลิตร ผมว่าคงยากมากที่จะทำได้ในการใช้งานจริง แต่ถ้าพูดถึงตัวเลขสัก 17-18 กิโลเมตรต่อลิตรก็เป็นตัวเลขที่ฟังดูเข้าท่า สามารถทำได้และน่าพึงพอใจอยู่ไม่น้อย ไว้คงต้องยืมมาลองดูอีกที
แม้จะใช้ล้ออัลลอยขนาด 15 นิ้วในรุ่นท๊อป แต่ก็ไม่ได้ทำให้การควบคุมรถสูญเสียความดุดันลงไป เนื่องจากยังคงใช้ยางหน้ากว้าง 185 เหมือนกับในรุ่นท๊อปของเครื่องดีเซล การใช้งานในเมืองถือว่ามีความคล่องตัวสูง ด้วยพวงมาลัยและช่วงล่างที่กระชับและคล่องแคล่ว
ขณะที่ห้องโดยสารภายในให้อารมณ์และบรรยากาศสปอร์ตเหมือนเดิม เบาะที่นั่งคู่หน้าปรับเลื่อนได้กว้างขวาง ขณะที่ผู้โดยสารตอนหลังก็ยังนั่งเข่าชันเหมือนเดิม ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงในจุดนี้
สรุปรวมจากการโตในรถมาสด้า 2 สกายแอคทีฟ-จีอยู่วันนึงเต็ม ๆ ก็ต้องยอมรับว่ามาสด้าทำการบ้านมาดีไม่น้อย สำหรับการทำให้เครื่องยนต์เบนซินขนาดเล็กสามารถให้การตอบสนองที่ไม่แพ้คู่แข่งในภาพรวม แม้จะมีตัวเลขแรงม้าที่ต่ำกว่าเล็กน้อยก็ตาม
200 ซีซี. ที่แตกต่างไปจากรถยนต์บี-เซกเมนต์นั้นไม่ได้มีผลในการขับขี่ทั้งในเมืองและบนทางด่วน แถมยังฉีกหนีไปจากรถยนต์กลุ่มอีโคคาร์เครื่องยนต์เบนซินไปอย่างเป็นทางการ เรียกว่าผู้ที่จะตามเข้ามาในอนาคตอาจจะต้องทำรถกันมาให้ดียิ่งขึ้น
เอาเป็นว่าผมยังติดใจเรื่องของอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันที่ไม่อยากจะเอาตัวเลขจากมาตรวัดวันนั้นมาคุย ไว้เดี๋ยวค่อยยืมรถทดสอบจากมาสด้ามาอย่างเป็นทางการอีกครั้ง เพื่อหาตัวเลขที่ชัดเจนอีกสักครั้ง
แล้วค่อยมาสรุปความดีงามทั้งหมดอย่างเป็นทางการอีกครั้งก็แล้วกัน...
ขอขอบคุณ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) สำหรับการทดสอบรถยนต์ในครั้งนี้
ผู้เขียน golfautospinn พูดคุยกันได้ที่ pisan.i@icarasia.com เฟซบุ๊ค Autospinn.Fans และทวิตเตอร์ @Autospinn
อัปเดตข่าวรถยนต์ รีวิวรถยนต์ และจักรยานยนต์ กับเรา Autospinn
เช็คโปรโมชั่นรถใหม่ ราคารถ ตารางผ่อน ได้ที่นี่
ซื้อรถมือสอง ขายรถมือสอง เช็คราคารถมือสอง ได้ที่ one2car
ความคิดเห็น