โตโยต้าหวังอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยกลับสู่หลักล้านคันต่อปีภายใน 3 ปี

นายใหญ่โตโยต้าประเมินภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยยังอยู่ระดับ 9 แสน - 1 ล้านคันต่อปี แต่ผลกระทบโครงการรถคันแรกดูดกำลังซื้อล่วงหน้าซึมยาวอีก 3 ปี หวังตลาดกลับสู่ภาวะปกติมียอดจำหน่ายเกิน 1 ล้านคัน พร้อมอ้อนรัฐขอยกเว้นภาษีอุปกรณ์เพื่อถ่ายทอดเทคโนโลยี

เคียวอิจิ ทานาดะ เจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ในฐานะกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า ตนยังมีความเชื่อมั่นในตลาดประเทศไทยว่ามีศักยภาพที่จะมียอดจำหน่ายระดับ 9 แสน - 1 ล้านคันต่อปีได้เหมือนเช่นเดิม

แต่ต้องยอมรับว่าผลกระทบจากโครงการรถคันแรกที่ทำให้ยอดจำหน่ายในช่วงของการเปิดโครงการขึ้นขึ้นไปที่ 1.3 และ 1.4 ล้านคัน ทำให้มีการดูดกำลังซื้อล่วงหน้าไปแล้วกว่า 7 แสนคัน และคาดว่าจะส่งผลกระทบให้อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยไม่เติบโตไปตามคาดอีก 3 ปี

"ผมเชื่อว่าประเทศไทยยังมีความพร้อมที่จะกลับไปสู่ประเทศที่มียอดจำหน่ายระดับ 1 ล้านคันต่อปีได้ภายใน 3 ปีต่อจากนี้ เนื่องจากเรามีพื้นฐานอุตสาหกรรมยานยนต์ที่เข้มแข็ง แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นก็ทำให้เราต้องเหนื่อยและต้องอดทน ซึ่งโตโยต้าคาดว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยปีนี้จะหดตัวเหลือ 7.5-7.6 แสนคัน"

โตโยต้าได้ทำการปรับเป้าหมายการจำหน่ายในประเทศไทยลงอีก 1.5 หมื่นคัน เหลือเพียง 2.65 แสนคัน จากที่ประเมินเอาไว้ 2.8 แสนคันในช่วงกลางปีที่ผ่านมา ซึ่งตนเชื่อว่ารัฐบาลพยายามที่จะเดินหน้าผลักดันเศรษฐกิจในประเทศอย่างเต็มที่ ซึ่งที่ผ่านมาตลาดในประเทศก็เริ่มกระเตื้องขึ้นมาบ้าง

อย่างไรก็ตาม ผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง ทำให้ส่งผลกระทบต่อภาพรวมของเศรษฐกิจในประเทศไทยด้วยเช่นกัน รวมถึงปัจจัยอื่น ๆ ที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยราคาพืชผลทางการเกษตร หรือราคาน้ำมัน ที่ส่งผลดีต่อไทยแต่กระทบในตลาดโลก เป็นต้น

นายทานาดะยังได้กล่าวถึงแผนการถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับโรงงานในประเทศไทย ว่าที่ผ่านมาโตโยต้ามีความพยายามที่จะเดินหน้าถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับประเทศไทยในฐานะฐานการผลิตใหญ่ระดับภูมิภาค แต่ก็ยังต้องการความช่วยเหลือจากรัฐบาลในการเดินหน้าโครงการดังกล่าว

"เราอยากให้รัฐบาลให้การสนับสนุนในเรื่องของการละเว้นการเก็บภาษีและเครื่องจักรอุปกรณ์สำหรับการทดสอบและการถ่ายทอดเทคโนโลยี ซึ่งโตโยต้ามีความตั้งใจที่จะผลักดันประเทศไทยอย่างเต็มที่ แต่ที่ผ่านมา เราเสียภาษีอุปกรณ์เหล่านี้ 100-200% ซึ่งอยากให้รับบาลพิจารณาเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน"