[สัมผัสแรก] นิสสัน เอ็กซ์เทรล ไฮบริด พร้อมด้วยผองเพื่อนอย่าง นิสสัน เดย์ซ, นิสสัน มาร์ซ นิสโม่ และนิสสัน จู๊ค นิสโม่ บนถนนญี่ปุ่น

ไปงานโตเกียว มอเตอร์โชว์ กับนิสสัน ในครั้งที่ผ่านมา นอกเหนือจากการได้เข้าร่วมงาน ชมเทคโนโลยีรุ่นใหม่ และการพูดคุยกับผู้บริหารแล้ว นิสสันยังได้จัดให้ขับรถทดสอบกันบนถนนญี่ปุ่นกันมากมายถึง 10 รุ่น แล้วแต่ดวงจะถูกจัดไปขับคันไหนมาทดลองก็เท่านั้น

หนึ่งในนั้นก็คือเจ้านิสสัน เอ็กซ์-เทรล ไฮบริดที่ก่อนหน้ามีจัดทดสอบในประเทศไทยแบบห้ามเปิดเผยผลการทดสอบถึงต้นเดือนนี้ แถมยังเป็นการขับในสนามทดสอบเล็ก ที่เรียกว่าจับอาการของรถยังค่อนข้างลำบาก คราวนี้ได้มาลองบนถนนบ้านเกิดของรถบนระยะทางประมาณ 7.5 กิโลเมตร

ที่เหลือนั้น ผมจับได้ขับนิสสัน 370แซด นิสโม่ ซึ่งเคยขับมาก่อนหน้านี้แล้วในสนามซิลเวอร์สโตนตอนที่ไปอังกฤษกับนิสสัน เลยสละสิทธิ์ให้กับเพื่อนร่วมทีมแล้วหันไปลองนิสสัน มาร์ช นิสโม่ แทน ที่เหลือก็คือนิสสัน เดย์ซ รถเล็กที่ขายแค่ในญี่ปุ่นและนิสสัน จู๊ค นิสโม่ ตัวเกียร์อัตโนมัติ

จริง ๆ แล้วต้องขับกันคนละ 5 คัน แต่แหม่ ไปกันหลายประเทศ ขับกันหลายกลุ่ม หลงจีพีเอสบ้าง หลงทางบ้าง ก็เลยเสียเวลาไปมากกว่าปกติ เลยเหลือเวลาให้ทดสอบกันแค่ 4 คัน แค่นี้ก็วิ่งกันจ้าละหวั่นเพื่อไปร่วมกิจกรรมอื่น ๆ ที่จัดไว้แบบตารางแน่นเอี๊ยดแทบจะไม่ทันอยู่แล้ว

เพราะช่วงที่เราไปร่วมงานกันนั้น นอกเหนือจากตารางงานที่เกยกันแบบแน่นขนัดหนาแล้ว ญี่ปุ่นยังมืดเร็วมากครับ ห้าโมงครึ่งนี่ฟ้าดำกันแล้ว ทำให้ระยะเวลาในการจัดกิจกรรมแต่ละวันนั้นสั้นลงไปกว่าเดิมอย่างมาก แถมยังมีเรื่องของการเดินทางด้วยรถบัสที่ทำให้เวลาทำงานน้อยลงไปอีก

ว่ากันไปทีละคัน เริ่มกันที่ นิสสัน เอ็กซ์-เทรล ไฮบริด ที่เราคุ้นหน้าตากันดีอยู่แล้วกับรถยนต์เอสยูวี 7 ที่นั่ง ที่เปิดตัวมานานนับปีแถมขายดิบขายดีต่างหาก ในเวอร์ชั่นไฮบริดนั้นที่นั่งด้านหลังสุดจะหายไปเป็นที่วางแบตเตอรี่ เหลือเพียง 5 ที่นั่งให้ใช้งานในชีวิตประจำวัน

ด้านการขับขี่นั้น เราเคยลองการวิ่งด้วยระบบไฟฟ้าที่ความเร็วปานกลางในสนามทดสอบมาแล้ว พอมาขับบนท้องถนนญี่ปุ่นรู้สึกได้ถึงแรงดึงที่มากขึ้นแม้จะเป็นเครื่อง 2.0 ลิตร เอาจริง ๆ การตอบสนองของรถไม่ได้แพ้เครื่องยนต์เบนซิน 2.5 ปกติธรรมดาเลยแม้แต่น้อย รวมถึงช่วงล่างก็ยังไว้ใจได้เหมือนเดิม

การตัดการทำงานของระบบเครื่องยนต์และไฮบริดยังมีอาการกระตุกให้เห็นบ้างเล็กน้อย ขณะที่ระบบส่งกำลังดูแล้วไม่ค่อยสมูธเท่าไหรนัก อันนี้ต้องขอมาลองในเมืองไทยอีกครั้ง เพราะสินค้ามันคนละตลาดกัน รอเปิดตัววันที่ 17 นี้ แล้วสักเดือนหน้าน่าจะได้ขับกันเต็ม ๆ อีกสักรอบ

คันที่ 2 ก็คือ นิสสัน มาร์ช นิสโม่ ซึ่งได้รับการเบ่งกล้ามจากรถยนต์น่ารักใช้งานในเมืองมาอยู่ภายใต้สมรรถนะและช่วงล่างใหม่ของนิสโม่ เกียร์ธรรมดาที่เข้าเกียร์ 2 แบบติดขัดบ้างในบางโอกาสของการขับขี่ ถ้าไม่ติิดเรื่องนี้ต้องบอกว่ารถคันนี้ถือว่าเป็นรถที่โหดเอาเรื่องเหมือนกัน

เพียงแค่กดครัชต์ เข้าเกียร์ เหยียบคันเร่งแล้วถอนครัช จะรับรู้ได้ถึงการตอบสนองของเครื่องยนต์ที่ลากรถคันน้อยนี้ไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วในระดับที่เราไม่อาจจะคิดว่ามาร์ชจะทำได้ขนาดนี้ ความแม่นยำของพวงมาลัยและระบบช่วงล่างก็เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนเหมือนกัน

ต่อกันที่ นิสสัน เดย์ซ ซึ่งเป็นรถยนต์ขนาดเล็กที่ทำตลาดในญี่ปุ่นในกลุ่มเคคาร์ ถือเป็นรถยนต์แบบขับไปเรื่อย ๆ กดคันเร่งแล้วก็ไม่ได้ออกตัวปรื๊ดปร๊าดแต่อย่างใด แถมใครที่คิดว่าเครื่องยนต์ 3 สูบพร้อมเกียร์ซีวีที น่าจะตอบสนองได้อย่างปรู๊ดปร๊าดในรถไซส์เล็กก็ต้องขอบอกว่าคิดผิดมหันต์

อย่างไรก็ตาม เดย์ซมาพร้อมข้อดีมากมายในเรื่องของการเป็นรถใช้งานในเมือง แม้จะมีตัวถังที่เล็กแต่มีห้องโดยสารที่น่าสนใจ สามารถขนสัมภาระสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันได้หลายรูปแบบ แถมยังมาพร้อมอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ยที่สูงกว่า 29 กิโลเมตรต่อลิตรเลยนะ

ปิดท้ายกันที่ตัวแรงอย่าง นิสสัน จู๊ค นิสโม่ ที่มาพร้อมเกียร์อัตโนมัติและระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ พร้อมด้วยชุดแต่งทั้งภายในภายนอกที่ทำให้รถคันนี้โดดเด่นและแตกต่างเป็นอย่างมากบนท้องถนน เรียกว่าแค่ยืนข้าง ๆ ก็รู้สึกได้ถึงความแรงแบบเหนือชั้นของรถคันนี้เสียแล้ว

กดปุ่มสตาร์ทเครื่อง เสียงเครื่องยนต์กระหึ่มขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เกียร์อัตโนมัติทำงานอย่างกระฉับกระเฉง เครื่องยนต์ส่งกำลังอย่างรวดเร็วลงสู่ล้อและรถก็พุ่งทะยานออกมาอย่างไม่ยากเย็น สิ่งที่ยากกว่าก็คือการพยายามรักษาความเร็วให้อยู่ในลิมิตของท้องถนนญี่ปุ่นนี่ล่ะครับ

ตัวโหดของจู๊คนั้นแสดงให้เห็นถึงการเป็นนิสโม่ที่ดี ที่หลายคนอาจจะคิดว่าเกียร์ออโต้อาจจะไม่เหมาะกับรถแรงหรือเอสยูวีเอามาเป็นสายโหดไม่ได้ คำถามเหล่านี้จะค่อย ๆ จางหายไปเมื่อคุณได้มาอยู่หลังพวงมาลัยของจู๊ค นิสโม่คันนี้ดูสักครั้ง ก็จะหายสงสัยเป็นแน่

สิ่งที่ชื่นชอบเป็นพิเศษนอกเหนือไปจากตัวรถที่ให้การตอบสนองที่ดีเยี่ยมในทุก ๆ คันในแบบของตัวเองแล้ว ผมชื่นชอบนิสัยและมารยาทของคนญี่ปุ่นในการใช้รถใช้ถนนมากครับ เรื่องการรักษากฎ การมีน้ำใจร่วมกันกับคนเดินเท้า ถือเป็นเรื่องดีดีที่สัมผัสได้จากการขับรถในวันนี้

กลับมาเมืองไทยเจอปาดซ้ายที ปาดขวาที เบรกกระทันหัน แถมบีบแตรใส่คนข้ามถนน รู้สึกไมเกรนขึ้นจี๊ด ๆ ขึ้นมาทันทีเลย...