แซดเอฟรุกขยายตลาดเรือในไทย มั่นใจรักษายอดขายแม้ยานยนต์หดตัวปีนี้

แซดเอฟ ประเทศไทย ปลื้มบริษัทแม่เพิ่มธุรกิจเรือในประเทศไทยให้ดูแล เสริมทัพธุรกิจยานยนต์ มั่นใจรักษายอดจำหน่ายรวมได้แม้ตลาดยานยนต์หดตัวรุนแรง  

ไดร์สเลอร์ โค กรรมการผู้จัดการ แซดเอฟ (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ในปีนี้ได้รับความไว้วางใจจากบริษัทแม่ให้ดูแลธุรกิจอุปกรณ์เกี่ยวกับเรือในประเทศไทย จากเดิมที่ธุรกิจดังกล่าวเคยดูแลโดยบริษัทแม่ในประเทศสิงคโปร์มาโดยตลอด

ที่ผ่านมา ธุรกิจมารีนของแซดเอฟนั้นเน้นการทำตลาดเกียร์สำหรับเรือทุกประเภท โดยมีลูกค้ารายใหญ่ ได้แก่ กองทัพเรือและหน่วยงานราชการ รวมถึงเรือยนต์ทั้งหมดที่ทำตลาดอยู่ในประเทศไทย ซึ่งประเทศไทยเป็นตลาดหลักที่สำคัญแห่งหนึ่งของธุรกิจเรือ

"เรามีความสามารถในการผลิตชุดเกียร์และระบบชุดควบคุมเกียร์ทั้งหมด ซึ่งประเทศไทยถือว่ามีความหลากหลายมากในการใช้งานเรือ ไม่ว่าจะเป็นเรือขนาดใหญ่ไปจนถึงเรือขนาดเล็กตามแม่น้ำลำคลองทั้งหลาย"

นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มตลาดเรือยอชท์ที่โซนพัทยาที่มีขนาดไม่ใหญ่โตมากนัก แต่ก็เป็นตลาดที่ทำตลาดได้ยากเนื่องจากเป็นธุรกิจที่สามารถนำเข้าได้โดยไม่ต้องเสียภาษี แซดเอฟจึงมองในเรื่องของการดูแลบำรุงรักษามากกว่าการจำหน่ายโดยตรง

ในส่วนของธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์นั้น ปัจจุบันแซดเอฟมีการซัพพลายเกียร์อัตโนมัติให้กับบีเอ็มดับเบิลยู จากัวร์และแลนด์โรเวอร์ รวมถึงเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีดที่ติดตั้งมาในเรนจ์โรเวอร์ อีโวค ที่จะเปิดตัวในประเทศไทยช่วงปลายปีนี้

ทั้งนี้ ยอดจำหน่ายของแซดเอฟ ประเทศไทยราว 60% มาจากชิ้นส่วนอะไหล่ยานยนต์ 20% เป็นส่วนของโออีเอ็มและอีก 20% มาจากธุรกิจบริการบำรุงรักษา ซึ่งในปี 2558 บริษัทสามารถรักษายอดจำหน่ายได้เท่ากับปีที่ผ่านมา แม้ตลาดรถยนต์จะหดตัวอย่างรุนแรง

สำหรับธุรกิจของทีอาร์ดับบลิว ที่แซดเอฟเข้าซื้อกิจการทั่วโลกในช่วงที่ผ่านมา ในประเทศไทยยังไม่มีการเข้าถือครองธุรกิจทั้งหมดในปัจจุบัน แต่อยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อหาแนวทางในการทำธุรกิจร่วมกันเพื่อรักษาการเติบโตในอนาคต

"ในประเทศไทยเรามีโรงงานประกอบช่วงล่างให้กับบีเอ็มดับเบิลยูและเมอร์เซเดส-เบนซ์ในรูปแบบของสินค้าสำเร็จรูป ขณะเดียวกัน ก็มีการทำตลาดสินค้าหลายยี่ห้อ ไม่ว่าจะเป็นแซดเอฟ ซาชส์และแลมฟอร์เดอร์"

ทั้งนี้ แซดเอฟมองว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในช่วงที่ผ่านมามีการเติบโตมากกว่าปกติ ซึ่งบริษัทไม่ได้ตกใจที่ตลาดหดตัวในปีนี้ และน่าจะหดตัวต่อเนื่องในปีหน้า แต่ก็เชื่อว่านับตั้งแต่ปี 2560 จะเริ่มกลับมาเติบโตได้อีกครั้งอย่างแน่นอน