บริษัทรถยนต์ส่งจดหมายเรียกคืนรถถึงลูกค้ามากที่สุดเป็นสถิติใหม่เมื่อปีที่แล้ว แต่จากการสำรวจพบว่า ถึงแม้รถจะมีข้อบกพร่อง แต่ผู้ใช้รถส่วนใหญ่ยังคงเพิกเฉยและไม่ได้นำรถเข้าแก้ไข
สำนักงานเพื่อความปลอดภัยบนถนนหลวงแห่งสหรัฐฯ เปิดแคมเปญกระตุ้นความตระหนักถึงความปลอดภัยของรถยนต์ โดยร้องขอให้ผู้ใช้รถตรวจสอบรายชื่อรถที่ถูกเรียกคืนอย่างน้อยสองครั้งต่อปีและมองหาหนทางใหม่ที่จะส่งข้อมูลการเรียกคืนถึงผู้ใช้รถได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
“การเรียกคืนรถเป็นประเด็นความปลอดภัยที่ต้องได้รับการเอาใจใส่อย่างจริงจังและรวดเร็ว” แอนโธนี่ ฟอกซ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมของสหรัฐฯ กล่าว “เราต้องแน่ใจว่าลูกค้าได้รับข่าวสารอย่างทันท่วงทีเพื่อนำรถที่มีข้อบกพร่องเข้ามาแก้ไข ส่วนค่ายรถก็ต้องดำเนินการอย่างรวดเร็วที่สุด”
ด้วยปัญหาถุงลมนิรภัยของทาคาตะและสวิทช์สตาร์ทเครื่องยนต์ของเจนเนอรัล มอเตอร์ส ทำให้การเรียกคืนในสหรัฐอเมริกาเพิ่มสูงถึง 868 ครั้งในปีที่แล้ว ครอบคลุมรถราว 51.2 ล้านคัน ซึ่งมากที่สุดเป็นประวัติการณ์
อย่างไรก็ตาม การเรียกคืนที่สำเร็จลุล่วงหรืออัตราส่วนรถที่ได้รับการแก้ไขยังคงต่ำ โดยสำนักงานเพื่อความปลอดภัยบนถนนหลวงแห่งสหรัฐฯ ระบุว่ามีรถที่ถูกเรียกคืนราว 75% ที่ได้รับการแก้ไข ซึ่งรถที่บกพร่องและไม่ได้รับการแก้ไขทำให้เกิดความเสี่ยงสูงมาก
เมื่อเดือนกรกฎาคม 2015 วัยรุ่นอเมริกันรายหนึ่งเสียชีวิตเนื่องจากถูกถุงลมนิรภัยของทาคาตะระเบิดใส่ จากการตรวจสอบพบว่า รถของเขาถูกเรียกคืนตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2010 แต่ถูกเพิกเฉย ซึ่งกรณีนี้กระตุ้นให้ภาครัฐและเอกชนตื่นตัวมากขึ้นในการดำเนินการเรียกคืนรถอย่างมีประสิทธิภาพ
ความคิดเห็น