ร่วมพิสูจน์สมรรถนะไปกับ ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ใหม่ ยานยนต์อเนกประสงค์ที่พร้อมเปลี่ยนอุปสรรคให้เป็นเรื่องง่าย เปลี่ยนทุกเส้นทางให้กลายเป็นจุดหมายที่ท้าทาย เพื่อพิชิตเส้นทางที่สุดโหดสู่เหมืองหิน “ปิล็อก” อันเลื่องชื่อ
กับการเดินทางท่องเที่ยวแนวลุยๆสไตล์ Advanture ณ เมืองสองแควบนเส้นทางธรรมชาติ ขึ้นเขาลงห้วยและลุยผ่านลำธารน้อยใหญ่ ซึ่งยากที่รถธรรมดาๆจะไปถึง วันนี้เรามี ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ใหม่ รุ่น 3.2 ลิตร Titanium + ขับเคลื่อน 4 ล้อ ตัวท็อป โมเดลล่าสุดปี 2016 ที่มากับสุดยอดสมรรถนะพร้อมระบบช่วยการขับขี่อัจฉริยะมากมายที่เพิ่มเข้ามาในคันนี้ “บอกเลยนี่ไม่ใช่การโฆษณา” แต่มันคือเรื่องจริงที่คุณจะได้สัมผัสใน ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ใหม่ คันนี้
เริ่มต้นออกสตาร์ทจากกรุงเทพฯสู่จังหวัดกาญจนบุรี เอเวอเรสต์ ใหม่ ดูโดดเด่นชวนให้ทุกคนจับจ้องตลอดเส้นทาง ด้วยรูปลักษณ์ที่สะท้อนความแข็งแกร่งผสานกับเส้นสายอันโค้งมนได้อย่างสมบูรณ์แบบซึ่งมีติดตัวมาแต่กำเนิด พร้อมฟังชั่นที่เหนือระดับมากมาย ตั้งแต่ไฟหน้าแบบ HID Projector พร้อมไฟ LED Day-Time Runing light ที่พ่วงระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัจฉริยะ (Auto High BeamControl) ไปจนถึงล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว ซึ่งใหญ่สุดในคลาส,หลังคาแบบ Power Panoramic-Moonroof บานใหญ่ ที่ไม่มีในคู่แข่ง ตลอดจนถึงฝาท้ายที่เปิด/ปิดด้วยไฟฟ้า (Power Tailgate) ที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายได้อย่างลงตัว
พร้อมห้องโดยสารที่กว้างขวางนั่งสบายและมีพื้นที่เก็บสัมภาระของผู้ร่วมทางได้อย่างเพียงพอแถมยังสะดวกสบายด้วยเบาะแถว 3 ที่สามารถพับราบได้ด้วยไฟฟ้าแบบ 50:50 และไม่ทำให้เสียพื้นที่ภายในโดยเฉพาะที่นั่งแถวที่ 2 ซึ่งนั่งสบายมากๆ ในบรรยากาศเงียบสงบด้วยเทคโนโลยีตัดเสียงรบกวน (Active Noise Cancellation) พร้อมแอร์ที่เย็นฉ่ำซึ่งสามารถแยกปรับได้อิสระทั้งคัน อีกทั้งยังมีปลั๊กไฟบ้านแบบ 230V ไว้ให้ทุกคนได้ใช้งานแบบไม่ต้องกังวล จะชาร์ตโทรศัพท์มือถือ หรือคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คก็สามรถเสียบชาร์ตได้เลยจากปลั๊กไฟปกติโดยไม่ต้องพึ่งพอร์ต USB เหมือนทั่วๆไป
นอกจากความสบายและออฟชั่นที่ทำให้คุณเพลิดเพลินตลอดการเดินทางแล้วสมรรถนะที่ได้จากเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ TDCi แบบ 5 สูบ อันทรงพลังขนาด 3.2 ลิตร 200 แรงม้า พร้อมแรงบิดมหาศาลอีก 470 นิวตันเมตร ในเอเวอเรสต์ ใหม่ ยังสร้างความประทับให้ได้สัมผัสกันในทุกช่วงอัตราเร่ง โดยเฉพาะจังหวะเร่งแซงบนทางชันช่วงขึ้นเขา พละกำลังที่เหลือเฟือ..แรงแบบสั่งได้ กดปุ๊บมาปั๊บทำให้เราขับขี่ได้อย่างสนุกสนานและมั่นใจมากยิ่งขึ้น
ประกอบกับระบบช่วยการขับขี่อัจฉริยะต่างๆ ซึ่งต้องขอบอกว่าดีมากๆ ตั้งแต่ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ (Adaptive Cruise Control) ที่ช่วยให้การขับทางไกลนั้นเป็นเรื่องง่ายและปลอดภัยมากๆ แค่เราล็อคความเร็วที่ต้องการแล้ววิ่งไประบบจะควบคุมความเร็วตามที่กำหนดพร้อมรักษาระยะห่างพร้อมช่วยชะลอความเร็วเมื่อเราเข้าใกล้คันหน้ามากเกินไป และจะเพิ่มความเร็วให้เองเมื่ออยู่ในระยะปลอดภัย โดยที่เราไม่ต้องคอยเหยียบเบรกหรือคันเร่งแต่อย่างใด แค่ประคองพวงมาลัยในตรงทางก็พอ
แต่เมื่อใดที่คุณเผลอจนรถค่อยๆเบี่ยงออกจากเลนโดยไม่ได้ตั้งใจและไม่ได้เปิดไฟเลี้ยว ก็หายห่วงได้เลยเพราะ เอเวอเรสต์ ใหม่มีทั้งระบบเตือนผู้ขับขี่ (Driver Alert ) และระบบเตือนการชนด้านหน้า (Forward Collision Warning System) ซึ่งระบบจะมีกล้องเรดาห์ที่หน้ารถเพื่อตรวจจับระยะห่างจากรถคันหน้า เมื่อพบความเสี่ยงที่จะเกิดการชนระบบจะทำการเตือนด้วยไฟบนคอนโซลหน้า และจะกระพริบพร้อมเสียงเตือนเมื่อรถยังเคลื่อนที่เข้าใกล้มากขึ้น แถมยังมีระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง (lane keeping System) เป็นตัวช่วยตรวจจับและช่วยหักพวงมาลัยเล็กน้อยให้กลับมาในเลนอย่างปลอดภัย
เท่านั้นไม่พอ เอเวอเรสต์ ยังติดตั้งระบบตรวจจับรถในจุดบอด (Blind Spot Information System) ที่ช่วยเตือนเราเมื่อมีรถอยู่ด้านข้างตรงจุดที่เรามองไม่เห็น ไปจนถึงระบบตรวจจับรถขณะออกจากช่องจอด (Cross Traffic Alert) ซึ่งทั้งหมดล้วนมีความสำคัญและช่วยเพิ่มความปลอดภัย ที่สามารถใช้งานจริงได้เป็นอย่างดี
ซึ่งนอกจากความปลอดภัยขั้นสูงที่ช่วยให้ขับขี่ได้อย่างอุ่นใจแล้ว เอเวอเรสต์ ใหม่ ยังเป็นรถอเนกประสงค์แบบ 7 ที่นั่ง ที่ขับง่ายมากๆด้วยพวงมาลัยไฟฟ้า EPAS ซึ่งให้น้ำหนักที่เบามือในช่วงความเร็วต่ำ เรียกได้ว่า “ผู้หญิงก็ขับได้ คุณผู้ชายยิ่งขับสนุก” และหลงรักแฮนด์ลิ่งหนึบๆช่วงความเร็วสูงที่หน่วงน้ำหนักได้ตึงมือกำลังดี พร้อมช่วงล่างใหม่ที่ทั้งนุ่มและมั่นคงแบบ Watt’s Link ซึ่งช่วยให้ เอเวอเรสต์ เป็นรถครอบครัวที่ขับง่าย คล่องตัวและยึดเกาะถนนได้ดีที่สุดในคลาส แถมยังมีระบบช่วยจอดอัจฉริยะ (Active Park Assist) ที่ช่วยให้การจอดรถแบบขนานในที่จำกัดกลายเป็นเรื่องง่าย
และด้วยสมรรถนะที่จัดจ้านของ เอเวอเรสต์ ใหม่เพียงไม่ถึง 3 ชม. ก็พาเราเดินทางมาถึง จ.กาญจนบุรี ที่ซึ่งเราจะได้ลองสมรรถนะของระบบขับเคลื่อน 4 ล้อขั้นเทพ แบบ i4WD Terrain Management System กันต่อว่าจะพาเราบุกป่าฝ่าดงไปได้ง่ายดายอย่างที่คุยไว้หรือไม่
โดยเริ่มจากการขับขึ้นเขาแบบซอร์ฟๆ ผ่านทางโค้งนับร้อยบนถนนลาดยางที่มีทั้งเรียบและชำรุดเป็นหลุมบ่อสลับกันไป ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ จะทำการควบคุมเครื่องยนต์และระบบส่งกำลัง รวมถึงการทำงานของช่วงล่างในการขับขี่บนพื้นผิวที่แตกต่างโดยอัตโนมัติ เมื่อเราวิ่งบนพื้นถนนปกติระบบส่งแรงบิดไปยังล้อทั้ง 4 แบบ 40:60 ในโหมดพื้นผิวทั่วไป (Normal) และทำให้เราขับผ่านโค้งหลากหลายรูปแบบได้อย่างมั่นใจ ด้วยตัวรถที่นิ่งและตั้งตรงจนแทบไม่รู้สึกถึงอาการโยนตัว บวกกับพละกำลังที่จัดจ้านทำให้ขับสนุกสุดๆจากโค้งสู่โค้งต่อเนื่องแบบไม่มีสะดุดจนถึงอุทยานทองผาภูมิ ซึ่งเราจะพักค้างคืนกันที่นี่ ก่อนรุ่งเช้าจะออกเดินทางต่อไปบนเส้นทางที่ท้าทายมากยิ่งขึ้น เพื่อสัมผัสกับความงามของ ภูเขา เหมืองหินอันเลื่องชื่อและน้ำตกที่สวยงาม ซึ่งจะมันแค่ไหนเดี๋ยวรุ่งเช้าเจอกัน
ค่ำคืนอันหนาวเย็นราว 16 องศา ที่ท้องฟ้าเต็มไปด้วยหมู่ดาวน้อยใหญ่ ณ ลานจอดเฮลิคอปเตอร์ของอุทยานช่างผ่านไปอย่างรวดเร็ว ดวงอาทิตย์ที่ค่อยๆแทรกขึ้นมากลางหุบเขา ซึ่งมี ฟอร์ด เอเวอเรสต์ กับเต็นท์พักแรมของเราเป็นโฟร์กราวด์ ช่างสวยงามและคุ้มค่าที่ได้มาสัมผัส พร้อมแสงแดดที่สาดส่องเป็นสัญญาณให้เราเริ่มภาระกิจพิชิตภูเขา และ สายน้ำ กันต่อหลังจากที่ได้สัมผัสบรรยากาศของท้องฟ้าที่สวยงามยามเช้ากันไปแล้ว วันนี้เราจะพาคุณไปเจอกับเส้นทางที่โหดสุดๆ ซึ่งหลายคนบอกว่ารถสแตนดาร์ดแบบนี้จะไปได้หรือ? ได้ยินแบบนี้แล้วยิ่งทำให้เราตื่นเต้นอยากที่จะไปมากยิ่งขึ้น
เส้นทางสู่เหมืองปิล็อกด่านแรกที่เราจะไปกันในวันนี้ โดยเส้นทางในช่วงแรกจะเป็นทางดินสลับหินก้อนน้อยใหญ่และหลุมบ่อตื้นบ้างลึกบ้างบนความชันราว 14-16 องศา ที่ดูจากหน้าจอบอกองศาของตัวรถแบบ Real Time บนมาตรวัดแบบ TFT ตรงนี้เรายังคงใช้โหมดพื้นถนนทั่วไป (Normol) ในช่วงแรกสลับกับโหมดพื้นทราย (Sand) ในช่วงที่ต้องขับผ่านทางโค้งแบบดินปนทราย ที่ต้องการเพิ่มแรงบิดสูงๆไปยังล้อทั้ง 4 ให้ตะกุยผ่านพื้นทรายได้ง่ายขึ้น แถมยังได้ลองใช้ระบบช่วยออกตัวขณะจอดบนทางลาดชัน (Hill Launch Assist) ที่ช่วยให้เราออกตัวบนทางชันได้แบบไม่มีไหล จนเราขับมาได้เกือบๆครึ่งทางก็ต้องมาสะดุดกับป้ายที่เขียนว่า “ลงได้เฉพาะรถ 4WD เท่านั้น” พร้อมกับเหลือบไปเห็นรถแต่ละคันที่วิ่งผ่านไปซึ่งเป็นรถแต่ง Off-Road และรถยกสูงทั้งสิ้น แต่นั่นไม่ได้ทำให้เราหมดความพยายาม เพราะรถเราก็ 4WD นี่แล้วจะกลัวอะไรไปต่อกันเลย
หลังจากผ่านป้ายเตือนมาไม่ถึง 20 เมตร เราก็ได้เจอของจริงทั้งหลุมลึกและหินก้อนใหญ่ที่เห็นแล้วแทบถอดใจ แต่ครั้นจะให้หันหลังกลับไปนั้น บอกได้เลยว่าไม่มีทาง เราพร้อมลุยต่อด้วยการปรับระบบขับเคลื่อนมาเป็นโหมดพื้นหินขรุขระ (Rock) เพื่อรับมือกับเส้นทางที่โหดสุดๆ พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ 4 Low แล้วค่อยๆพารถวิ่งไปด้วยความเร็วต่ำที่เกียร์ 1 แค่เดินคันเร่งเบาๆกับประคองพวงมาลัยไปตามทาง
ก่อนจะเจอกับอุปสรรคใหญ่คือล่องดินลึกแบบเนินสลับที่ดักอยู่เบื้องหน้า ซึ่งเป็นด่านโหดที่ทำให้เราได้เสียวกันทั้งคันในช่วงที่ล้อหลังลอยพ้นจากพื้น หรือที่เรียกว่า “ล้อแขวน” ซึ่ง เอเวอเรสต์ ก็ทำให้เราได้ประทับใจกันอีกครั้ง ระบบจะค่อยๆกระจายแรงบิดเพิ่มไปยังล้อที่เหลือแล้วค่อยๆตะกุยผ่านไปแบบมีลุ้นเล็กน้อย แต่ก็ผ่านไปได้แบบว่ารถแต่งออฟโรดที่ขับตามมาต้องปรบมือให้กันเป็นแถว
ก่อนขับลงเขากันต่อพร้อมเปิดระบบควบคุมความเร็วลงทางลาดชัน (Hill Descent with Adaptive Speed) เพื่อช่วยชะลอรถและเบรกให้อัตโนมัติช่วงลงทางชันยาวๆผ่านหินทีละก้อนทีละก้อนได้ง่ายๆ ในที่สุดเราก็มาถึงยังเหมืองปิล๊อก ที่ถือเป็นจุดหมายซึ่งยากที่รถธรรมดาๆทั่วไปจะเดินทางมาถึงยังจุดนี้ได้ง่ายๆ เพื่อลบคำสบประมาทให้ได้เห็นกันว่านี่คือ ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ไม่ใช่รถบ้านๆอย่างที่คิดแค่นี้สบายมาก
เมื่อพิชิตด่านที่ 2 ซึ่งโหดสุดๆได้แล้ว ต่อมาคือเส้นทางที่ต้องขับผ่านลำธารธรรมชาติขนาดเล็ก ที่ถึงแม้ว่าช่วงนี้น้ำจะลึกไม่ถึง 80 ซม.ให้ได้โชว์ลุยน้ำซึ่งเป็นงานถนัดของเอเวอเรสต์ แต่ลำธารที่ทั้งลื่นและเต็มไปด้วยหินก้อนกลมๆทั้งเล็กและใหญ่ บางจุดก็เป็นดินโคลนที่เรามองไม่เห็น งานนี้ถ้าไม่แน่จริงคงผ่านไปไม่ได้ง่ายๆ แต่สำหรับเอเวอเรสต์ นั้นแค่นี้เด็กๆ การขับในโหมดโคลนหรือหิมะ (Snow) จะช่วยควบคุมรอบเครื่องยนต์ให้ต่ำลง พร้อมเพิ่มความคล่องตัวของพวงมาลัยให้สามารถขับผ่านสายน้ำและพาเจ้าเอเวอเรสต์คันงามมาโพสท์ท่าให้เราเก็บภาพสวยๆกลางลำธารท่ามกลางขุนเขาอันเขียวขจีมาฝากกันเป็นช็อตปิดท้าย
ทั้งหมดคือความสวยงามของธรรมชาติที่เราพาคุณไปสัมผัสยังสถานที่จริง กับการเดินทางจริงด้วย ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ใหม่ คันนี้ซึ่งพิสูจน์ให้เราเห็นแล้วว่า นี่ไม่ใช่แค่รถอเนกประสงค์ที่สวยหล่อออฟชั่นเพียบเท่านั้นแต่ เอเวอเรสต์ คือตัวจริงที่พร้อมพาคุณลุยไปได้ทุกที่อย่างที่ใจคุณต้องการ เอาเป็นว่าถ้ายังไม่เชื่อ! เราขอท้าให้คุณไปลองขับดู แล้วคุณจะต้องทึ่งเหมือนผม ไม่เชื่อก็ลองดู
ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ใหม่ มีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่น คือ รุ่น 2.2 ลิตร ขับเคลื่อน 2 ล้อ ราคา 1,389,000 บาท รุ่น 3.2 ลิตร ไททาเนี่ยม ขับเคลื่อน 4 ล้อ ราคา 1,599,000 บาท และรุ่นท็อป 3.2 ลิตร ขับเคลื่อน 4 ล้อ ไททาเนี่ยม พลัส ราคา 1,749,000 บาท ซึ่งเป็นรุ่นที่พาเราไปสู่ทุกจุดหมายในครั้งนี้
ความคิดเห็น