ค่ายส้อมเสียงยามาฮ่าไม่หวั่นตลาดรถจักรยานยนต์หดตัว-ส่วนแบ่งลดในปี 2558 มั่นใจตลาดรถจักรยานยนต์กลับมาขยายตัวทะลุ 1.8 ล้านคันในปี 2561 พร้อมฝันทวงส่วนแบ่งตลาด 20% ชี้ตลาดปีนี้ขยายตัวเล็กน้อย พร้อมส่ง 4 รุ่นใหม่ดันยอด 2.5 แสนคัน
ประพันธ์ พลธนะวสิทธิ์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด เปิดเผยว่าแม้ภาพรวมของตลาดรถจักรยานยนต์ในประเทศไทยในปี 2558 จะชะลอตัวเล็กน้อยต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 โดยมียอดจำหน่าย 1.67 ล้านคัน แต่ก็หดตัวเพียง 1.1% เท่านั้น
ยามาฮ่ามียอดจำหน่ายรถจักรยานยนต์รวม 2.1 แสนคันในปีที่ผ่านมา ลดลงจากปีก่อนหน้า 4.4% ทำให้มีส่วนแบ่งตลาดลดลงมาเหลือ 12.6% ในปีล่าสุด เปรียบเทียบกับ 13.0% ในปีก่อนหน้า แต่ก็พบว่าแนวโน้มดีขึ้นต่อเนื่อง โดยในเดือนธันวาคม 2558 ทำส่วนแบ่งตลาดถึง 15%
นอกจากนี้ ยังพบว่าการเติบโตในเดือนมกราคมเป็นไปอย่างต่อเนื่องถึง 38% เป็นผลมาจากการตอบรับสินค้าใหม่ที่เปิดตัวไป 9 รุ่นในปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะยามาฮ่า เอ็ม-สแลช ที่เปิดตัวไปครั้งแรกของโลกในงานมหกรรมยานยนต์ และมีการตอบรับเป็นอย่างดีนับตั้งแต่เปิดตัว
"ในปี 2559 นั้น เรามองว่าตลาดมีแนวโน้มขยายตัวเล็กน้อย จากเรื่องของภาวะเศรษฐกิจโดยรวมที่จะเติบโตจากการลงทุนภาครัฐและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว แต่ก็ต้องมองเรื่องของการลงทุนภาคเอกชน รวมถึงการส่งออก ที่มีแนวโน้มไม่ค่อยดีนัก"
ทั้งนี้ ยามาฮ่าเชื่อว่าตลาดรวมรถจักรยานยนต์จะเติบโตขึ้นเล็กน้อยเป็น 1.7 ล้านคันหรือเติบโต 1.4% ในปีนี้ ก่อนที่จะเพิ่มเป็น 1.75 ล้านคัน หรือเติบโต 2.9% ในปี 2560 และยังมีศักยภาพที่จะเติบโตได้อีก 2.9% ในปี 2561 ที่คาดว่าตลาดจะขยายตัวเป็น 1.8 ล้านคัน
สำหรับยามาฮ่าตั้งเป้าหมายยอดขายในปีนี้ที่ 2.5 แสนคัน เติบโต 18.5% มีส่วนแบ่งตลาด 14.7% และจะเพิ่มเป็น 3 แสนคันในปี 2560 คิดเป็นการเติบโต 20% มีส่วนแบ่ง 17.2% และในปี 2561 จะมียอดจำหน่าย 3.6 แสนคัน เคิบโต 20% และส่วนแบ่งตลาด 20% อีกครั้ง
"การเติบโตของรถยนต์กลุ่มสปอร์ตจะกลายเป็นปัจจัยที่ผลักดันให้ตลาดขยายตัว โดยเมื่อถึงปี 2561 รถจักรยานยนต์สปอร์ตจะมีส่วนแบ่งมากถึง 17% จากที่มีอยู่ 10% ในปัจจุบัน ซึ่งรวมไปถึงกลุ่มบิ๊กไบค์ที่ยามาฮ่าเติบโตต่อเนื่อง 35% ในปีที่ผ่านมา"
ประพันธ์กล่าวว่าในปี 2559 ยามาฮ่าพร้อมที่จะเปิดตลาดใหม่ ๆ ด้วยการเปิดตัวรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ถึง 4 รุ่น โดยโรงงานจะมีการลงทุนอย่างต่อเนื่องปีละ 500-700 ล้านบาท เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต รวมถึงการเตรียมความพร้อมเพื่อผลิตสินค้ารุ่นใหม่ในอนาคต
ความคิดเห็น