คาราวานไฮลักซ์ รีโว่ เดินทางมาถึงช่วงเวลาสุดท้ายในทวีปเอเชียกันแล้ว วันนี้ทุกคนต้องบอกลาอิสตันบูลและเอเชีย เพื่อมุ่งหน้าสู่ทวีปยุโรป โดยจะข้ามช่องแคบบอสฟอรัสสู่อิสตันบูลฝั่งยุโรปและมุ่งหน้าตรงไปยังเมืองพลอฟดิฟ ประเทศบัลแกเรีย โดยคณะสื่อมวลชนกลุ่มที่ 5 ซึ่งมาถึงเมืองอิสตันบูลเมื่อเช้ามืดวันนี้
วันที่ 35 เส้นทาง : อิสตันบูล ตุรกี - พลอฟดิฟ บัลแกเรีย
ในช่วงเช้าวันนี้คณะสื่อมวลชนกลุ่มที่ 4 ได้ออกสำรวจเมืองอิสตันบูล เมืองที่มีความสำคัญ และมีประชากรหนาแน่นที่สุดในตุรกี อีกทั้งยังเป็นเมืองเดียวของตุรกีที่มีพื้นที่อยู่ใน 2 ทวีป คือ ทวีปเอเชีย (ฝั่งอนาโตเลีย) และทวีปยุโรป (ฝั่ง Thrace ของบอสฟอรัส) โดยทั้ง 2 ทวีป ถูกแบ่งออกจากกันโดยช่องแคบบอสฟอรัส ทะเลมาร์มารา และช่องแคบดาร์ดะแนลส์ ในอดีตบริเวณนี้เคยเป็นอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ อันเป็นที่ตั้งเมืองสำคัญของชนเผ่าจำนวนมาก ส่งผลให้อิสตันบลูมีชื่อเรียกแตกต่างกันออกไป เช่น ไปแซนทีอุม คอนสแตนติโนเปิล สแตมโบล อิสลามบูล เป็นต้น
สิ่งที่เป็นไฮไลท์และพลาดไม่ได้ที่จะต้องมาเยือน คือ Blue Mosque หรือ มัสยิดสีฟ้า ชื่อเดิม คือ สุเหร่าสุลต่านอาร์เหม็ดที่ 1 (Sultan Ahmed Mosque) โดยสุเหร่านี้สร้างขึ้นในช่วงปี ค.ศ. 1609 – 1616 ภายใน Blue Mosque มีหอเรียกสวด อยู่ 6 หอ เป็นหอคอยสูงให้ผู้นำศาสนาขึ้นไปตะโกนร้องเรียกจากยอดให้ผู้คนเข้ามาสวดมนต์ตามเวลาในสุเหร่า โดยชื่อมัสยิดสีฟ้าได้มาเพราะว่าภายในประดับด้วยกระเบื้องสีฟ้าจากอิซนิค เน้นลวดลายดอกไม้ต่างๆ ที่ตกแต่งได้อย่างวิจิตรตระการตา เช่น กุหลาบ ทิวลิป คาร์เนชั่น เป็นต้น
ภารกิจแรกของวันนี้ คือ การข้ามชายแดนจากประเทศตุรกีเข้าสู่ประเทศบัลแกเรีย ซึ่งเสียเวลาที่ด่านขาออกจากประเทศตุรกีกันพอสมควร ในส่วนของขั้นตอนการตรวจคนนั้นค่อนข้างสะดวกและรวดเร็ว เพียงแค่แสตมป์บนหนังสือเดินทางก็เป็นอันเรียบร้อย แต่สำหรับรถ ต้องมีการเข้าเครื่องสแกนกันหลายรอบ และมี 3 คันที่ถูกเจ้าหน้าที่ตรวจค้นกันแบบเข้มข้น คณะคาราวานจึงถือโอกาสพักผ่อนเอนกายกันภายในรถ ที่เรียกได้ว่ากว้างขวางและอยู่ได้อย่างสบาย บ้างก็เปิดบลูทูธฟังเพลง บ้างก็เอามือถือและโน้ตบุคมาชาร์จแบตเตอรี่เพื่อทำงาน จนกระทั่งรถทุกคนผ่านด่านตรวจได้เรียบร้อย จึงมุ่งหน้าสู่ด่านขาเข้าของประเทศบัลแกเรีย ซึ่งขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองเร็วกว่าที่คาดไว้ เพราะไม่มีการค้นรถ มีเพียงการตรวจสอบเอกสารนิดหน่อยเท่านั้น
จากนั้นคาราวานเข้าสู่ประเทศบัลแกเรีย หรือ สาธารณรัฐบัลแกเรีย (Republic of Bulgaria) เป็นประเทศที่มีชื่อเสียงในเรื่องของนมเปรี้ยวและโยเกิร์ตเป็นอย่างมาก พรุ่งนี้คาราวานจะพาสำรวจความสวยงามของเมืองพลอฟดิฟพร้อมชิมโยเกิร์ตชื่อดัง
วันที่ 36 เส้นทาง : พลอฟดิฟ - รูเซ บัลแกเรีย
วันนี้เป็นการเดินทางในทวีปยุโรปอย่างเต็มตัว ทีมคาราวานเริ่มล้อหมุนเวลา 9 โมงเช้า โดยเป้าหมาย คือ เมืองรูเซ (Ruse) ตั้งอยู่บริเวณชายแดนประเทศบัลแกเรีย เพื่อเตรียมพร้อมข้ามชายแดนไปยังประเทศโรมาเนียในวันถัดไป โดยมีระยะทาง 305 กิโลเมตร
โดยช่วงเช้านี้มีโปรแกรมเยือนเมืองเก่าพลอฟดิฟ (Plovdiv) ซึ่งห่างจากโรงแรมเพียง 15 นาที เมืองพลอฟดิฟ เป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 ของประเทศบัลแกเรีย รองจากเมืองโซเฟีย โดยมีประชากร 338,153 คน เป็นศูนย์กลางการปกครองของจังหวัดพลอฟดิฟ และมีความสำคัญด้านเศรษฐกิจ การขนส่ง วัฒนธรรม และการศึกษา
คณะคาราวานเริ่มต้นเดินเล่นกันที่เขตเมืองเก่า ผ่านเส้นทางที่เป็นถนนคนเดินเส้นหลักของเมือง มีร้านค้าต่าง ๆ มากมายทั้งร้านกาแฟ ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก อาคารบ้านเรือนต่าง ๆ ยังดูเก่าและคงความคลาสสิกไว้เช่นเคย
จากนั้นออกเดินทางต่อ ซึ่งเส้นทางในวันนี้ ทำให้ ไฮลักซ์ รีโว่ ได้แสดงสมรรถนะหลายอย่าง บางช่วงเป็นถนนขรุขระ แต่ช่วงล่าง DCS ของรถก็ยังนิ่ง แน่น ทำให้การนั่งภายในห้องโดยสารรู้สึกสบายตลอดเส้นทาง หลังจากนั้นเส้นทางต้องมีขึ้นเขากันเล็กน้อย และเป็นเลนสวน มีทั้งโค้งกว้างและแคบ แต่รถก็ยังหนึบ พวงมาลัยก็ยังให้ความแม่นยำในการเข้าโค้งเช่นเคย สร้างความสบายให้กับผู้ขับขี่และคนนั่งได้อย่างดี ในส่วนของเบรคนั้น ทำให้การเดินทางขึ้นลงเขาและการเข้าโค้งได้อย่างมั่นใจ รถไม่มีส่าย ให้ความสมดุลดีมาก
การเดินทางมาถึงยอดเขา ซึ่งเป็นที่ตั้งของอนุสาวรีย์ที่สร้างไว้ เพื่อจารึกถึงการปลดแอกของประเทศบัลแกเรีย และคาราวานได้แวะทานอาหารกลางวัน พร้อมกับชมวิวจากบนยอดเขาแห่งนี้ ซึ่งทิวเขาแถบนี้ไม่มีความแห้งแล้งให้เห็น ทุกอย่างดูเขียวชอุ่มไปหมด
เมื่อได้เวลาจึงออกเดินทางกันต่อ สภาพถนนยังคงเป็นสองเลน ผ่านเส้นทางธรรมชาติสลับกับชุมชน บางครั้งต้องเร่งแซงรถใหญ่ที่ขับอยู่ด้านหน้าเป็นระยะ ๆ ระบบเกียร์ Sequential Shift ทำให้การเร่งแซงได้อย่างมั่นใจ รวมทั้งยังทำงานร่วมกับเครื่องยนต์ GD Efficient Boost ได้อย่างลงตัว
และมาถึงจุดหมายที่เมืองรูเซ (Ruse) ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับ 5 ของประเทศบัลแกเรีย ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ
วันที่ 37 เส้นทาง : รูเซ บัลแกเรีย – บูคาเรสต์ – บราซอฟ โรมาเนีย
เข้าสู่วันที่ 37 ของการเดินทาง คาราวานไฮลักซ์ รีโว่ มีภารกิจเดินทางข้ามประเทศกันอีกครั้ง จึงออกเดินทางกันแต่เช้า เพราะต้องเผื่อเวลาสำหรับขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองที่ชายแดนประเทศโรมาเนีย โดยมีจุดหมายปลายทางอยู่ที่เมืองบราซอฟ (Brasov) ระยะทาง 274 กิโลเมตร
ออกจากเมืองรูเซมาได้ไม่นาน คาราวานก็เข้าสู่ด่านตรวจขาออกของบัลแกเรีย และขาเข้าของโรมาเนีย แต่ปรากฏว่าไม่ได้ใช้เวลานานอย่างที่คิด เจ้าหน้าที่ตรวจเพียงแค่หนังสือเดินทางเท่านั้นเส้นทางช่วงต้นหลังจากผ่านเข้ามาเป็นถนนสองเลน ทิวทัศน์สองข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้และทุ่งหญ้าเขียวชอุ่มสลับกับชุมชนในบางช่วง โดยคาราวานได้แวะรับประทานอาหารกลางวันกันที่เมืองบูคาเรสต์ (Bucharest) เมืองหลวงของโรมาเนีย ซึ่งการจราจรช่วงเข้าเมืองค่อนข้างวุ่นวายพอสมควร ไฮลักซ์ รีโว่ทั้ง 9 คัน ต้องพยายามขับเกาะกลุ่มกัน มีการเร่งเครื่องยนต์และแตะเบรกกันตลอดเวลา ตอกย้ำในส่วนของ Power Engine ว่าตอบสนองได้ดีกว่าในทุกสถานการณ์ ผ่านไปไม่นานคาราวานก็มาถึงร้านอาหารที่ทุกคนรอคอย ร้านอาหารไทย “คุณนาย” กับเมนูอาหารที่คุ้นเคยแต่ไม่ได้ทานกันนานมากแล้ว ทั้งกะเพราหมู แกง ยำเนื้อ ปลาหมึกผัดพริก เรียกได้ว่าเป็นมื้อที่เจริญอาหารที่สุดสำหรับทุกคน
และก่อนจะลาเมืองบูคาเรสต์ คาราวานได้ขับไปวนที่ประตูชัย Triumph Arch ที่สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงเหล่าทหารหาญชาวโรมาเนียที่เสียชีวิตจากการสู้รบในสงครามโลกครั้งที่ 1 และทุกวันที่ 1 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันชาติโรมาเนีย จะมีการสวนสนามของกองทัพโรมาเนียภายใต้ประตูชัยแห่งนี้
จากนั้นจึงเดินทางกันต่อ เพื่อไปแวะชมปราสาทบราน (Bran Castle) หรือ ปราสาทแดร๊กคูล่า (Dracula’s Castle) ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นปราสาทที่สวยงามที่สุดในโรมาเนีย ตั้งอยู่บนยอดเขา คาราวานจึงต้องขับขึ้นเขากันอีกครั้ง ซึ่งช่วงล่วง DCS ก็เอาอยู่แบบสบายๆ หนึบมั่นใจทุกโค้งจนถึงยอดเขา อันเป็นที่ตั้งของตัวปราสาท
คณะคาราวานมีโอกาสได้เยี่ยมชมตัวปราสาททั้งภายนอกและภายในกันอย่างใกล้ชิด คาราวานเดินชมส่วนต่างๆ ของปราสาทกันจนครบถ้วน จึงได้ออกเดินทางไปยังเมืองบราซอฟ (Brasov) จุดหมายของวันนี้
เดินทางผ่านเส้นทางธรรมชาติและบ้านเรือนแบบโบราณกันมาสักพัก คาราวานไฮลักซ์ รีโว่ก็เข้าสู่เมืองบราซอฟ เมืองท่องเที่ยวยอดนิยมเมืองหนึ่งของประเทศโรมาเนีย มีความเก่าแก่ที่สามารถสืบประวัติไปได้ถึงสมัยยุคหินกันเลยทีเดียว คาราวานเริ่มสำรวจเมืองจากป้อมปราการบนเนินเขาที่อยู่ฝั่งตรงข้ามของที่พัก ซึ่งเป็นจุดชมวิวเมืองเก่าที่สวยที่สุด มองลงไปจะเห็นจัตุรัสที่ว่าการเมือง (The Council Square) ตั้งเด่นเป็นศูนย์กลางอยู่ภายในมืองเก่า และด้วยความที่บราซอฟเป็นเมืองที่มีความเก่าแก่ ผ่านความเจริญในยุคสมัยต่างๆ มาอย่างยาวนาน ทำให้สถาปัตยกรรมภายในเมืองมีความสวยงามหลากหลาย ผสมผสานทั้งศิลปะของโรมาเนสก์ ไบเซนไทน์ รอคโคโค่ เรอเนซองซ์ และบาโรก ปัจจุบันบริเวณเมืองเก่าแห่งนี้ได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว จุดนัดพบ ศูนย์รวมร้านค้าและร้านอาหารมากมาย
วันที่ 38 เส้นทาง : บราซอฟ – เซียไวร่า – ออราเดีย โรมาเนีย
การเดินทางวันที่ 38 ของคาราวานไฮลักซ์ รีโว่ ยังคงอยู่กันที่โรมาเนีย ประเทศที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ของเมืองเก่า วันนี้คาราวานจะเดินทางต่อไปยังเมืองเก่าสุดคลาสสิก เมืองมรดกโลกเซียไวร่า (Sighisoara) และไปจบการเดินทางวันนี้ที่เมืองออราเดีย (Oradea) เมืองชายแดนโรมาเนีย
คาราวานเริ่มเดินทางจากเขตทรานซิลเวเนีย บนถนนสองเลน ผ่านหุบเขาและโค้งค่อนข้างหลากหลาย สองข้างทางยังเป็นบรรยากาศของทุ่งใหญ่และต้นไม้สลับกับแนวเขาสีเขียว ผ่านหมู่บ้านโบราณเล็ก ๆ และปราสาทหรือป้อมปราการขนาดย่อมบนเนินเขาเป็นระยะ
ใช้เวลาไม่นานนัก คาราวานก็เดินทางมาถึงเมืองเซียไวร่า (Sighisoara) เมืองป้อมปราการบนเนินเขาที่สร้างขึ้นตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 12 ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี คณะคาราวานเริ่มเดินชมเมือง โดยสิ่งที่สะดุดตาที่สุดก็คือ หอนาฬิกาโบราณอายุกว่า 600 ปี สัญลักษณ์สำคัญของเมือง ซึ่งสามารถเดินขึ้นไปด้านบนเพื่อชมวิวได้ ด้านล่างคือจตุรัสซิทาเดล (Citadel) ที่มีร้าน ขายของที่ระลึกและร้านอาหารตั้งเรียงรายกันอยู่ ใกล้ ๆ กันจะเห็นอาคารสีเหลือง ซึ่งเป็นบ้านเกิดของเจ้าชายวลาดอีกด้วย
หลังจากเดินเล่นและรับประทานอาหารกลางวันกันเป็นที่เรียบร้อย คาราวานจึงเดินทางกันต่อ โดยเส้นทางช่วงนี้เป็นถนนสี่เลน คาราวานจึงเร่งทำความเร็วกันได้อย่างเต็มที่ ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงเมืองออราเดีย
ถึงแม้เมืองนี้จะไม่ใช่เมืองท่องเที่ยวหลัก แต่ก็เป็นเมืองที่มีความสำคัญของโรมาเนีย ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม อีกทั้งยังอยู่ใกล้ชายแดนประเทศฮังการีเพียง 8 ไมล์เท่านั้น
คณะคาราวานได้ออกไปเดินเล่นในเมืองเก่าและจตุรัสกลางเมืองในช่วงเย็น ซึ่งวันนี้มีการถ่ายทอดการแข่งขันฟุตบอลยูโรนัดชิงชนะเลิศ ระหว่างฝรั่งเศสและโปรตุเกสที่กลางจตุรัส ทำให้วันนี้คึกคักเป็นพิเศษ เดินชมบรรยากาศการเชียร์กีฬาของชาวโรมาเนียกันสักพัก คณะคาราวานก็กลับมาพักผ่อน เตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางข้ามไปยังประเทศฮังการีในวันพรุ่งนี้
วันที่ 39 เส้นทาง : ออราเดีย โรมาเนีย - บูดาเปสต์ ฮังการี
วันที่ 39 ของการเดินทาง คาราวานไฮลักซ์ รีโว่ยังคงมุ่งหน้าสู่ประเทศต่อไปในทวีปยุโรป โดยเป้าหมายของวันนี้ คือ กรุงบูดาเปสต์ เมืองหลวงของประเทศฮังการี ดินแดนที่ได้รับการขนานนามว่า กรุงปารีสแห่งยุโรปตอนกลาง ถือเป็นเมืองที่มีความสำคัญที่สุดของฮังการี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการท่องเที่ยว โดยระยะทางรวมของวันนี้คือ 318 กิโลเมตร
คาราวานวิ่งออกจากเมืองออราเดีย มาบนเส้นทางที่ค่อนข้างเรียบ ทิวทัศน์สองข้างทางสวยงาม ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงด่านตรวจชายแดน ขั้นตอนการผ่านแดนของทั้งโรมาเนียและฮังการีเป็นไปอย่างราบรื่น มีการตรวจวีซ่าและหนังสือเดินทางเท่านั้น คาราวานไฮลักซ์ รีโว่ก็เข้าสู่ประเทศฮังการีได้ทันที
จากชายแดน คาราวานวิ่งสู่ถนนไฮเวย์ 4 เลน ทำให้มีโอกาสทดสอบสมรรถนะอัตราเร่งของเครื่องยนต์ GD Efficient Boost กันอีกครั้ง ว่าหลังจากผ่านการเดินทางที่ต่อเนื่องยาวนานมาถึง 38 วัน สมรรถนะยังแกร่ง แรง ได้คงที่หรือไม่ ซึ่งไฮลักซ์ รีโว่ก็ไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง สามารถเร่งทำความเร็วแบบต่อเนื่อง เรียกได้ว่าแรงดีไม่มีตกตลอดเส้นทาง ประสานการทำงานกับระบบช่วงล่าง DCS ที่ยังคงความหนึบ เกาะถนนในทุกโค้ง และระบบพวงมาลัยที่ให้การควบคุมได้ง่าย ทรงตัวดี คล่องได้อย่างลงตัว อีกทั้งยังได้กระจกมองข้างขนาดใหญ่ที่สะท้อนภาพได้ชัด ไม่หลอกตา ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการแซงหรือเปลี่ยนเลนขณะทำความเร็วได้เป็นอย่างดี ทำให้การเดินทางในวันนี้ราบรื่น และถึงกรุงบูดาเปสต์ได้ภายในเวลาไม่นาน
คณะคาราวานมาถึงบูดาเปสต์ในช่วงบ่าย เคลื่อนขบวนข้ามสะพาน Chain bridge สะพานหลักของเมืองที่ทอดข้ามแม่น้ำดานูบและทำหน้าที่เชื่อมสองฝั่งของเมืองเข้าหากัน คาราวานมุ่งหน้าสู่ด้านบนของฝั่งเมืองเก่า โดยเข้าพักภายในพื้นที่ที่เป็นจุดท่องเที่ยวสำคัญของเมืองที่โรงแรม Hilton Budapest
จากนั้นเริ่มสำรวจเมืองที่จุดท่องเที่ยวหลักด้านหน้าโรงแรม ที่เรียกว่า Fisherman Bastion ซึ่งสร้างขึ้นโดยกลุ่มชาวประมงฮังกาเรียน เพื่อรำลึกถึงความกล้าหาญของชาวประมงผู้เสียสละชีวิตปกป้องบ้านเมืองในคราวที่ถูกพวกมองโกลเข้ามารุกราน บนป้อมชาวประมงแห่งนี้ ถือเป็นจุดชมวิวรอบเมืองบูดาที่สวยที่สุดแห่งหนึ่ง
หลังจากนั้นคณะคาราวานแยกย้ายกันไปชอปปิ้งและเดินเล่นตามอัธยาศัย ซึ่งการเดินเรียบแม่น้ำดานูบในช่วงพระอาทิตย์กำลังจะตกดิน ถือเป็นบรรยากาศที่น่าประทับใจไม่น้อย กับภาพพระอาทิตย์ที่ค่อย ๆ เคลื่อนตัวคล้อยต่ำลงด้านหลังป้อมปราการ Fisherman Bastion แสงสีส้มอ่อนค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเข้ม จากนั้นเข้าสู่ช่วงเวลาที่หลายคนรอคอย กับภาพความสวยงามของอาคารรัฐสภาที่เปิดไฟสว่างจ้า โดยมีแม่น้ำดานูบทอดยาวเป็นฉากหน้า ซึ่งอาคารรัฐสภาฮังการี (Hungary Parliament) ถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวอันตระการตาที่ไม่ควรพลาด เพราะนี่คืออาคารรัฐสภาที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในโลก โดยตัวอาคารมีความสวยงามด้วยสภาปัตยกรรมแบบนีโอโกธิคที่ดูคลาสสิกด้วยหลังคาสีแดง อาคารรัฐสภาแห่งนี้เริ่มสร้างเมื่อปี ค.ศ.1885 และใช้เวลากว่า 20 ปี จึงเสร็จสมบูรณ์ โดยรูปแบบอาคารได้รับอิทธิพลมาจากอาคารรัฐสภาแห่งลอนดอน
ดื่มด่ำภาพความงดงามริมฝั่งแม่น้ำดานูบกันพอสมควรแล้ว คณะคาราวานจึงแยกย้ายกันไปพักผ่อน เก็บแรงไว้สำหรับวันพรุ่งนี้ กับภารกิจวิ่งผ่าน 5 ประเทศภายในวัน
วันที่ 40 เส้นทาง : บูดาเปสต์ ฮังการี – สโลวาเกีย – สาธารณรัฐเช็ก – ออสเตรีย – เบิร์ชเทสการ์เดน เยอรมัน
เข้าสู่ช่วงเวลาของการเดินทางสุดท้าทายอีกครั้ง สำหรับคาราวานไฮลักซ์ รีโว่ เพราะวันนี้ต้องเดินทางข้ามแดนกันถึง 5 ประเทศภายในวันเดียว ด้วยระยะทางรวม 690 กิโลเมตร โดยมีปลายทางอยู่ที่เมืองเบิร์ชเทสการ์เดน ประเทศเยอรมัน
การเดินทางของวันที่ 40 เส้นทางส่วนมากในวันนี้ยังคงเป็นถนนสี่เลน คาราวานจึงใช้ความเร็วกันอย่างเต็มที่ ซึ่งอัตราเร่งอันทรงพลังของเครื่องยนต์ GD Efficient Boost ก็ทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างดีเยี่ยม และถึงแม้จะเร่งความเร็วมากขนาดไหนแต่ภายในห้องโดยสารก็ยังคงนิ่งสนิท สมดุลดี ไม่มีการส่าย
ผ่านไปไม่นาน คาราวานก็เข้าสู่เขตแดนของประเทศสโลวาเกีย (Slovakia) จากนั้นเข้าสู่ประเทศสาธารณรัฐเช็ก (Czech) ซึ่งเส้นทางที่คาราวานผ่านห่างจากกรุงปรากไม่ถึงร้อยกิโลเมตร เดินทางต่อมาไม่นานก็ถึงเส้นแบ่งเขตแดนของประเทศเช็กและ ออสเตรีย (Austria) ซึ่งข้อดีของการขับรถผ่าน 5 ประเทศในวันเดียวก็คือ มีโอกาสได้เปลี่ยนคลื่นวิทยุฟังเพลงของแต่ละประเทศ โดยคนขับสามารถหาคลื่นวิทยุด้วยปุ่มบังคับบนพวงมาลัยที่ออกแบบมาให้อย่างพอดี โดยไม่ต้องละสายตาจากถนน ทั้งสะดวก เพลิดเพลิน และปลอดภัย ทำให้บรรยากาศในการขับขี่วันนี้เต็มไปด้วยความสนุกสนาน ถึงแม้บางช่วงจะมีฝนตกลงมาบ้าง ก็ถือเป็นโอกาสได้ทดสอบสมรรถนะของถนนที่เปียกลื่น เพื่อย้ำความมั่นใจในช่วงล่าง DCS ขณะวิ่งด้วยความเร็วบนทางด่วนที่มีโค้งกว้าง สลับเนินขึ้น-ลงเขาอยู่ตลอดเวลา ว่าหนึบจริง เอาอยู่ทุกโค้ง
จนในที่สุดเราก็มาถึงปลายทางที่เมืองเบิร์ชเทสการ์เดน (Berchtesgaden) ประเทศเยอรมัน (Germany)
คาราวานไฮลักซ์ รีโว่ ค่อยๆ เคลื่อนตัวผ่านหุบเขาที่เขียวชอุ่มและสวยงามในช่วงฤดูร้อน โดยเฉพาะในวันที่มีฝนตกลงมาแบบนี้ ทำให้อากาศหลังฝนตกเย็นสบายและสดชื่นมาก โดยคณะคาราวานพักกันที่ Grunberger Hotel ซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางอ้อมกอดของขุนเขา แต่กว่าจะมาถึงก็เป็นเวลาเย็นมากแล้ว ทุกคนแยกย้ายกันไปพักผ่อนทันทีที่มาถึง
วันที่ 41 สี่สิบเอ็ด เส้นทาง : เบิร์ชเทสการ์เด้น เยอรมัน – ลินซ์ ออสเตรีย
คาราวานไฮลักซ์ รีโว่เริ่มต้นการเดินทางวันที่ 41 กันอย่างไม่เร่งรีบนัก เพราะจุดหมายปลายทางของวันนี้คือเมืองลินซ์ ประเทศออสเตรีย ซึ่งอยู่ห่างจากเบิร์ชเทสการ์เด้นไปเพียง 206 กิโลเมตรเท่านั้น ทำให้คาราวานพอมีเวลาที่จะแวะเยี่ยมชมอีกหนึ่งสถานที่สำคัญของเยอรมันที่อยู่ระหว่างทาง นั่นคือ เคลสไตน์เฮาส์ (Kehlsteinhaus) หรือที่เรียกอีกชื่อว่า รังอินทรีย์ (Eagle's Nest) สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง และมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของประเทศเยอรมนี
การเดินทางไปเคลสไตน์เฮาส์ คณะคาราวานต้องขับรถขึ้นเขาที่มีความโค้งและชันพอสมควร แต่ช่วงล่าง DCS ในไฮลักซ์ รีโว่ ที่หนึบและเข้าโค้งได้อย่างแม่นยำ ก็พาคาราวานผ่านขึ้นมาได้อย่างสบายจนถึงที่หมาย ปัจจุบันเคลสไตน์เฮาส์ได้แปลสภาพเป็นภัตตาคารและจุดชมวิวบนเทือกเขาแอลป์ที่สวยที่สุดแห่งหนึ่ง แต่น่าเสียดายที่อากาศวันนี้ปิด บรรยากาศค่อนข้างมืดครึ้มและมีหมอกหนา ทำให้ทัศนวิสัยไม่ค่อยจะดีนัก คณะคาราวานเดินเล่นกันได้ไม่นาน ฝนก็ตกลงมา ทำให้อากาศยิ่งหนาวเหน็บขึ้นไปอีก ทุกคนจึงตัดสินใจออกจากเคลสไตน์เฮาส์ แล้วเดินทางกันต่อ
เนื่องจากฝนเพิ่งตกลงมา ทำให้การขับรถในช่วงขาลงลำบากกว่าตอนขาขึ้นพอสมควร เพราะนอกจากทางจะลาดชันแล้ว ถนนยังเปียกลื่นอีกด้วย แต่ด้วยระบบป้องกันในไฮลักซ์ รีโว่ ที่เรียกได้ว่าจัดเต็ม ทั้งระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชันอัตโนมัติ DAC ระบบควบคุมการทรงตัว VSC ระบบเบรก ABS และระบบเสริมแรงเบรก BA (Brake Assist) ก็ช่วยให้คาราวานผ่านเส้นทางอันตรายไปได้ด้วยความมั่นใจและปลอดภัยทุกคน
คาราวานขับผ่านเส้นทางธรรมชาติที่สวยงามของประเทศออสเตรีย ที่สองข้างทางถูกล้อมรอบด้วยเทือกเขาแอลป์อันยิ่งใหญ่ บางช่วงจะเห็นยอดเขาที่ยังมีหิมะปกคลุมอยู่ ใช้เวลาไม่นานนักคณะคาราวานก็มาถึงเมืองลินซ์ (Lienz) เมืองเก่าเปี่ยมเสน่ห์ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางเทือกเขาแอลป์ คาราวานเลือกพักกันที่นี่เพื่อเตรียมตัวในการพาไฮลักซ์ รีโว่ ไปพิสูจน์สมรรถนะกันที่ยอดเขากลอสกล็อกเนอร์ (GrossGlockner) ยอดเขาที่สูงที่สุดในออสเตรีย ที่ได้ชื่อว่ามีความสวยงามและเป็นเส้นทางสุดท้าทายในฝันของนักขับจากทั่วโลก
นับตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ 41 วันของการเดินทาง ทีมคาราวานพร้อมรถไฮลักซ์ รีโว่ 9 คันและฟอร์จูนเนอร์อีก 1 คัน เดินทางกันอย่างหนักแทบทุกวัน ผ่านเส้นทางมาแล้วทุกรูปแบบตั้งแต่ภูเขา ทะเลทราย ที่ราบเขตเมืองอันวุ่นวาย หรือจะเป็นสภาพภูมิอากาศ ทั้งฝนตก พายุลูกเห็บ พายุทะเลทราย อากาศที่ร้อนระดับเกือบ 50 องศา จนไปถึงอุณหภูมิติดลบ ทางโค้งทุกรูปแบบ การเดินทางขึ้น-ลงเขา ถนนเปียกลื่น ขรุขระ ตลอดการเดินทาง ต้องบอกว่าทั้งคณะคาราวานและไฮลักซ์ รีโว่ ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงสมรรถนะความหนึบ แกร่ง ทนทานจากการขับจริง บนถนนจริง ทำให้คาราวานมั่นใจที่จะไปถึงจุดหมายอย่างแน่นอน
แล้วมาติดตามเส้นทางสุดท้าทายของกลอสกล็อกเนอร์กันได้ที่ www.toyota.co.th/hiluxrevocaravantrip พร้อมร่วมสนุก “อ่านแล้วแชร์” ง่าย ๆ เพียงแค่คลิ๊ก และพิมพ์ #hiluxrevocaravantrip รับกล้อง GoPro Hero4 และของที่ระลึกอื่น ๆ อีกมากมาย
โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ ขับจริง หนึบจริง แกร่งจริง
ความคิดเห็น