ส่งไม้ต่อให้กับคณะสื่อมวลชนชุดถัดไป ที่ได้เดินทางมารับไม้ต่อที่เมืองทาชเคนท์ ประเทศอุซเบกิสถาน ร่วมกับลูกค้าผู้ใช้รถไฮลักซ์ วีโก้ และไฮลักซ์ รีโว่ ที่มาร่วมพิสูจน์สมรรถนะจริงระดับโลกและสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่บนเส้นทางสายไหมร่วมกัน
วันที่ 18 เส้นทาง : ทาชเคนต์ อุซเบกิสถาน
วันนี้ทีมคาราวานออกสำรวจเมืองทาชเคนต์ เพื่อเรียนรู้ถึงวัฒนธรรมต่าง ๆ ของชาวอุซเบกิสถานก่อนที่จะเดินทางไปยังเมืองซามาร์คานด์ อีกหนึ่งเมืองหลักของเส้นทางสายไหมเมื่อถึงเวลาที่คาราวานจะเดินทาง ต้องเจอกับอุปสรรคที่ไม่คาดคิด คือ เมืองทาชเคนต์กำลังจะมีการประชุมระดับผู้นำประเทศ ทำให้มีความเข้มงวดในเรื่องระบบรักษาความปลอดภัยภายในเมืองอย่างแข็งขัน ส่งผลให้บางเส้นทางไม่สามารถขับรถผ่านไปได้ คาราวานจึงต้องพักการเดินทางอยู่ที่ทาชเคนต์กันอีกหนึ่งวัน เหตุการณ์เหล่านี้คงเป็นเสน่ห์ของคาราวานรถยนต์ไฮลักซ์ รีโว่ ที่ทำให้ทีมต้องพิสูจน์การแก้ปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ ตลอดเส้นทางจากกรุงเทพฯ ถึงอิตาลี
ดังนั้น ทีมคาราวานจึงใช้เวลาช่วงเย็นไปเยี่ยมชม Minor Mosque มัสยิดสีขาวที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ใจกลางเมือง ชมความงามของมัสยิดกันจนสิ้นแสงอาทิตย์ ทีมคาราวานจึงกลับมาพักผ่อนที่โรงแรม เตรียมตัวสำหรับการเดินทางไกลเพื่อต่อยอดจากสถิติการเดินทางของไฮลักซ์ วีโก้ เมื่อ 9 ปีที่แล้วที่โตโยต้าขับตะลุยบนเส้นทางสายไหมมาจบที่เมืองทาชเคนต์แห่งนี้ พรุ่งนี้คาราวานไฮลักซ์ รีโว่ จะเริ่มสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ เดินทางต่อไปยังเมืองซามาร์คานด์ และเมืองบูคาร่า ระยะทางกว่า 590 กิโลเมตร
วันที่ 19 เส้นทาง : ทาชเคนต์ – ซามาร์คานด์ – บูคาร่า อุซเบกิสถาน
หลังจากมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันจนทำให้คาราวานไฮลักซ์ รีโว่ วันนี้ต้องเปลี่ยนแผน จากเดิมที่ต้องแวะพักที่เมืองซาร์มาคานด์ เป็นแวะเที่ยวชมเมืองกันเล็กน้อย แล้วขับตรงไปพักที่เมืองบูคาร่า รวมระยะทาง 586 กิโลเมตร
คาราวานออกเดินทางตั้งแต่เช้า เส้นทางส่วนใหญ่เป็นถนนสี่เลน ผ่านภูมิประเทศทิวเขาสลับกับที่ราบ และบรรยากาศชนบทของอุซเบกิสถาน สภาพอากาศค่อนข้างร้อนและแห้งแล้ง มีการเร่งความเร็วในการขับขี่เพื่อให้ถึงเมืองจุดหมายเร็วขึ้น ซึ่งสมรรถนะอัตราเร่งของเครื่องยนต์ใหม่ GD Efficient Boost ในไฮลักซ์ รีโว่ ก็ทำได้ดีทั้งการวิ่งทางตรงและจังหวะเร่งแซง ทำให้เวลาประมาณบ่ายโมงทีมคาราวานก็มาถึงเมืองซาร์มาคานด์ พร้อมรับประทานอาหารกลางวัน ก่อนจะออกไปสำรวจสถานที่สำคัญประจำเมือง
เมืองซาร์มาคานด์ หรือเรียกแบบไทย ๆ ว่าเมืองสมารขัณฑ์ เป็นเมืองใหญ่อันดับสองรองจากทาชเคนต์ ถือเป็นเมืองที่มีความเป็นมาพอสมควร เพราะใครเข้ามาปกครองก็จะเผาเมืองเก่าทิ้ง แล้วสร้างเมืองใหม่ขึ้นมาทดแทน โดยซามาร์คานด์ที่เห็นในปัจจุบันเป็นการสร้างใหม่ของนักรบยอดขุนพล อมิร์ ติมูร์ ที่ได้เลือกซามาร์คานด์เป็นศูนย์กลางของจักรวรรดิติมูริด ซึ่งแผ่ขยายไปถึงดินแดนอาหรับ อินเดีย เปอร์เซีย โดยทุกครั้งที่รบชนะจะมีการกวาดต้อนช่างฝีมือจากที่นั้นๆ กลับมายังซามาร์คานด์เพื่อสร้างอนุสรณ์สถานที่วิจิตรพิสดารและใหญ่โตมโหฬาร อีกหนึ่งสถานที่สำคัญ คือ จตุรัสรีจีสตาน สัญลักษณ์ของการท่องเที่ยวอุซเบกิสถาน
หลังชื่นชมความงามของจตุรัสรีจีสตานกันพอสมควรแล้ว คาราวานก็ออกเดินทางต่อไปยังเมืองบูคาร่าทันที เพื่อให้ถึงก่อนพระอาทิตย์ตกดิน จะได้มีโอกาสสำรวจเมืองโบราณแห่งนี้ ระหว่างทางผ่านเขตกำแพงเมืองเก่า ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งจุดแวะพักบนเส้นทางสายไหมของคาราวานพ่อค้าในอดีต และเนื่องจากระยะทางยังอีกไกล จึงต้องใช้ความเร็วบนสภาพถนนที่ชำรุดเป็นหลุมเป็นบ่อและขรุขระ แต่ด้วยโครงสร้างแชสซีส์ FIRM และระบบช่วงล่าง DCS ที่ออกแบบระบบการสั่นสะเทือนใหม่ให้แหนบยาวขึ้น โช๊คอัพใหญ่ขึ้น ช่วยดูดซับแรงสั่นสะเทือนได้เป็นอย่างดี รวมถึงการควบคุมเสถียรภาพของห้องโดยสาร ทำให้การขับขี่นิ่ง นุ่มนวล ก็ทำให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารยังคงนั่งสบาย ไม่รู้สึกถึงแรงสะเทือนมากนัก และด้วยสมรรถนะของเครื่องยนต์ GD Efficient Boost ของไฮลักซ์ รีโว่ ก็ทำให้ทีมคาราวานมาถึงบูคาร่ากันก่อนพระอาทิตย์ตกดิน และมีโอกาสได้สำรวจเมืองมรดกโลกแห่งนี้กันตามที่ตั้งใจไว้
บูคาร่าเป็นชื่อที่มาจากภาษาเปอร์เซียโบราณว่าบูคารัคแปลว่าสถานที่แห่งความสุขความโชคดี เป็นเมืองโอเอซิสกลางทะเลทรายที่เป็นจุดศูนย์กลางสำคัญทางการค้าบนเส้นทางสายแพรไหมเพราะเป็นจุดตัดของถนนซึ่งทอดตรงมาจาก เมิฟว์ กูร์กันจ์ เฮรัต คีวา และซามาร์คานด์ จึงเป็นจุดแวะพักของกองคาราวานเช่นเดียวกับเมืองซามาร์คานด์ อีกทั้งยังเป็นศูนย์กลางของศาสนาอิสลามในเอเชียกลางที่องค์การยูเนสโก้ได้ขึ้นทะเบียนให้เป็นเมืองมรดกโลก เปรียบได้ดั่งพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งที่ยังมีลมหายใจ อายุมากกว่า 2,500 ปี
วันที่ 20 เส้นทาง : บูคาร่า อุซเบกิสถาน – แมรี่ เติร์กเมนิสถาน
เข้าสู่วันที่ 20 ของการเดินทางกับภารกิจข้ามชายแดนสู่ประเทศเติร์กเมนิสถาน ประเทศที่แทบไม่มีใครเคยไป ทำให้มีข้อมูลเกี่ยวกับประเทศนี้น้อยมาก ทีมคาราวานจึงออกจากบูคาร่ากันตั้งแต่ 7 โมงเช้า ปลายทางของวันนี้ คือ เมืองแมรี่เมืองใหญ่อันดับสองของเติร์กเมนิสถาน ระยะทางรวม 400 กิโลเมตร
คาราวานมุ่งหน้าสู่ด่านขาออกประเทศอุซเบกิสถาน ซึ่งขั้นตอนการตรวจยังคงเข้มงวดและใช้เวลากันพอสมควร แต่ก็ยังถือว่าเร็วกว่าตอนขาเข้ามากออกจากด่านตรวจของอุซเบกิสถานและผ่านเขต No Man’s Land มาได้ไม่นาน ก็เข้าสู่ด่านตรวจคนเข้าเมืองของประเทศเติร์กเมนิสถาน ซึ่งมีความแตกต่างจากทุกประเทศที่ผ่านมาพอสมควร ทั้งเรื่องความสะอาดและสถานที่ แต่ขั้นตอนการตรวจมีความละเอียดและเข้มงวดไม่ต่างกัน ทีมคาราวานต้องผ่านการตรวจทีละคัน และเปิดสัมภาระทุกชิ้นให้เจ้าหน้าที่ตรวจ ซึ่งใช้เวลานานพอสมควร หลังจากนั้นคาราวานไฮลักซ์ รีโว่ ก็เข้าสู่ประเทศเติร์กเมนิสถานอย่างเป็นทางการ
เติร์กเมนิสถาน เป็นประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นทะเลทรายแห้งแล้ง ทิศใต้อยู่ติดกับประเทศอิหร่านโดยมีเทือกเขาคั่นกลาง ทิศตะวันตกติดกับทะเลแคสเปียนอันเป็นแหล่งน้ำมันขนาดใหญ่ ทิศเหนือและทิศตะวันออกติดกับอุซเบกิสถานและอัฟกานิสถาน เศรษฐกิจหลักของประเทศเน้นหนักไปที่การส่งออกน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ
คาราวานมุ่งหน้าสู่เมืองแมรี่ โดยถนนนอกเมืองในช่วงแรกนี้ค่อนข้างขรุขระเกือบตลอดทางและมีทางโค้ง แต่สมรรถนะช่วงล่าง DCS ที่ “หนึบ” สามารถยึดเกาะถนนได้ดีเยี่ยมและระบบควบคุมการทรงตัว VSC ทำให้ผ่านช่วงนี้ไปได้อย่างราบรื่น
วันที่ 21 เส้นทาง : แมรี่ – อาชกาบัต เติร์กเมนิสถาน
วันนี้คาราวานไฮลักซ์ รีโว่ ได้มุ่งหน้าสู่เมืองอาชกาบัต เมืองหลวงของประเทศเติร์กเมนิสถาน ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเมืองแมรี่มากนัก ด้วยระยะทาง 376 กิโลเมตร ระหว่างทางผ่านอาคารบ้านเรือนต่าง ๆ ทำให้เราได้มีโอกาสชมวิถีชีวิตชาวเติร์กผ่านสองข้างทาง
เส้นทางวันนี้ไม่ต่างจากเมื่อวาน ถนนส่วนใหญ่เป็นทางตรงแต่ขรุขระและมีฝุ่น สภาพอากาศร้อนจัด ในช่วงบ่ายอุณหภูมิพุ่งสูงถึง 40 องศาเซลเซียส แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคในการเดินทาง เพราะระบบปรับอากาศภายในรถทำหน้าที่ได้อย่างดี จนไม่รู้สึกถึงความร้อนระอุภายนอกรถ นอกจากนี้ทีมคาราวานยังเตรียมพร้อมด้วยการนำเครื่องดื่มมาแช่ไว้ในช่องเก็บของรักษาความเย็น (Cool Box) ที่มีในไฮลักซ์ รีโว่ เพื่อให้สามารถหยิบมาดื่มเติมความสดชื่นท่ามกลางอากาศร้อนได้ตลอดเวลา
เวลาผ่านไปไม่นาน คาราวานไฮลักซ์ รีโว่ก็เดินทางมาถึงเมืองอาชกาบัต เมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศเติร์กเมนิสถาน เป็นเมืองที่มีความโอ่อ่า สะอาด และสวยงามอลังการ งานสถาปัตยกรรมหลักๆของเมือง ทั้งอาคารบ้านเรือน สำนักงาน และสถานที่ราชการ สร้างขึ้นจากหินอ่อนสีขาวนำเข้าจากอิตาลี ทำให้ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เต็มไปด้วยสีขาวใสบริสุทธ์ โดยเม็ดเงินจำนวนมหาศาลที่นำมาพัฒนาประเทศนั้น เป็นผลมาจากการค้นพบแหล่งก๊าซธรรมชาติขนาดใหญ่ใต้ผืนดิน และได้กลายมาเป็นทรัพยากรสำคัญที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของเติร์กเมนิสถานจนถึงปัจจุบัน
คาราวานไฮลักซ์ รีโว่ ขับไปตามทางเรื่อย ๆ ท่ามกลางบรรยากาศที่แปลกตา สวยงามจนต้องตะลึง จากนั้นเดินทางเข้าโรงแรม และออกมาเที่ยวชมเมืองกันอีกครั้งในช่วงเย็น โดยมีไกด์ท้องถิ่นช่วยนำเที่ยว ชมตลาดหลักประจำเมือง ศูนย์รวมสินค้าทุกชนิด ตั้งแต่เครื่องใช้ส่วนตัวในชีวิตประจำวัน ของสด ขนมปัง โทรศัพท์มือถือ จากนั้นขึ้นรถบัสชมเมือง ผ่านอนุสาวรีย์ที่เป็นรูปม้า สัญลักษณ์อย่างหนึ่งของเติร์กเมนิสถาน เพราะม้าที่นี่จัดว่าเป็นหนึ่งในม้าพันธุ์ที่ดีที่สุดในโลก รถบัสพาทีมคาราวานผ่านอาคารสำคัญมากมาย หนึ่งในนั้น คือ สนามกีฬาที่สร้างขึ้นมาอย่างสวยงามเพื่อเตรียมสำหรับการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนอินดอร์เกมส์ในปีหน้า
หลังจากนั้นทีมคาราวานไปรับประทานอาหารเย็นกันที่ร้านอาหารท้องถิ่น ซึ่งอยู่บนอาคารสูงให้ได้ชมวิวเมืองสวย ๆ ยามค่ำคืนไปพร้อม ๆ กับการรับประทานอาหารอร่อย ๆ ถือเป็นการจบวันด้วยความประทับใจอีกครั้ง
สำหรับพรุ่งนี้คาราวานไฮลักซ์ รีโว่จะเดินทางไปที่ไหนกันต่อ ติดตามกันได้ที่นี่ www.toyota.co.th/hiluxrevocaravantrip พร้อมร่วมสนุก “อ่านแล้วแชร์” ง่าย ๆ เพียงแค่คลิ๊ก และพิมพ์ #hiluxrevocaravantrip รับกล้อง GoPro Hero4 และของที่ระลึกอื่น ๆ อีกมากมาย
โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ ขับจริง หนึบจริง แกร่งจริง
ความคิดเห็น