เมื่อทีมงานออโต้สปินน์ได้เข้าร่วมทริปประวัติศาสตร์การขับขี่รถยนต์ตระกูลสกายแอคทีฟจากมาสด้า บนเส้นทางตั้งแต่่ ฮานอย ประเทศเวียดนาม สู่ นครโฮจิมินห์ซิตี้ เมืองแห่งสีสัน โดยระหว่างทางจะผ่านเมืองสำคัญมากมายและวันนี้เราจะพาทัวร์เส้นทางระหว่าง ฮานอย สู่ ฮอยอัน เมืองที่ได้รับรางวัลมรดกโลก จากความสวยงามของตึกรามบ้านช่อง
ทริปคาราวานประวัติศาสตร์ที่เชื่อมโยงอารยธรรมสมาชิกประชาคมอาเซียนที่ทางมาสด้าได้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 27 มิถุนายน - 5 กรกฎาคม 2559 โดยเส้นทางการเดินทางจะผ่านทั้งประเทศลาว เวียดนาม และกัมพูชา ซึ่งทีมงาน ออโต้สปินน์ ได้เข้าร่วมเดินทางในกรุ๊ป 2 ซึ่งเป็นการเดินทางในประเทศเวียดนามทั้งหมด
และเป็นกรุ๊ปที่ใช้เวลากาารเดินทางเป็นระยะเวลาที่ยาวที่สุดถึง 6 วัน รวมระยะการเดินทางร่วม 2,000 กิโลเมตร เลยทีเดียวซึ่งเส้นทางการเดินทางของกรุ๊ปนี้จะเริ่มต้น ณ เมืองหลงของประเทศเวียดนามอย่าง ฮานอย และไปสิ้นสุดที่ โฮจิมินซิตี้ หรือ ไซง่อน ที่เรารู้จักกันดี
สำหรับขบวน คาราวาน มาสด้า สกายแอคทีฟ เอเซียน คาราวาน ในครั้งนี้ได้มีรถยนต์ตระกูลสกายแอคทีฟที่ร่วมเดินทางกับเราทั้งหมด 4 รุ่น ได้แก่ มาสด้า2 มาสด้า3 มาสด้า ซีเอ็กซ์-3 และพี่ใหญ่มาสด้า ซีเอ็กซ์-5 พร้อมกับรถยนต์ของทีมงานกับ มาสด้า บีที-50 โปร
โดยรถยนต์ในช่วง 2 วันแรก ที่ทางทีมงานออโต้สปินน์ได้รับเป็นยานพาหนะในการเดินทางทริปประวัติศาสตร์ครั้งนี้คือ มาสด้า2 รุ่นเครื่องยนต์เบนซิน สกายแอคทีฟ-จี 1.3 แม้จะเป็นน้องเล็กสุดแต่ก็จี๊ดจ๊าดไม่เบาแถมอัตราความประหยัดก็ไม่เป็นรองใคร
เริ่มต้นหลังจากที่เดินทางด้วยเครื่องบินจากสนามบินสุวรรณภูมิ สู่เมืองหลวงอย่างฮานอยประเทศเวียดนาม ก็ได้พักผ่อนพร้อมเอาบรรยากาศในวันแรกที่มาถึงมาฝากเพื่อนๆ กันก่อนที่จะเริ่มเดินทางในวันรุ่งขึ้น
สำหรับประเทศเวียดนามการขับขี่หรือการสัญจรจะแตกต่างจากบ้านเรา โดยรถยนต์พวงมาลัยจะอยู่ทางด้านซ้ายมือ พร้อมถนนจะสลับกันอีกฝั่งตามการขับขี่โซนตะวันตก และโซนยุโรป
จุดเด่นของประเทศนี้คือจำนวน จักรยานยนต์จะมากกว่ารถยนต์หลายเท่าตัว จากการสอบถามไกด์นำทางได้ข้อมูลมาว่า จำนวนประชากรทั้งหมดของประเทศเวียดนามจะรวมอยู่ราวๆ 90 ล้านคน ซึ่งมากกว่าประเทศไทย แต่จำนวนพื้นที่รวมจะมีเพียง 331,689 ตร.กม. เท่านั้นซึ่งน้อยกว่าทำให้ประเทศค่อนข้างแอดอัดในช่วงตัวเมือง
และจำนวนรถจักรยานยนต์จะอยู่ที่ประมาณ 45 ล้านคันเลยทีเดียว ซึ่งพูดให้เข้าใจง่ายๆ คือ ประชาชนชาวเวียดนาม 2 คน จะมีรถจักรยานยนต์ 1 คัน ซึ่งถือว่าไม่น้อย และประเทศนี้การขับขี่จักรยานยนต์จะดูดีมีภาษีกว่ารถยนต์ หากเกิดอุบัติเหตุกันระหว่างรถและจักรยานยนต์ให้ระลึกเสมอเลยว่าโอกาสที่รถยนต์จะชนะความมี % ที่น้อยกว่ามากๆ แม้ตัวเองจะเป็นฝ่ายถูก
ทำให้จากสังเกตุรถยนต์จะค่อนข้างกลัวจักรยานยนต์มาก การใช้รถใช้ถนนประเทศต้องบอกเลยหากใครคิดว่าประเทศไทยแย่แล้ว เมื่อเจอเวียดนามเข้าไปต้องบอกเลยว่าประเทศไทยเด็กๆ มาก ระหว่างเดินริมถนนเราจะได้ยินเสียงแตรบีบใส่กัน แทบจะทุกวินาทีเลยทีเดียว
เพราะการขับขี่แต่ละคนต่างคนต่างไม่สนใจคนรอบข้างจะกลับรถก็เลี้ยวทันที ไม่สนว่าจะมีรถยนต์หรือมอเตอร์ไซค์วิ่งมาหรือไม่ ตาม 4 แยกไฟแดง ค่อนข้างวุ่นวายมากหากไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยยืนคุมเพราะ สัญญาณไฟแทบจะไม่มีความหมายต่อประชาชนที่นี่ ถนนมี 3 เลย ก็วิ่งเบียดกันมา 5 เลนก็มี
เรียกได้ว่าในช่วงวันเดินทางวันแรกระหว่างขับรถยนต์ในคาราวานมาสด้าเดินทางออกมากจากใจกลางกรุงฮานอยเพื่อมาขึ้นทางด่วนแม้จะมีระยะทางไม่กี่กิโลเมตรก็ทำให้ปวดขมับได้มากทีเดียว
หลังจากพ้นเขตตัวเมืองมาเรียบร้อยก็มุ่งสู่ เมืองฮานอย โดยระหว่างทางเราจะพาตัวเมืองต่างๆ ซึ่งจุดเด่นที่ค่อนข้างชอบเลยทีเดียวเพราะระหว่างที่เราจะเข้าตัวเมืองที่มีคนอาศัยอยู่หนาแน่นเราจะเห็นป้ายสีฟ้ารูปตึกรามบ้านช่องอยู่บริเวณทางด้านขวา นั้นคือสัญญาณอันตรายที่ห้ามพลาดเด็ดขาด !!
เพราะเมืองเราเข้าสู่เขตเมืองแล้วการขับขี่จะห้ามทำความเร็วเกิน 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จนกว่าจะวิ่งออกนอกเขตตัวเมือง ถามว่าทำไมผู้คนถึงเคารพกฎนี้มากต่างจากกฎอื่นๆ ที่เรียกได้ว่าแทบจะนอกสายตา
ก็เพราะว่าในตัวเมืองจะมีกล้องตรวจจับความเร็วอยู่ตลอดเวลาแถมยังเป็นกล้องสมัยใหม่ที่ตรวจจับแบบ Real-Time อีกด้วย โดยตำรวจจะตั้งด่านบริเวณทางออกเขตชุมชนหากมีคันไหนวิ่งเกิน 60 มาละก็ไม่รอดแน่นอน และอัตราค่าปรับทางไกด์นำขบวนแอบกระซิบมาว่าแพงมากถึงมากที่สุดเลยทีเดียว
ระหว่างทางสู่ ฮอยอัน เราก็ผ่านตัวเมืองและเขตชุมชนหลายที่ ก็เหยียบเบรค และเลี้ยงคันเร่งกันสนุกสนานเลยทีเดียวเพราะเห็นคนถูกจับจากความเร็วไม่น้อยเหมือนกัน แต่ทางรถยนต์มาสด้า2 ได้มีแผงบอกความเร็วบริเวณกระจกหน้า ก็ทำให้สะดวกสบายและมีประโยชน์สุดๆ เพราะไม่ต้องละสายตาจากการขับขี่ที่ค่อนข้างอันตรายบนถนนเวียดนาม
สิ่งแปลกประหลาดที่พบระหว่างทางคือ กองทรายขนาดใหญ่ที่กินบริเวณพื้นที่ไปหลายกิโลเมตรทั้ง 2 ข้างทาง ซึ่งเราจะพบพื้นที่ที่เป็นทะเลทรายได้หลากหลายทีในประเทศเวียดนาม ก็ได้จอดแวะเก็บภาพเป้นที่ระลึกกันก่อนเช่นกัน
ระหว่างทางก่อนถึง เมืองฮอยอัน ทางคาราวานก็ได้เดินทางผ่านอุโมงค์ ที่เรียกได้ว่าน่าจะเป็นอุโมงค์ที่มีความยาวมากที่สุดในเวียดนามกับ ระยะทางในอุโมงค์กว่า 6 กิโลเมตร หลังจากเดินทางผ่านอุโมงค์
ก็ต้องตกตะลึงกับทิวทัศน์ข้างทางที่เผยให้เห็นเมือง ดานัง ที่เป็นตึกรามบ้านช่องที่ค่อนข้างเจริญกว่าใครเพื่อน พร้อมทั้งการใช้ชีวิตของประชากรแถบนี้ที่ค่อนข้างเป็นสมัยใหม่กว่าเมืองอื่นๆ ที่ผ่านมา
ซึ่งการจราจรในเมือง ดานัง ที่เปรียบเสมือน เมืองพัทยา ของประเทศไทย ค่อนข้างวุ่นวายมากเข้าขั้นถึงขีดสุด เนื่องจากการขับขี่ ที่ไม่สนใจต่อโลก ไม่สนใจต่อกฏหมาย บวกกับเสียงแตร ที่ได้ยินกันแบบรอบทิศทางตลอดเวลาที่อยู่ในเมืองนี้ ก็ทำให้ปวดขมับขึ้นมาอีกครั้งเช่นกัน
หลังจากพ้นเมือง ดานัง เราก็พบกับเมืองแห่งประวัติศาสตร์และความคลาสสิค กับเมือง ฮอยอัน แม้ทางคาราวานจะมาถึงก็ช่วงมืดแล้วทำให้ไม่ได้พบ บรรยากาศเมืองโบราณเก่าแก่ในช่วงตอนสว่าง แต่เราก็เก็บภาพในช่วงกลางคืนมาฝากกัน
ซึ่งตอนกลางคืนก็จะมีตลาดกลางคืนให้ได้เดินเล่นกัน อารมณ์คล้ายๆ ตลาดนัดหัวหินของบ้านเราดีๆ นี่เอง ก็เดินจับจ่ายซื้อของฝากกันไป สิ่งที่ผมค่อนข้างประทับใจคือเมือถึงเวลาประมาณ 3 ทุ่มครึ่ง ซึ่งเป็นเวลาปิดตลาด พ่อค้าแม่ค้าต่างตั้งใจเก็บของกันแบบไม่มีรีรอ
และในเวลาประมาณ 5 ทุ่ม ร้านนั่งเล่นที่จะมีของขายทั้งขนม นม เนย หรือแม้แต่ เครื่องดื่มแอลกอฮอ ที่มีอยู่เต็มสองข้างทางแม่น้ำ ก็ทยอยเก็บปิดกันอย่างรวดเร็ว ภายในเวลาไม่เกิน 5 ทุ่มครึ่ง จากเมืองที่คึกคัก ก็กลายเป็นเงียบสงัดในทันที ซึ่งก็เป็นอีกเรื่องที่น่ารักและเอามาฝากกัน
สำหรับการผจญภัยและร่วมทริป มาสด้า สกายแอคทิฟ เอเซียน คาราวานทริป ครั้งนี้ยังไม่จบ ยังเหลือเส้นทางสู่ เมืองโฮจีมินซิตี้ หรือ ไซง่อน กันต่ออีก บวกกับเส้นทางที่ต้องเดินทางกันอีกกว่า 1,300 กิโลเมตร จะผ่านเมืองและมีเรื่องน่าประทับใจกันอย่างไร รอติดตามตอน 2 กันได้เร็วๆ นี้นะครับ
เข้าร่วมทริปคาราวานและเขียนบทความโดย Peerapat.h
อัปเดตข่าวรถยนต์ รีวิวรถยนต์ และจักรยานยนต์ กับเรา Autospinn
เช็คโปรโมชั่นรถใหม่ ราคารถ ตารางผ่อน ได้ที่นี่
ซื้อรถมือสอง ขายรถมือสอง เช็คราคารถมือสอง ได้ที่ one2car
ความคิดเห็น