แซดเอฟโชว์ที่สุดของนวัตกรรมสำหรับปัจจุบันและอนาคตทั้งระบบเกียร์สุดล้ำสมัยโดยมีไฮไลท์อยู่ที่เทคโนโลยียานยนต์ไร้คนขับอัจฉริยะที่อยู่ระหว่างการพัฒนามาโชว์ความเทพให้บรรดานักข่าวจากทั่วโลกได้สัมผัสกันด้วยตัวเองในงานแถลงข่าวประจำปีครั้งนี้
งานนี้แซดเอฟนำเสนอนวัตกรรมในรถยนต์ขนาดใหญ่หรือรถยนต์เชิงพาณิชย์เป็นหลัก ต่างจากปีที่ผ่านมาที่แซดเอฟจะนำเสนอนวัตกรรมเจ๋งๆ ในกลุ่มรถยนต์นั่งส่วนบุคคลแต่บอกเลยว่างานปีนี้ก็ไม่ได้น้อยหน้า จัดเต็มมาไม่แพ้กันเลย
ในด้านของเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนและระบบส่งกำลังนั้นแซดเอฟได้ชูแทร็กซอน(TraXson) ที่เด่นในเรื่องน้ำหนักที่เลา แข็งแรง และแน่นอนคือความอัจฉริยะ ระบบจะทำงานร่วมกับจีพีเอสในการเลือกควมเหมาะสมในการใช้งานชุดเกียร์ให้เหมาะสมกับเส้นทางข้างหน้า ไม่ว่าจะขึ้นเขาลงเขาเพื่อให้เครื่องยนต์และเกียร์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากและประหยัดเชื้อเพลิงที่สุด
บนทางลูกรังที่ซึ่งรถเครื่องยนต์ขนาดใหญ่จำเป็นต้องสัญจรผ่าน หากชุดเกียร์ไม่ฉ,าดอาจทำให้เกิดปัญหาในการขึ้นหรือลงทางชันซึ่งแทร็กซันนั้นมีการคำนวนที่รวดเร็วเปลี่ยนเกียร์ได้อย่างฉับไว และยังมีฟังก์ชั่นเจ๋งๆ อีกเพียบทั้งช่วยจอดบนทางชัน ระบบตัดกำลังเครืองยนต์เพื่อช่วยในการจอดหรือเดินหน้าโดยไม่ต้องกลัวว่าจะเหยียบคันเร่งมากเกินไป
ไอเดลลิ่งสต็อปอาจเป็นฟังชั่นที่ดูไม่หวือหวาเท่าไรแต่ก็ช่วยลดเสียงรบกวนเวลาอยู่ในเมืองได้เป็นอย่างดี แต่เจ้าระบบส่งกำลังตัวนี้ยังมีความสามารถในการเคลื่อนตัวในขณะรถติดหรือการจราจรที่ชะลอตัวได้อย่างดีเยี่ยม เพราะคุณไม่ต้องเหยียบคันเร่งในขณะที่รถชะลอตัวและไม่ต้องมานั่งเปลี่ยนเกียร์ไล่เกียร์ให้ปวดหัวเพราะไม่ว่าคุณจะอยู่ที่เกียร์ไหน จังหวะจะออกตัวรถก็พร้อมพุ่งไปข้างหน้าได้ดังใจทันที
ไม่เพียงแค่ระบบเกียร์และเทคโนโลยีของแซดเอฟงานนี้ยังเป็นงานแรกๆ ที่แซดเอฟได้นำส่วนผสมของทีอาร์ดับเบิลยู(TRW) มาเสริมแกร่งให้กับเทคโนโลยีของตน เพื่อสร้างที่สุดและนวัตกรรมสำหรับอนาคต ไม่ว่าจะเป็นฮาร์ดแวร์หรือซอฟต์แวร์ก็ตาม งานนี้พี่ใหญ่ผู้นำเทรนด์เขาจัดเต็มสุดๆ
นอกจากนี้ในรถขนาดใหญ่แซดเอฟยังมีออพชั่นเจ๋งๆ อย่างเทคโนโลยีควบคุมแรงบิดในรถเครนขนาดยักษ์ที่ช่วยให้รถออกตัวได้อย่างยอดเยี่ยมและไม่สิ้นเปลืองพลังงานโดยไม่จำเป็นหรือจะเป็นระบบช่วงล่างปรับไฟฟ้า และนวัตกรรมรักษ์โลกอย่างรถโดยสารที่ใช้ไฟฟ้าที่ให้ระยะทางในการใช้งานมากหลายร้อยกิโลเมตรซึ่งเพียงพอต่อการใช้งานในหนึ่งวัน โดยใช้เวลาชาร์จไฟเต็มถังแค่ไม่ถึง 5 ชม. เท่านั้น
เรื่องพวกนี้อาจจะดูไกลตัวผู้ใช้รถยนต์ขนาดเล็กแต่ก็เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถือว่าเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมยานยนต์ของโลกไม่ว่าจะเป็นรถส่วนบุคคลหรือรถเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ก็ตาม
ไฮไลท์สำคัญในงานนี้คือเทคโนโลยียานยนต์อัตโนมัติที่แซดเอฟเป็นหนึ่งในผู้นำของโลกทุกวันนี้และนี่คืออีกก้าวสำคัญกับการนำเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติมาใช้ในรถบรรทุกขนาดใหญ่ที่บรรทุกสัมภาระสมจริง หนักจริง และทดสอบกับรถต้นแบบของจริง
ณ ปัจจุบัน แซดเอฟ ได้พัฒนาระบบการขับขี่อัตโนมัติมาถึงจุดที่ระบบควบคุมตัวรถขับขี่ไปบนท้องถนนและรักษาช่องทางของตัวเองเอาไว้ได้อย่างมั่นคงโดยที่ผู้ขับมีหน้าที่แค่นั่งรอเฉยๆ ลักษณะการใช้งานของระบบขับขี่อัตโนมัติของแซดเอฟ มีลักษณะที่คล้ายคลึงกับเทคโนโลยี Adaptive Cruise Control แต่ทว่ามีจุดที่เจ๋งกว่าอยู่พอสมควร
ในขณะที่ Adaptive Cruise Control ในรถบางรุ่นนั้นคุณจะต้องเบรกด้วยตัวเองในขณะที่เจอรถติดหรือจอดสนิท เทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติของแซดเอฟนั้นจะจอดสนิทได้ด้วยตัวเองและเคลื่อนที่ต่อได้ด้วยตัวเองในกรณีที่รถหยุดนิ่งไม่เกิน 3-5 วินาที ซึ่งช่วยได้มากเมื่อเจอการจราจรที่ชะลอตัว
นอกจากนี้ในกรณีที่มีรถตัดหน้าหรือปาดแซงเข้ามาระบบก็จะชะลอความเร็วลงอัตโนมัติ รวมถึงเพิ่มความเร็วตามรถคันหน้าและแน่นอนว่าหยุดต่อหลังได้โดยไม่พุ่งเสยให้หวาดเสียว
ที่สำคัญในกรณีที่เราขับรถมาด้วยความเร็วแล้วเจออุปสรรคขวางอยู่ด้านหน้าในระยะ 200 เมตรเซนเซอร์นั้นจะเริ่มจับการเคลื่อนไหวหากถึงระยะราวๆ 70-80 เมตรแล้ววัตถุนั้นยังไม่เคลื่อนไปไหนหรือกรณีที่เป็นอุบัติเหตุขวางทางระบบจะแจ้งเตือนผู้ขับขี่ที่ระยะ 35-40 เมตรเพื่อให้หลงเลี่ยงอุบัติเหตุซึ่งหากยังไม่หลบหรือหักหลบแรงเกินไประบบจะเข้ามาควบคุมการหักหลบอย่างกระทันหันทั้งหมดเองเพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นจากความตกใจ
เทคโยโลยีการหักหลบกระทันหันนี่แซดเอฟพัฒนาขึ้นบนพื้นฐานความปลอดภัยจากงานวิจัยที่พิสูจน์แล้วว่าเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินคนจะมุ่งความตั้งใจไปที่อุบัติเหตุหรือเหตุที่อยู่ด้านหน้า ทำให้ปัจจัยที่ทำให้หลุดพ้นจากเหตุการณ์นั้นๆ ถูกมองข้ามไป เทคโนโลยีนี่จึงเข้ามาช่วยในการประเมินสถานการณ์และพาคุณออกจากเหตุฉุกเฉินได้อย่างปลอดภัยยิ่งขึ้น
แซดเอฟยังมีฟังก์การบังคับถอยหลังผ่านแท็ปเล็ตที่ทำงานร่วมกับเซนเซอร์ที่ตัวรถและระบบจีพีเอสในการประมวลเส้นทางที่คุณเลือกถอยหลังได้ทั้งแบบควบคุมเองและอัตโนมัติ แทนที่คุณจะต้องมานั่งเล็งหน้าเล็งหลังอยู่ในรถ ตอนนี้คุณก็แค่หยิบแท็ปเล็ตแล้วเดินลงมาเช็คระยะรอบรถได้ด้วยตัวเองเลยทีเดียว
เทคโนโลยีดังกล่าวข้างต้นล้วนเป็นสิ่งทีแซดเอฟพัฒนาและมีอยู่ในรถยนต์นั่งส่วนบุคคลมาก่อนหน้าที่จะนำมาใช้กับยานยนต์ขนาดใหญ่และนอกจากยานยนต์เชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ รถบรรทุกแล้ว แซดเอฟยังได้พัฒนานวัตกรรมให้ๆ กับยานยนต์ในการเกษตรด้วย
นี่ถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ทำให้เราอึ้งกับการควบคุมรถแทร็กเตอร์ด้วยแท็ปเล็ตเพียงเครื่องเดียวและนี่น่าจะเป็นแทร็คเตอร์ที่ล้ำสมัยที่สุดเท่าที่โลกเคยมีมาพร้อมนอกจากเราจะบังคับแทร็กเตอร์ให้เดินหน้าถอยหลังผ่านแท็ปเล็ตได้แล้ว แทร็คเตอร์ยังมีเซนเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหวที่จะทำให้รถหยุดอัตโนมัติในกรณีที่มีวัตถุเคลื่อนผ่านหรือคนเดินตัดด้านหลังรถเช่นเดียวกับในรถบรรทุก
นอกจากนี้แทร็คเตอร์อัจฉริยะต้นแบบยังมาพร้อมกับรถพ่วงอัจฉริยะที่ไม่มีประโยชน์แค่บรรทุกสัมภาระเท่านั้นแต่ยังมีกำลังขับเคลื่อนเป็นของตัวเองเพียงแค่เชื่อมต่อระบบเข้ากับแทร็คเตอร์ระบบจะส่งกำลังไฟฟ้าไปยังมอเตอร์ขับเคลื่อนที่รถพ่วงทันที
ฟังก์ชั่นนี้ยังส่งผลต่อการควบคุมรถผ่านแท็ปเล็ตประสานกันระหว่างแทร็คเตอร์และรถพ่วง โดยคุณจะเลือกบังคับการเดินหน้าถอยหลังและองศาในการจอดของตัวรถแทร็คเตอร์หรือรถพ่วงได้ เพียงแต่ปลายนิ้วสัมผัสที่แท็ปเล็ต แต่แค่นี้ยังอึ้งไม่พอเจ้าแทร็คเตอร์ขั้นเทพนี้ยังมีอะไรให้เราเสียวอีก
เราตกลงปลงใจขึ้นรถแทร็คเตอร์มากับพ่อหนุ่มชาวเยอรมนีอย่างเบนจามินที่จะมาโชว์ระบบ แทร็คชั่น ในรถแทร็คเตอร์อัจฉริยะคันนี้ให้เราได้ชมกัน ด้วยการทำงานประสานกันระหว่างแทร็คเตอร์และรถพ่วง เราบอกก่อนเลยว่ารถพ่วงที่ใช้ทดสอบนี้ก็แบกสัมภาระจริงมาไม่ใช่พ่วงเปล่าๆ แต่อย่างใด
สถานที่ทดสอบคือเนินยางมะติยสูงชันที่ฉีดน้ำให้เปียกพร้อมลื่นหัวทิ่มตลอดเวลา พ่อหนุ่มเบนจามินเปิดระบบขับสี่ไต่ขึ้นไปบนเนินอย่างมั่นใจก่อนที่พักนึงล้อหน้าและหลังก็หมุนฟรีเอาซะดื้อแล้วก็ไถล แถ่ดๆ ลงมาจากเดินจนต้องเหยียบเบรกเอาไว้
ถึงจุดนี้พอหนุ่มเบนจามินอธิบายว่า ปกติเราจะทำได้แค่เหยียบเบรกให้รถคาอยู่บนเนินอย่างนั้นหรือค่อยๆ ปล่อยให้ไหลลงไปและถอดใจอย่างสงบ แต่ทันใดนั้นเขาก็หันไปกดปุ่มที่แท็ปเล็ตเพื่อเปิดการทำงานของระบบแทร็คชั่นอัจฉริยะรุ่นต้นแบบของแซดเอฟ
เบนจามินอธิบายต่อว่ารถแทร็คเตอร์ทั่วไปมีเต็มที่ก็ระบบขับสี่ แต่ด้วยเทคโนโลยีขับเคลื่อนไฟฟ้าที่พ่วงหลังทำให้แทร็คเตอร์และพ่วงคันนี้เหมือนมีระบบขับเคลื่อนหกล้อนอกจากสองล้อหน้าที่ตะกุยไปด้านหน้าแล้ว พ่วงหลังยังทำหน้าที่ช่วยผลักให้รถขึ้นเนินไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง
พอขึ้นไปได้สักพักเบนจามินก็ปิดระบบแทร็คชั้นทิ้งเพื่อให้รถเสียลื่นไถลบนทางลาดอีดครั้งเมื่อไม่มีระบบสองเคลื่อนอีกสองล้อจากพ่วงหลัง เพื่อโชว์ให้เห็นว่าของเขาดีจริงๆ โอเค งานนี้บอกเลยว่าเชื่อยิ่งกว่าเชื่อ
เทคโนโลยีหลายๆ อย่างที่แซดเอฟเอามาให้สื่อมวลชนทั่วโลกได้สัมผัสกันในวันนั้นยังเป็นแค่รุ่นต้นแบบที่ยังมีข้อบกพร่องอยู่บ้าง อย่างระบบขับอัตโนมัติ (Autonomous) เองทางแซดเอฟก็บอกว่านี่เป็นเพียงขั้นที่ 1 ของการพัฒนาเท่านั้นเพราะบริษัทวาดฝันเอาไว้ไกลกว่าที่เราเห็นอยู่ตอนนี้ และยังมีอะไรเจ๋งๆ อีกหลายอย่างในงานที่วันหนึ่งคุณคงได้เห็นและสัมผัสด้วยตัวเอง
ผู้บริหารของแซดเอฟบอกกับเราว่าทุกวันนี้มีการใช้ยานยนต์อัตโนมัติอยู่ในหลายพื้นที่โดยที่เราไม่รู้กันมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นทางการเกษตร ในสนามบิน ซึ่งล้วนแต่เป็นพื้นที่ปิดเพราะวันนี้เทคโนโลยียังไม่ครอบคลุมการใช้งานในหลายๆ ประเภท แต่เราจะได้เห็นกันในอนาคตอันใกล้วันใดวันหนึ่งแน่นอน
อ่านข่าวอื่นที่น่าสนใจ คลิกที่นี่
LINE
ความคิดเห็น