ในช่วงหลายปีหลังสุด ค่ายรถหลายรายพยายามลดขนาดเครื่องยนต์เพื่อลดปริมาณมลพิษลง แต่รายงานล่าสุดชี้ว่าการลดความจุขุมพลังอาจไม่ช่วยอะไรมากนัก
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ค่ายรถอย่างเรโนลต์ โฟล์คสวาเกน และอีกหลายบริษัทกำลังพิจารณา “ขยาย” ขนาดเครื่องยนต์เพื่อลดปริมาณมลพิษซึ่งเป็นการสวนทางเทรนด์การลดขนาดที่มาแรงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยการเพิ่มขนาดเครื่องยนต์มีจุดเริ่มต้นจากกรณีอื้อฉาวการโกงมลพิษของโฟล์คสวาเกนที่แสดงให้เห็นว่า เครื่องยนต์ทั้งเบนซินและดีเซลที่มีความจุไม่มากนักกลับมีปริมาณมลพิษมากกว่าเครื่องยนต์ที่มีความจุสูงเมื่อทดสอบด้วยการใช้งานจริง
เรโนลต์-นิสสันเริ่มต้นทดสอบการขยายเครื่องยนต์ขนาดเล็กที่สุดที่มีอยู่ในปัจจุบัน โดยอเลน ราโพโซ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาเครื่องยนต์ของเรโนลต์-นิสสันเปิดเผยว่า “เทคนิคที่เราใช้ลดขนาดเครื่องยนต์ไม่ได้ช่วยให้เรามีมาตรฐานไอเสียสอดคล้องตามข้อกำหนด เรามาถึงขีดจำกัดของการลดขนาดเครื่องยนต์แล้ว”
คาดการณ์ว่า เครื่องยนต์ดีเซลที่มีความจุต่ำกว่า 1.5 ลิตรและเครื่องยนต์เบนซินที่ต่ำกว่า 1.2 ลิตรอาจค่อยๆ เสื่อมความนิยมไปจากตลาด ปัจจุบัน โฟล์คสวาเกนเริ่มหันมาใช้เครื่องยนต์ 1.6 ลิตรแทนที่เครื่องยนต์ 1.4 ลิตรของเดิมในรถอย่างโปโล ขณะที่เรโนลต์ทำการขยายเครื่องยนต์ดีเซลให้มีขนาด 1.6 ลิตร
โธมัส เวเบอร์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและพัฒนาของเมอร์เซเดส-เบนซ์กล่าวว่า “เริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ว่าเครื่องยนต์ขนาดเล็กไม่ได้ให้ประโยชน์อีกต่อไป จึงเป็นเหตุผลว่าเมอร์เซเดส-เบนซ์ไม่ได้เข้าร่วมพัฒนาเครื่องยนต์ 3 สูบ”
ในอนาคต ไม่เพียงค่ายรถจะเพิ่มขนาดเครื่องยนตืเท่านั้น แต่จะหันไปหาโซลูชั่นพลังงานไฟฟ้าด้วย อย่างการใช้มอเตอร์ไฟฟ้าหรือระบบไฮบริด
ติดตามข่าวคราวความเคลื่อนไหวของแวดวงอุตสาหกรรมยานยนต์ได้ ที่นี่
ต้องการซื้อรถมือสอง ตรวจสอบราคารถยนต์มือสอง เชิญที่นี่
ความคิดเห็น