สหรัฐเตรียมออกกฎหมายรถพลังไฟฟ้าและไฮบริดต้องติดตั้งอุปกรณ์ส่งเสียงเตือนคนเดินถนน

หนึ่งในคุณสมบัติเด่นของรถพลังงานไฟฟ้าและรถไฮบริด คือความเงียบขณะขับขี่ แต่รัฐบาลสหรัฐเตรียมออกกฎหมายให้รถดังกล่าวต้องมีเสียงเตือนเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ

หน่วยงานเพื่อความปลอดภัยบนถนนหลวงของสหรัฐฯ หรือ NHTSA ระบุว่า รถพลังงานไฟฟ้าและรถไฮรบิดจะต้องมีเสียงเตือนที่ความเร็วต่ำกว่า 30 กม.ต่อชม. เพื่อเตือนคนเดินถนน ซึ่งคาดการณ์ว่าเสียงดังกล่าวจะช่วยป้องกันอุบัติเหตุที่ทำให้คนเดินถนนบาดเจ็บได้ถึง 2,400 คนต่อปี

“อุปกรณ์ดังกล่าวจะช่วยเหลือคนเดินถนน โดยเฉพาะคนที่ตาบอดหรือมีปัญหาด้านการมองเห็น ทำให้พวกเขาสัญจรได้อย่างปลอดภัย” ดร. มาร์ก โรสไคนด์ ผู้บริหารของ NHTSA กล่าว

เมื่อกฎหมายฉบับนี้ผ่านการเห็นชอบและบังคับใช้ รถพลังไฟฟ้าจะต้องมีเสียงเตือนอย่างต่ำ 47 – 50 เดซิเบลเมื่อจอดติดเครื่องทิ้งไว้ ก่อนที่เสียงจะเพิ่มขึ้นเป็น 50 – 53 เดซิเบลเมื่อเคลื่อนที่ถอยหลัง และเพิ่มขึ้นเป็น 53 – 56 เดซิเบลเมื่อขับด้วยความเร็ว 10 กม.ต่อชม. เสียงจะเพิ่มขึ้นอีกไปอยู่ที่ 59 – 62 เดซิเบลที่ความเร็ว 20 กม.ต่อชม. และ 63 – 67 เดซิเบลที่ความเร็ว 30 กม.ต่อชม.

NHTSA คาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมยานยนต์จะต้องลงทุนเพิ่มอีก 39 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปีสำหรับการติดตั้งอุปกรณ์ส่งเสียงเตือนที่กันน้ำได้ไว้ภายนอกรถ แต่ก็จะช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านการรักษาตัวเมื่อเกิดอุบัติเหตุซึ่งสูงถึง 320 ล้านเหรียญสหรัฐ

ด้านสมาคมผู้ผลิตยานยนต์ของสหรัฐระบุว่า “เรากำลังประเมินกฎหมายฉบับนี้ในขั้นตอนสุดท้าย เราเชื่อว่ากฎหมายนี้มีความสำคัญ แต่ก็ต้องพิจารณาให้ดีว่าเสียงดังกล่าวจะมีประสิทธิภาพเพียงพอ และมีความรื่นรมย์ในการได้ยินด้วย การยอมรับของผู้บริโภคก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน และเราต้องไม่ทำให้เสียงนั้นน่ารำคาญ”

กฎหมายฉบับนี้จะบังคับใช้รถไฮบริดและรถพลังไฟฟ้าราวครึ่งหนึ่งในสหรัฐจะต้องติดอุปกรณ์ส่งเสียงเตือนภายในวันที่ 1 กันยายน 2018 ก่อนที่ในวันที่ 1 กันยายน 2019 รถไฮบริดและรถไฟฟ้าทุกคันต้องติดตั้งเสียงดังกล่าวอย่างไม่มีข้อยกเว้น

ติดตามข่าวคราวความเคลื่อนไหวของแวดวงอุตสาหกรรมยานยนต์ได้ ที่นี่

ต้องการซื้อรถมือสอง ตรวจสอบราคารถยนต์มือสอง เชิญที่นี่