แม้ว่าตลาดรถยนต์นั่งขนาดกลางในประเทศไทยจะดูไม่หรูหราฟู่ฟ่า แต่มาสด้า ประเทศไทย ก็มุ่งมั่นและเดินหน้าทำตลาดรถยนต์ 2017 มาสด้า 3 (2017 Mazda 3) รุ่นใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยเวอร์ชั่นล่าสุดได้ทำการเปิดตัวไปในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
จริง ๆ แล้วต้องบอกว่าเรื่องของสมรรถนะและความน่าใช้งานของตัวรถมาสด้า 3 ที่พัฒนามาบนพื้นฐานของเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ มาพร้อมแนวคิดในการออกแบบที่เรียกว่าโคโดะ ดีไซน์ อันเป็นเอกลักษณ์ของมาสด้านั้น ก็ถือว่าดีงามอยู่แล้ว เห็นได้จากที่เราเคยทำการทดสอบมาหลายต่อหลายครั้ง
คำถามที่น่าสนใจก็คือ เมื่อตัวรถได้รับการพัฒนามาอย่างดีเยี่ยม และบรรดาคู่แข่งก็ต่างพัฒนาสินค้าตัวเองตามมาห่าง ๆ มาสด้าจะทำอย่างไรเมื่อถึงเวลาที่ต้องไมเนอร์เชนจ์ให้กับรถรุ่นนี้ เพื่อรักษาความเป็นคู่แข่งที่ดีให้กับตัวสินค้าที่จะเดินหน้าท้าชนกับผู้เล่นรายอื่น ๆ ที่มีตัวสินค้าที่สดกว่า
และมาสด้าก็ตอบคำถามนี้ในการเปิดตัวสินค้าใหม่ของตัวเอง นอกเหนือไปจากหน้าตาที่โฉบเฉี่ยวขึ้นจากการปรับเล็กปรับน้อยที่ภายนอก ความเรียบหรูที่เพิ่มไปอีกนิดด้วยการเปลี่ยนแปลงห้องโดยสารภายใน มาสด้าได้นำ GVC และ MRCC มาติดตั้งในรถอย่างเป็นทางการเพื่อที่จะทำให้สินค้ามีการยกระดับไปอีกขั้น
วันนี้มาทดสอบนอกเหนือจากการขับขี่บนท้องถนนปกติแล้ว มาสด้าได้จัดสนามทดสอบเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับสมรรถนะของระบบใหม่อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งทำให้เราต้องเอ่ยปากชมทีมวิศวกรของมาสด้ากันเลยทีเดียว ว่าเป็นการปรับที่ถือเป็นสายแข็ง และพร้อมต่อกรกับคู่แข่งในท้องตลาดมากขึ้น
และคงยากหากจะตัดมาสด้า 3 ออกจากการแข่งขันของรถยนต์นั่งกลุ่มนี้ในช่วงนี้...
ปรับโฉมไม่มาก แต่โดยรวมแล้วเฉี่ยวขึ้น
เมื่อมองดูมาสด้า 3 รุ่นใหม่จอดอยู่เรียงรายกันที่ด้านล่างของโชว์รูม มองแวบแรกต้องบอกว่าแทบไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากรุ่นเดิม การทำรถที่สวยอยู่แล้วให้สวยขึ้นเป็นงานที่ยากเสมอ และมาสด้าก็ไม่ได้ทำให้ตรงนี้โดดเด่นขึ้นมาอย่างชัดเจนสักเท่าไรนัก
แต่เมื่อถามทีมงานของมาสด้าว่ามีอะไรที่เปลี่ยนไปบ้าง ทำให้เรารู้ว่ารถคันนี้ภายนอกปรับเปลี่ยนไปเยอะเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นชุดกันชนหน้าใหม่ ชุดกันชนท้ายใหม่ โคมไฟหน้าและไฟตัดหมอกที่เปลี่ยนไป และที่สำคัญก็คือ ล้อแมกซ์ลายใหม่พร้อมรมดำ ซึ่งทำให้รถดูสปอร์ตขึ้นมานิดนึง
ขณะที่ภายในห้องโดยสารมาพร้อมกับพวงมาลัยที่ออกแบบใหม่ที่ทำให้สามารถจับได้อย่างกระชับมือมากขึ้น พร้อมด้วยมัลติฟังชั่นส์ที่เพิ่มขึ้นมา เบรกมือแบบไฟฟ้า และในรุ่นท๊อปยังมาพร้อมกับระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเป็นครั้งแรกของมาสด้า 3 อีกซะด้วย
พวงมาลัยที่เปลี่ยนมาทำให้บรรยากาศของตัวรถดูโฉบเฉี่ยวและสปอร์ตขึ้นเป็นอย่างมาก ขณะที่บรรยากาศภายในห้องโดยสารไม่ได้แตกต่างจากรุ่นเดิมนัก ซึ่งก็เป็นห้องโดยสารที่ให้ความสะดวกสบายพอสมควรและรองรับน้ำหนักจากการนั่งในทุกตำแหน่งได้เป็นอย่างดี
เครื่องยนต์เดิมเดิม เพิ่มเติมระบบความปลอดภัย
มาสด้ายังคงใช้เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร ที่ให้กำลังสูงสุด 165 แรงม้า พร้อมด้วยแรงบิดสูงสุด 210 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติสกายแอคทีฟ-ไดร์ฟ 6 สปีด พร้อมโหมดแมนวลและปุ่มสำหรับการขับขี่แบบสปอร์ต ซึ่งสมรรถนะของเครื่องยนต์เดิมก็ให้บรรยากาศแบบเดิม ๆ นั่นล่ะครับ
การส่งกำลังของเครื่องยนต์ผ่านเกียร์เป็นไปได้อย่างสมูธและเพิ่มความสนุกสนานมากขึ้นในโหมดสปอร์ต ที่แม้จะแลกมาด้วยรอบเครื่องที่สูงขึ้นเล็กน้อย และเสียงเครื่องยนต์ที่ครางกระหึ่มอีกนิดหน่อย แต่ก็สามารถเร่งเร้าอะดรีนาลีนในร่างกายได้เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตาม มาสด้าได้ทำการติดตั้งระบบที่เรียกว่า GVC - G-Vectoring Control ซึ่งเป็นระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะ ที่จะช่วยให้การทำงานของพวงมาลัย เครื่องยนต์และเกียร์เป็นไปอย่างเข้าขากันมากขึ้น เพื่อเพิ่มสมรรถนะในการควบคุมรถยนต์ทั้งคัน
สมมติหากเรามีการเข้าโค้งที่ความเร็วปานกลาง เมื่อมีการหักพวงมาลัยไปตามโค้ง ระบบจะทำการตัดการทำงานของเครื่องยนต์ลงเล็กน้อย และจะมีการถ่ายน้ำหนักไปที่ล้อหน้าเพื่อช่วยในการควบคุม และเมื่อมีการคืนล้อกลับสู่ปกติก็จะทำการตัดการทำงานของระบบออกไป
ระบบนี้ยังช่วยเมื่อเกิดการเปลี่ยนเลนกระทันหันหรือการเข้าโค้ง ที่จะช่วยลดการสั่นสะเทือนและการเหวี่ยงตัวของผู้โดยสาร โดยเฉพาะผู้โดยสารตอนหลังที่จะรับรู้มากเป็นพิเศษ งานนี้มาสด้าจัดให้ทดสอบรถรุ่นเดิมที่ไม่มีระบบนี้กับรถรุ่นใหม่ที่ติดตั้งมาครบทุกรุ่นย่อย ก็พบว่าให้ผลการทดสอบที่น่าพึงพอใจ
ของเมืองนอกนั้นทำการทดสอบกันบนพื้นหิมะ แต่ถ้าในประเทศไทย คงต้องลองพวกถนนฝุ่นหรือโคลนบาง ๆ หลังฝนตกใหม่ ๆ กันดู ไว้เดี๋ยวยืมรถทดสอบออกมาได้ จะเอาไปลองขับในชีวิตประจำวันดูจริง ๆ อีกครั้ง ว่าเจอถนนเมืองไทยจริง ๆ แล้วยังเอาอยู่หรือไม่นะ
MRCC ในรุ่นท๊อป ฉลาดและสนุกสนานขึ้นเยอะ
อย่างที่เราบอกกันไปแล้วว่า มาสด้า 3 ในประเทศไทยนั้นไม่เคยมีการติดตั้งระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติมาในท้องตลาด และในรุ่นท๊อปของรุ่นปรับโฉม มาสด้าก็ทำการติดตั้งระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติมาให้จนได้ แถมยังมาพร้อมแบบครบครันกันเลยด้วยระบบที่เรียกว่า MRCC
MRCC - Mazda Radar Cruise Control หรือระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบอัตโนมัติ ซึ่งคุ้นเคยกันดีกับระบบนี้ในรถหลากหลายรุ่นอยู่แล้ว เพียงแต่มาสด้ามีการตั้งชื่อให้ระบบของตัวเองอย่างสวยงาม โดยระบบดังกล่าวจะทำงานที่ความเร็ว 30-145 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเท่านั้น
ง่าย ๆ ก็คือเมื่อทำการเปิดระบบแล้ว รถจะวิ่งที่ความเร็วที่เราตั้งเอาไว้ แต่หากมีรถคันหน้ามากีดขวาง ระบบก็จะทำการลดความเร็วลงให้เหมาะสม และเมื่อรถคันหน้าวิ่งพ้นทางไปก็จะกลับมารักษาความเร็วเท่าเดิมอีกครั้ง โดยทั้งหมดนี้ ควบคุมได้อย่างง่ายดายด้วยปุ่มบนพวงมาลัย
แม้มาสด้าจะจัดสนามให้ทดลองแต่ก็ไม่สะใจ เพราะผมเองลองเล่นกับระบบนี้ตอนวิ่งขึ้นลงเขาใหญ่ผ่านโค้งต่าง ๆ ต้องบอกว่าระบบมีความฉลาดและปรับตัวไวมาก ส่วนหนึ่งก็มาจากเครื่องยนต์กับเกียร์ที่ตัดไปมาได้อย่างแม่นยำนั่นล่ะครับ เสียดายอย่างเดียว ถ้าเบรกให้ด้วยได้ก็จะดีมากเลย
เพราะอย่างที่บอกไปแล้วว่าระบบมีข้อกำหนดในเรื่องของความเร็วที่สามารถใช้งานได้ พอความเร็วต่ำกว่าที่กำหนดก็จะตัดระบบทันที หมายความว่าหากรถวิ่งที่ความเร็วต่ำกว่า 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ก็จะมีการขึ้นเตือนว่าระบบตัดการทำงานแล้ว กรุณาควบคุมรถด้วยตัวเองทันที
นอกจากนี้ มาสด้า 3 ยังมาพร้อมระบบความปลอดภัยแบบรอบคัน ซึ่งไม่ได้ลองใช้ทั้งหมดในทริปนี้ เดี๋ยวไว้เอารถออกมาทดสอบเดี่ยวก่อนค่อยว่ากันอีกที ว่าแต่ละระบบที่ใส่กันมานั้น มันดีหรือไม่ดีเพียงใด และน่าใช้งานจริงหรือไม่ คงต้องรอกันอีกสักพักใหญ่ ๆ เลย
ความลงตัวบนเทคโนโลยีที่อัดแน่น
เมื่อมาสด้าตัดสินใจทำการพัฒนามาสด้า 3 รุ่นใหม่ แน่นอนว่ารถที่ทำออกมาจะต้องเป็นรถที่ดีกว่ารุ่นเดิม น่าใช้กว่ารุ่นเดิม และพอที่จะทำให้ลูกค้ายอมควักเงิน 8.47 แสนบาทในรุ่นเริ่มต้นไปจนถึง 1.119 ล้านบาทในรุ่นท๊อป เพื่อจับจองเป็นเจ้าของ แม้ว่าจะมีคู่แข่งที่ใหม่กว่า สดกว่า เพียบในท้องตลาด
และมาสด้าก็ตัดสินใจเอาใจลูกค้าด้วยการเพิ่มสิ่งที่เรียกว่า เทคโนโลยี เข้ามาในรถรุ่นนี้ ส่วนหนึ่งเพราะมาสด้าเองก็มีความเชื่อว่าด้านสมรรถนะและการประหยัดน้ำมันของรถรุ่นเดิมนั้นไม่เป็นรองใครในท้องตลาดอยู่แล้ว หากจะอัพเกรดก็ต้องทำให้เหนือกว่าในราคาไม่ต่างกันมาก
การนำเทคโนโลยีความปลอดภัย i-Activesense เข้ามาติดตั้งให้กับรถยนต์นั่งขนาดกลาง ทำให้รถคันนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยเทคโนโลยีมากมาย หรือการนำ MRCC เข้ามาก็ช่วยปิดช่องโหว่ที่ดูด้อยลงไป แถมระบบ GVC ที่ลองแล้วว่าดีจริง ก็ทำให้รถน่าใช้งานมากขึ้นไปอีก
มาสด้าเองก็คงเดาใจผู้บริโภคในประเทศไทยได้ในระดับหนึ่งว่า แม้จะหาคนที่เข้าใจระบบต่าง ๆ ที่บางอันก็ดูยุ่งยากเกินกว่าจะอธิบายเป็นภาษาง่าย ๆ ได้ แต่การประกาศว่าตนเองมีระบบช่วยเหลือมากมายเต็มคันไปหมด ก็ทำให้ผู้บริโภคที่กำลังจะจ่ายเงินหลักล้านฉุกคิดได้เหมือนกัน
ยิ่งการนำระบบต่าง ๆ มาใช้งานร่วมกันได้อย่างลงตัวและไม่ติดขัดอะไร ต้องบอกว่าเป็นจุดขายของมาสด้าและเทคโนโลยีสกายแอคทีฟที่เปิดทางให้ค่ายรถปีกบินได้เดินหน้าพัฒนาสินค้ารุ่นใหม่ ๆ ออกมา และหากจะบอกว่ามาสด้า 3 ใหม่ก็ยังเป็นรถที่น่าใช้งานอยู่ก็คงไม่เป็นการพูดเกินไปนัก
ถ้าคุณตัดสินใจซื้อมาสด้า 3 วันนี้ เอาเถอะคุณอาจจะไม่รู้หรอกว่าคุณกำลังใช้ GVC อยู่ แต่แน่นอนว่าการเข้าโค้งจะเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น บนพื้นฐานช่วงล่างที่เพิ่มความสบาย และตัวรถยนต์ที่ยังตอบสนองได้เป็นอย่างดี ทั้งเรื่องของสมรรถนะในการขับขี่และการใช้งานในชีวิตประจำวัน
ทั้งหมดนี้จ่ายไม่แตกต่างจากคู่แข่งรายอื่น ๆ คงต้องไปลองแล้วเลือกกันดูอีกครั้งว่าชอบใจแบบไหนมากกว่า...
ติดตามข่าวคราวความเคลื่อนไหวของแวดวงอุตสาหกรรมยานยนต์ได้ ที่นี่
ต้องการซื้อรถมือสอง ตรวจสอบราคารถยนต์มือสอง เชิญที่นี่
LINE
ความคิดเห็น